พระอภัยมณีฉบับคำกลอน ๖ มี.ค.๕๘

พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด

ชุดที่ ๑๓ สิ้นเสียงปี่

ตอนที่ ๒ รักษาพรตพรหมจรรย์ด้วยหรรษา

ฑ.มณฑา

ทางฝ่ายกรุงลังกา นางละเวงวัณฬานั้นได้คลอดโอรสชื่อมังคลา นางรำภาสะหรีคลอดบุตรเป็นชายชื่อวลายุดา
นางยุพาผกาก็มีบุตรชายชื่อวายุพัฒน์ และนางสุลาลีวันก็ได้บุตรชายชื่อหัสกัน ทั้งสี่นายเกิดปีเดียวกัน
และได้เติบโตร่ำเรียนวิชาความรู้ จากพระสังฆราช และ บาทหลวงปีโป จนอายุได้สิบห้าปี
พระมารดาจึงอภิเษกให้มังคลาขึ้นครองกรุงลังกา ให้วลายุดาเป็นอุปราช และวายุพัฒน์กับหัสกันเป็นทหารเอกซ้ายขวา

ต่อมามังคลาได้มเหสีชื่อนางสุนี สังฆราชก็ยุให้มังคลา ไปชิงเอาโคตรเพชรประจำกรุงลังกา
ซึ่งนางเสาวคนธ์ได้ขอเอาไปไว้ที่กรุงการะเวก เมื่อครั้งเสร็จศึกคราวก่อน คืนมาให้ได้
คลาจึงให้หัสกันไปตีเมืองการะเวกชิงโคตรเพชรมาได้

ขณะนั้นพระอภัยมณีกับศรีสุวรรณและสินสมุท ไปทำศพท้าวสุทัศน์พระบิดาของพระอภัยมณีที่เมืองรัตนา
หัสไชยไปเยี่ยมนางสุวรรณมาลีที่เมืองผลึก เมื่อทราบข่าวก็ลากลับเมืองการะเวก มังคลาก็ให้วายุพัฒน์กับหัสกันไปตีเมืองผลึก
จับนางสุวรรณมาลีมาได้ และวลายุดาก็ไปตีเมืองรมจักรของศรีสุวรรณจับเอาท้าวทศวงศ์ มาขังรวมกับนางสุวรรณมาลี ที่ด่านดงตาล

ฝ่ายหัสไชยเมื่อกลับถึงเมืองการะเวกแล้ว ก็ยกทัพมากรุงลงกา ได้รบกับมังคลาก็แตกพ่าย
นางเสาวคนธ์และสุดสาครรู้ข่าวก็ยกจากเมืองวาหุโลมมาช่วย ก็ถูกมังคลาตีแตกไปอีก
นางละเวงจึงช่วยพานางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์ ออกจากด่านดงตาลไปอยู่ในกรุงลังกา
ส่วนมังคลาคิดตั้งค่ายกลที่ด่านดงตาล โดยมีสังฆราชเป็นที่ปรึกษา คอยรับมือกับพวกญาติทางกรุงผลึก
ซึ่งมีพระอภัยมณีผู้บิดาและศรีสุวรรณผู้เป็นอา ที่ยกมาจากเมืองรัตนามาสมทบกับหัสไชย และนางเสาวคนธ์กับสุดสาคร

การศึกคราวนี้ฝ่ายมารดาของมังคลา วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกัน ได้ไปเข้าข้างฝ่ายกรุงผลึกทั้งหมด
ทั้งสองฝ่ายรบกันอยู่หลายยก จนสุดท้ายเมื่อพระอภัยมณียกมาเจอกับกองทัพของลูกหลาน ทางฝ่ายกรุงลังกา
ก็ต้องการจะเผด็จศึกโดยเร็ว จึงเป่าปี่วิเศษขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย

