
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม Winning Insight M ได้แถลงการณ์ค่ายว่ารยู น้องเล็กของวงออกจากวง ต่อมารยูจึงได้เข้าไปโพสข้อความในแฟนคาเฟ่ แต่ก็ถูกลบออกอย่างรวดเร็ว
► แถลงการณ์จากฝั่ง Winning Insight M ที่ออกมาก่อน
“สวัสดีครับ นี่คือ Winning Insight M. นะครับ
โชคร้ายที่เรามีข่าวเศร้ามายัง Misos (มิโซ – ชื่อแฟนคลับ) ของเราที่มักจะชื่นชมและให้ความรักกับ MR.MR. เสมอมา เราเสียใจจริงๆที่จะต้องประกาศแถลงการณ์นี้
เป็นเวลา 2 ปี 4 เดือนผ่านมานับตั้งแต่การเดบิวต์ของ MR.MR และตลอดระยะเวลานั้นพวกเขาได้รับความรักอย่างมากมายจากทุกคน เรื่องน่าเศร้าเล็กน้อยก็ได้เกิดขึ้น
น้องเล็กของเรา รยู ที่ได้รับความรักอย่างมากจนถึงขณะนี้ได้สิ้นสุดสัญญากับค่ายของเราอันเนื่องมาจากเหตุผลจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และเรามีความเสียใจที่จะต้องประกาศว่าเขาจะออกจากวง สาเหตุที่สัญญานั้นต้องสิ้นสุดรวมถึงความเห็นต่างทางดนตรีและความเข้าใจคนอื่นๆ เราหวังว่าพวกคุณจะเข้าใจ”








►
โพสแถลงการณ์ในแฟนคาเฟ่ของรยู MR.MR
นี่คือแถลงการณ์จากรยู หรือโอกิแท็ก
(หัวข้อ) สวัสดีครับ นี่คือโอ กิแท็กนะครับ
สวัสดีครับ มิโซ
นี่คือโอ กิแท็ก คนที่เคยเป็นเมมเบอร์ของ MR.MR แต่ว่ายังไม่ได้เลิกสัญญาครับ
ก่อนอื่นเลย ผมเสียใจที่ต้องอัพโหลดเรื่องราวเหล่านี้ลงบนแฟนคาเฟ่สาธารณะ และตัวผมเองที่ตกอยู่ในความเจ็บปวดมากเหลือเกินกับเรื่องพวกนี้
ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมเจ็บปวด ทว่าความเห็นส่วนตัวของผมและข้อความที่ค่ายได้อัพโหลดนั้นแตกต่างกัน ผมไม่มีทางเลือกนอกจากอัพโหลดข้อความที่ยาวพวกนี้
เมื่อเช้านี้ หลังจากที่ได้รับข้อความต่างๆและเมนชั่นจากแฟนๆมากมาย ผมเข้าไปที่แฟนคาเฟ่และเห็นโพสของค่ายเป็นครั้งแรก
เหตุผลที่แท้จริงของผมที่ลาออกจากค่ายคือการทำร้ายร่างกายของพวกเขา การข่มขู่ด้วยวาจาและประเด็นเกี่ยวกับสัญญา และพวกเราในฐานะเมมเบอร์ถูกเพิกเฉยจนเป็นปกติที่บริษัท นั่นคือสาเหตุที่แท้จริงครับ
ด้านล่างนี้คือการยืนยันว่าผมถูกทำร้ายร่างกายตรงไหนครับ ผมตั้งใจจะยื่นเป็น (หลักฐาน) ส่วนหนึ่งของการฟ้องร้อง ได้โปรดพิจารณานะครับ
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2015 ประมาณ 7 หรือ 8 โมงเช้า ผมได้รับโทรศัพท์จากประธานค่ายให้มาพูดคุยกันซึ่งหน้า ดังนั้นผมจึงเข้าไป
ที่นั่นที่ผมต้องทรมานจากการถูกทำร้ายร่างกายและการด่าทอ
ผมแสดงความเห็นเกี่ยวกับเพลงให้ท่านประธาน และเขาก็บอกว่าการคัมแบ็คของพวกเราเลื่อนออกไป และนอกจากเทย์ ก็ไม่ควรมีเมมเบอร์คนไหนที่ต้องออกจากค่าย
แน่นอนว่าเลขายูบอกกับผมเรื่องนี้ผ่านทางคาคาโอทอล์คแล้ว แต่ก็นะ...