ฝ่ายองค์พระอภัยเห็นใกล้ค่ำ
จึงวักน้ำลูบปี่อธิษฐาน
เป่าเสียงสูงฝูงคนเหลือทนทาน
ก้องกังวานวาบวับเสียงจับใจ
ให้ปลาบปลื้มลืมอื่นบ้างยืนนั่ง
โยธาทั้งสามทัพเคลิ้มหลับใหล
แต่องค์พระมังคลาคาดตราไว้
ตกพระทัยวิ่งมาเข้าหาครู
บาทหลวงยังนั่งกินเหล้าเสียงเป่าปี่
ฉวยทองหยิบบีบขยี้เข้าที่หู
ฉุด มังคลาว่าไวไวไปกับกู
ออกประตูตะวันตกวิ่งวกวน
ดูช้างม้าต่างหลับเห็นทัพล้อม
ตั้งค่ายอ้อมโอยสกัดคิดขัดสน
เข้าบุกป่าผ่าหนามไปตามจน
แต่สองคนด้นเดินเนินบรรพต ฯ

ในครั้งนี้ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกัน ถูกจับได้ แต่พระอภัยมณีไม่เอาโทษ สั่งให้ส่งตัวไปให้แม่ของแต่ละคนลงโทษกันเอง
แต่ในที่สุดอาจารย์ของทั้งสามคน ก็มาลักตัวรอดไปจนได้

นางละเวงจึงคิดจะยกเมืองลังกาให้หัสไชยครอบครอง แต่ทางเจ้าเมืองการะเวก ขอให้สุดสาครและนางเสาวคนธ์ครองกรุงลังกาแทน
แล้วให้หัสไชยกลับไปครองกรุงการะเวก พระอภัยมณีก็จัดแจงอภิเษกให้ฝาแฝดสร้อยสุวรรณจันทรสุดา เป็นมเหสีหัสไชยซ้ายขวาพร้อมกัน

สุดสาครเสาวคนธ์วิมลสร้อย
ให้เกี่ยวก้อยกระหวัดพระหัตถา
พระหัสไชยให้พระน้องสองสุดา
เกี่ยวก้อยขวาก้อยซ้ายฝ่ายละกร
ฝ่ายโยคีชีพราหมณ์รามราช
สำรวมศาสตร์อิศโรสโมสร
สวดพิธีอภิรมย์สยมพร
ให้ถาวรสืบกษัตริย์สวัสดี
ได้เวลาฟ้าร้องตีฆ้องฤกษ์
พฤฒาเฒ่าเข้าเบิกขวัญบายศรี
บัณเฑาะว์ดังกังวาลขานดนตรี
พวกโหรตีฆ้องโห่ก้องโกลา
ปุโรหิตติดแว่นวิเชียรเทียน
จุดเพลิงเวียนวงซ้ายไปฝ่ายขวา
โหมพิณพาทย์ฆาตฆ้องก้องลังกา
แตรฝรั่งบั้งหล่ากลองมลายู ฯ

เสร็จงานอภิเษกแล้ว หัสไชยก็พามเหสีทั้งสองไปครองกรุงการะเวก ศรีสุวรรณก็พาท้าวทศวงศ์กลับไปกรุงรมจักร

พระอภัยมณีนั้นยังคงอยู่ที่กรุงลังกา เพื่อคอยระวังป้องกันบุตรหลานเชื้อชาติฝรั่งทั้งสี่ ที่อาจจะหวนกลับมาก่อศึกอีก
พร้อมด้วยมเหสีทั้งสอง แต่นางก็เกี่ยงงอนกันอยู่ไม่เป็นสุข จึงออกบวชเป็นฤาษีที่เขาสิงคุตร์
นางสุวรรณมาลีกับนางละเวงวัณฬา ก็ตามไปบวชเป็นชีด้วย ส่วนนางรำภาสะหรี นางยุพาผกา และนางสุลาลีวันก็อยากจะออกบวช
แต่พระอภัยมณีไม่รับ จึงต้องอยู่ในกรุงลังกาต่อไป

พระอภัยไปตั้งหลังบรรพต
รักษาพรตพรหมจรรย์ด้วยหรรษา
รำภาสะหรีลีวันยุพาผกา
คุมโยธาฝรั่งอยู่ทั้งพัน
เก็บส้มสูกลูกไม้เผือกมันมั่ง
ถวายทั้งสามองค์ให้ทรงฉัน
เป็นป่ากว้างทางเดินเนินอนันต์
ไปสามวันจึงถึงวังเมืองลังกา
สินสมุทไปบำรุงกรุงผลึก
ไปปราบศึกสืบวงศ์เผ่าพงศา
สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา
ครองลังกาผาสุขสนุกสบาย

* * * * * * * * * *

เมื่อจบคำกลอนท้ายบทที่ ๖๔ ดังนี้แล้ว ก็ยังมีนิทานเป็นเรื่องร้อยแก้วต่อไปอีกประมาณ ๒๐ หน้า มีตัวละครเพิ่มขึ้นมากมาย
แต่ตัวละครที่มีผู้เป็นห่วงอยู่มากคือ นางมัจฉา นั้น ท่านสุนทรภู่ก็มิได้ละเลยเสีย คงมีความอยู่ว่า

คืนวันหนึ่งพระอภัยมณีระลึกถึงพระโยคี และนางเงือกที่เกาะแก้วพิศดาร จึงเข้าฌาณเหาะไปเยี่ยมอาจารย์
และสั่งสอนนางเงือกให้รักษาศีลห้าประการ แล้วกลับมายังเขาสิงคุตร์

ส่วนสุดสาครที่ครองเมืองลังกา วันหนึ่งฝันเห็นนางมัจฉาผู้เป็นมารดาที่เกาะแก้วพิศดาร ตื่นขึ้นมีความวิตก และคิดถึงเป็นอันมาก
จึงเรียกม้ามังกรมา แล้วขึ้นขี่ไปยังเกาะแก้วพิศดาร เมื่อได้เยี่ยมพระโยคีและมารดาแล้วก็ลากลับมาเมืองลังกา
และไปเฝ้าพระอภัยมณี ณ เขาสังคุตร์ เล่าความที่ได้ไปเยี่ยมมารดาและพระโยคีให้บิดาฟัง

ส่วนนางมัจฉานั้น ตั้งแต่พระอภัยไปสอนให้รักษาศีลห้า ก็อุตส่าห์รักษาอย่างเคร่งครัดมิให้ด่างพร้อย
และอุตส่าห์ขึ้นมาฟังคำสั่งสอนพระโยคีอยู่เสมอ จนร้อนถึงพระอินทร์ต้องลงมาตัดหางให้ นางมัจฉาจึงได้อัตภาพเป็นมนุษย์

พระโยคีจึงไปบอกให้สุดสาครทราบ สุดสาครก็จัดเรือไปรับนางมัจฉาเข้ามาเมืองลังกา
พระอภัยมณีได้ทราบความจึงพานางสุวรรณมาลีและนางละเวงมาเยี่ยม นางมัจฉาจะขอบวชเป็นชีบ้าง
แต่พระอภัยไม่ยอมให้บวช โดยอ้างว่ากำเนิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานบวชไม่ได้

สุดสาครจึงจัดงานฉลองมารดาและสถาปนานามใหม่ว่า จันทวดีพันปีหลวง
ครั้นเสร็จงานฉลองแล้ว พระอภัยมณี นางสุวรรณมาลี และนางละเวง ก็กลับไปยังเขาสิงคุตร์
สุดสาครกับนางเสาวคนธ์ ก็ครองเมืองลังกา และนรินทร์รัตน์บุตรของสุดสาครกับนางเสาวคนธ์
ก็กลับไปครองเมืองรัตนาของท้าวสุทัศน์ ปู่ทวดของตนต่อไป

เป็นอันสิ้นสุดนิยายคำกลอนของท่านสุนทรภู่ลงโดยบริบูรณ์แต่เพียงนี้.

#############
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่