จากนั้นเขาก็ตีเข้าที่บ้องหูผมสองครั้งด้วยแฟ้มขนาดเท่าแขนผม (forearm) แล้วผมก็มึนไปชั่วขณะ
เขาพูดจบและก็บอกให้ผมออกไป ทั้งๆที่ผมในตอนนั้นไม่สามารถได้ยินอะไรแล้วก็มึนอยู่ พูดออกมาไม่ได้ และมีเลือดไหลออกมาจากหู
จุดนั้นเองที่ทำให้ผมตัดสินใจว่าผมต้องถ่ายรูปไว้ แต่ดูเหมือนท่านประธานจะพูดต่อและทำร้ายผมอีกครั้ง
สุดท้ายแล้วผมก็เลยไม่ได้ถ่ายรูป และลุกขึ้นมานั่งเงียบๆแทนและฟังเขาพูดต่ออีกประมาณชั่วโมงครึ่งโดยที่ผมไม่ได้พูดอะไร
ตอนที่ผมถ่ายรูปตำแหน่งที่ถูกตี ตอนนั้นหูของผมไม่ได้ดูแย่มากแล้ว แล้วเขาก็เอาแบบฟอร์มสัญญามาให้ดูและให้ผมเซ็นต์ลงไป
ถ้าผมไม่เซ็นต์ เขาบอกว่าเขาจะตัดผมออกจากวง ก่อนหน้านั้น ผมเซ็นต์สัญญาพวกนี้ไปแล้วนี่???
ในสัญญาจู่ๆก็ระบุว่าห้ามไม่ให้พวกเราปรากฎตัวให้เห็นในที่สาธารณะ และถ้าเราถูกจับได้นอกหอพัก เราจะถูกฟ้องเป็นเงิน $300,000 (ประมาณ 9 ล้านกว่าบาท)
ผมรู้ว่าสัญญาประเภทนี้นอกเหนือจากสัญญาที่เป็นทางการนั้นผิดกฎหมาย แล้วผมก็กลับไปที่หอคนเดียว
แม้ว่าผมจะถูกตีและโกรธ ผมก็อดทนรอและไปโรงพยาบาลในวันต่อมาแล้วก็คุยกับแม่
เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้หลายครั้ง และยังมีตัวอย่างเหตุการณ์อื่นๆของการทำร้ายร่างกายและด่าทออีก แต่วันเวลาที่เกิดขึ้นนั้นไม่แน่ใจและมันก็ยังไม่ชัดเจน
เมื่อผมขอให้คิดคำนวณ ผมถูกเรียกว่า “คนโลภมาก” และบอกว่าผมจะถูกตัดออกจากวง ผมกลัวว่าสิ่งที่ท่านประธานพูดจะเป็นจริงและผมจะต้องถูกตัดออกจริงๆ ผมก็เลยไม่ได้พูดออกมาแม้กระทั่งเพื่อตัวเอง
ปกติแล้ว ในสัญญาแต่ละฉบับ การคิดคำนวณเงินที่กำหนดจะออกมาในทุกๆสิ้นเดือน
แล้วก็ถ้าคุณได้ฟังเสียงที่อัด เงินลงทุนจำนวน $300,000 ที่พูดไว้ไม่เคลียร์ และไม่ใช่แค่ไม่มีหลักฐานอื่น แต่ยังไม่มีกำหนดอื่นที่ระบุไว้แม้ว่าผมจะขอดูรายละเอียดของสัญญาก็ตาม เขาไม่ได้ให้เราและเรายังถูกด่าเวลาที่ร้องขอดูอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาบอกกับแม่ผมตอนที่พูดคุยส่วนตัวกันเกี่ยวกับพวกเมมเบอร์ “เราตรวจสอบประวัติอาชญากรของพ่อพวกเขาและรู้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาอยู่ที่ไหนด้วย” (พ่อของเมมเบอร์โกรธมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาถึงกับไปที่ค่ายด้วยตนเอง)
การข่มขู่ทำนองนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆกับเมมเบอร์คนอื่นๆที่ได้รับการบอกว่า “เรากำลังพิจารณาถึงเรื่องที่จะกำจัดพวกนายออกไป"
กับเรื่องเหล่านี้ที่ได้พูดออกมา ไม่มีอะไรที่พวกเราทำได้จริงๆ ถ้าพวกเราบอกว่าไม่มีความสุข เราจะต้องถูกกำจัดออก ในโลกธุรกิจ พวกเขากำลังเล่นอยู่กับชีวิตความเป็นอยู่ของคุณ
ถึงแม้ว่าเราอยากจะเพิ่มเติมในสัญญา แต่เมื่อเราถามก็กลับถูกด่าและเรียกว่า “ไอ้พวกละโมบ” เราก็เลยได้แต่หวัง แต่เพราะเรายังถูกขู่อยู่เรื่อยๆว่าจะไล่ออก ความเห็นและความต้องการของพวกเราถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง จนแล้วจนรอด เราก็ไม่สามารถทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาได้และทำได้แค่เพียงเซ็นต์สัญญาดั้งเดิมแต่แรกที่พวกเขายื่นให้
มันเป็นสัญญาทาสอย่างแน่นอน เงินจำนวน $300,000 ที่ผมพูดถึงไปแล้วนั้นก่อนหน้าเป็นแต่เพียงด้วยวาจา (ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญา) และเมื่อมันไม่มีบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมท้ายสัญญา ทุกๆอย่างจะถูกตีเป็นเป็นส่วนหนึ่งของหนี้ ประเด็นนี้ถูกตั้งขึ้นมา
ท่านประธานค่ายพูดว่าก็เป็นเรื่องปกติที่มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว…
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมมีคำถามเกี่ยวกับคอนเส็ปต์ของเราหรืออะไรก็แล้วแต่และถามกับพวกเขา แม้ว่าผมจะไม่เคยถามด้วยความโกรธหรือน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก ผมมักจะได้รับการด่าตอบกลับมาทันที
ตอนที่ความเห็นของเราเสนอไปยังค่าย พวกเราถูกกล่าวหาว่าสร้างความขัดแย้งและแตกแยกกันในค่ายและพวกเราถูกขู่ว่าจะไล่ออก
ครั้งหนึ่งที่เราพูดกันถึงเรื่องนี้ พวกเขาบอกว่าเราปล่อยข่าวลือและสร้างปัญหา
ตัวอย่างเช่น เราเกลียดพวกนายทุกคน นายคิดว่าเราอยู่ข้างนายเหรอ? ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของพวกนาย
จนในที่สุด หลังจากมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายนี้ พวกเมมเบอร์ก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ พวกเรารู้ว่าสิ่งที่ค่ายได้พูดมานั้นไม่เป็นความจริงเลย
และถ้ามีการเอาสัญญามาแสดงให้ผมดูว่ามีเนื้อหาเป็นอย่างไร ผมจะบอกได้เลยว่าผมเป็นคนเซ็นต์เอง แต่คุณก็ไม่ได้เอามาให้ผมดู แต่กลับบอกว่าทั้งหมดเกิดจากการการกระทำของผม
ถ้าผมไม่บอกแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็คงไม่รู้ว่าการโปรโมตที่ญี่ปุ่นในเดือนมีนาคมเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาด้วย
ผมอาจจะเซ็นต์สัญญาตลอดชีวิตด้วยเงื่อนไขใดๆที่กำหนดในนั้นก็ได้เพราะผมไม่รู้ เพราะผมไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นสัญญา และสิ่งที่พวกเขาพูดก็ต่างจากสิ่งที่ระบุไว้
ผมบอกกับแม่เรื่องนี้และบอกว่าผมทนกับค่ายไม่ได้อีกต่อไปและอยากจะลาออก แล้วก็เตรียมตัวสำหรับการดำเนินคดี
พวกเขาพูดถึงแต่คนที่ตรวจสอบประวัติอาชญากรตลอดและบอกว่าผมพยายามจะอวดว่าผมมีเงินและมี “ผู้สนับสนุน” ลับๆเบื้องหลัง
เมื่อรู้เรื่องอย่างนี้แล้ว ผมจึงอยากจะบอกเลิกสัญญากับ WinningInsightM. ครับ
ผมมั่นใจว่าสต๊าฟ WinningInsightM.คนอื่นที่ผมเคยทำงานด้วยสามารถอ่านข้อความนี้และเห็นใจกับสิ่งที่ผมต้องเจอ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผมเขียนมาข้างต้น ผมไม่สามารถพูดสิ่งที่อยากพูดได้ ทั้งหมดมันไม่ยุติธรรมเลย
แถลงการณ์ข้างต้นคือสิ่งที่ผมอยากจะสื่อออกไป
ข้างต้นคือพยานหลักฐานของผม ความสัตย์จริงเกี่ยวกับการลาออกจากวงคือข้อความนี้
แต่ในความเป็นจริงแล้วผมยังไม่ได้เลิกหรือฉีกสัญญาและผมยังคงอยู่ในบังคับมัน
ผมรู้มากกว่าใครๆว่าข้อความนี้จะทำร้ายเมมเบอร์คนอื่นๆมากเท่าไหร่รวมถึงแฟนๆ แต่แถลงการณ์ที่ไม่จริงของค่ายเกี่ยวกับการที่ผมถอนตัวออกจาก MR.MR และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมที่ผมได้รับในขณะที่อยู่ในวงจำเป็นจะต้องเปิดเผยให้ได้รับรู้ ดังนั้นผมจึงอัพโหลดไว้ที่นี่
ผมต้องขอโทษอีกครั้งเป็นอย่างยิ่งกับมิโซและขอโทษอีกครั้งที่พวกคุณไม่รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของผมจนต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้
สำหรับการถูกจับได้ว่าเดทโดยไม่คำนึงถึงจิตใจ ผมเกลียดตัวเองและทั้งขอบคุณและขอโทษยังแฟนๆที่เชื่อมันในตัวผมที่ไม่คู่ควร ผมขอโทษจากใจจริงครับ
โอกาสที่มหัศจรรย์เหล่านี้มีได้ยากและคงไม่หวนกลับมาอีกครั้ง
ผมจะกลับมาในฐานะรยู คนที่ไม่ตกเป็นเหยื่ออีกครั้งครับ
ขอบคุณที่อ่านข้อความที่ยาวนี้
ขอโทษและขอบคุณครับ
ค่ายเพิ่มสมาชิกใหม่เร็วมากครับ โดยจะเปิดให้โหวตเลือกเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
[K-POP] รยู MR.MR ประกาศลาออกจากวง หลังโดนค่ายทำร้ายร่างกาย!
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม Winning Insight M ได้แถลงการณ์ค่ายว่ารยู น้องเล็กของวงออกจากวง ต่อมารยูจึงได้เข้าไปโพสข้อความในแฟนคาเฟ่ แต่ก็ถูกลบออกอย่างรวดเร็ว
► แถลงการณ์จากฝั่ง Winning Insight M ที่ออกมาก่อน
“สวัสดีครับ นี่คือ Winning Insight M. นะครับ
โชคร้ายที่เรามีข่าวเศร้ามายัง Misos (มิโซ – ชื่อแฟนคลับ) ของเราที่มักจะชื่นชมและให้ความรักกับ MR.MR. เสมอมา เราเสียใจจริงๆที่จะต้องประกาศแถลงการณ์นี้
เป็นเวลา 2 ปี 4 เดือนผ่านมานับตั้งแต่การเดบิวต์ของ MR.MR และตลอดระยะเวลานั้นพวกเขาได้รับความรักอย่างมากมายจากทุกคน เรื่องน่าเศร้าเล็กน้อยก็ได้เกิดขึ้น
น้องเล็กของเรา รยู ที่ได้รับความรักอย่างมากจนถึงขณะนี้ได้สิ้นสุดสัญญากับค่ายของเราอันเนื่องมาจากเหตุผลจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และเรามีความเสียใจที่จะต้องประกาศว่าเขาจะออกจากวง สาเหตุที่สัญญานั้นต้องสิ้นสุดรวมถึงความเห็นต่างทางดนตรีและความเข้าใจคนอื่นๆ เราหวังว่าพวกคุณจะเข้าใจ”
► โพสแถลงการณ์ในแฟนคาเฟ่ของรยู MR.MR
นี่คือแถลงการณ์จากรยู หรือโอกิแท็ก
(หัวข้อ) สวัสดีครับ นี่คือโอ กิแท็กนะครับ
สวัสดีครับ มิโซ
นี่คือโอ กิแท็ก คนที่เคยเป็นเมมเบอร์ของ MR.MR แต่ว่ายังไม่ได้เลิกสัญญาครับ
ก่อนอื่นเลย ผมเสียใจที่ต้องอัพโหลดเรื่องราวเหล่านี้ลงบนแฟนคาเฟ่สาธารณะ และตัวผมเองที่ตกอยู่ในความเจ็บปวดมากเหลือเกินกับเรื่องพวกนี้
ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมเจ็บปวด ทว่าความเห็นส่วนตัวของผมและข้อความที่ค่ายได้อัพโหลดนั้นแตกต่างกัน ผมไม่มีทางเลือกนอกจากอัพโหลดข้อความที่ยาวพวกนี้
เมื่อเช้านี้ หลังจากที่ได้รับข้อความต่างๆและเมนชั่นจากแฟนๆมากมาย ผมเข้าไปที่แฟนคาเฟ่และเห็นโพสของค่ายเป็นครั้งแรก
เหตุผลที่แท้จริงของผมที่ลาออกจากค่ายคือการทำร้ายร่างกายของพวกเขา การข่มขู่ด้วยวาจาและประเด็นเกี่ยวกับสัญญา และพวกเราในฐานะเมมเบอร์ถูกเพิกเฉยจนเป็นปกติที่บริษัท นั่นคือสาเหตุที่แท้จริงครับ
ด้านล่างนี้คือการยืนยันว่าผมถูกทำร้ายร่างกายตรงไหนครับ ผมตั้งใจจะยื่นเป็น (หลักฐาน) ส่วนหนึ่งของการฟ้องร้อง ได้โปรดพิจารณานะครับ
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2015 ประมาณ 7 หรือ 8 โมงเช้า ผมได้รับโทรศัพท์จากประธานค่ายให้มาพูดคุยกันซึ่งหน้า ดังนั้นผมจึงเข้าไป
ที่นั่นที่ผมต้องทรมานจากการถูกทำร้ายร่างกายและการด่าทอ
ผมแสดงความเห็นเกี่ยวกับเพลงให้ท่านประธาน และเขาก็บอกว่าการคัมแบ็คของพวกเราเลื่อนออกไป และนอกจากเทย์ ก็ไม่ควรมีเมมเบอร์คนไหนที่ต้องออกจากค่าย
แน่นอนว่าเลขายูบอกกับผมเรื่องนี้ผ่านทางคาคาโอทอล์คแล้ว แต่ก็นะ...
จากนั้นเขาก็ตีเข้าที่บ้องหูผมสองครั้งด้วยแฟ้มขนาดเท่าแขนผม (forearm) แล้วผมก็มึนไปชั่วขณะ
เขาพูดจบและก็บอกให้ผมออกไป ทั้งๆที่ผมในตอนนั้นไม่สามารถได้ยินอะไรแล้วก็มึนอยู่ พูดออกมาไม่ได้ และมีเลือดไหลออกมาจากหู
จุดนั้นเองที่ทำให้ผมตัดสินใจว่าผมต้องถ่ายรูปไว้ แต่ดูเหมือนท่านประธานจะพูดต่อและทำร้ายผมอีกครั้ง
สุดท้ายแล้วผมก็เลยไม่ได้ถ่ายรูป และลุกขึ้นมานั่งเงียบๆแทนและฟังเขาพูดต่ออีกประมาณชั่วโมงครึ่งโดยที่ผมไม่ได้พูดอะไร
ตอนที่ผมถ่ายรูปตำแหน่งที่ถูกตี ตอนนั้นหูของผมไม่ได้ดูแย่มากแล้ว แล้วเขาก็เอาแบบฟอร์มสัญญามาให้ดูและให้ผมเซ็นต์ลงไป
ถ้าผมไม่เซ็นต์ เขาบอกว่าเขาจะตัดผมออกจากวง ก่อนหน้านั้น ผมเซ็นต์สัญญาพวกนี้ไปแล้วนี่???
ในสัญญาจู่ๆก็ระบุว่าห้ามไม่ให้พวกเราปรากฎตัวให้เห็นในที่สาธารณะ และถ้าเราถูกจับได้นอกหอพัก เราจะถูกฟ้องเป็นเงิน $300,000 (ประมาณ 9 ล้านกว่าบาท)
ผมรู้ว่าสัญญาประเภทนี้นอกเหนือจากสัญญาที่เป็นทางการนั้นผิดกฎหมาย แล้วผมก็กลับไปที่หอคนเดียว
แม้ว่าผมจะถูกตีและโกรธ ผมก็อดทนรอและไปโรงพยาบาลในวันต่อมาแล้วก็คุยกับแม่
เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้หลายครั้ง และยังมีตัวอย่างเหตุการณ์อื่นๆของการทำร้ายร่างกายและด่าทออีก แต่วันเวลาที่เกิดขึ้นนั้นไม่แน่ใจและมันก็ยังไม่ชัดเจน
เมื่อผมขอให้คิดคำนวณ ผมถูกเรียกว่า “คนโลภมาก” และบอกว่าผมจะถูกตัดออกจากวง ผมกลัวว่าสิ่งที่ท่านประธานพูดจะเป็นจริงและผมจะต้องถูกตัดออกจริงๆ ผมก็เลยไม่ได้พูดออกมาแม้กระทั่งเพื่อตัวเอง
ปกติแล้ว ในสัญญาแต่ละฉบับ การคิดคำนวณเงินที่กำหนดจะออกมาในทุกๆสิ้นเดือน
แล้วก็ถ้าคุณได้ฟังเสียงที่อัด เงินลงทุนจำนวน $300,000 ที่พูดไว้ไม่เคลียร์ และไม่ใช่แค่ไม่มีหลักฐานอื่น แต่ยังไม่มีกำหนดอื่นที่ระบุไว้แม้ว่าผมจะขอดูรายละเอียดของสัญญาก็ตาม เขาไม่ได้ให้เราและเรายังถูกด่าเวลาที่ร้องขอดูอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาบอกกับแม่ผมตอนที่พูดคุยส่วนตัวกันเกี่ยวกับพวกเมมเบอร์ “เราตรวจสอบประวัติอาชญากรของพ่อพวกเขาและรู้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาอยู่ที่ไหนด้วย” (พ่อของเมมเบอร์โกรธมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาถึงกับไปที่ค่ายด้วยตนเอง)
การข่มขู่ทำนองนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆกับเมมเบอร์คนอื่นๆที่ได้รับการบอกว่า “เรากำลังพิจารณาถึงเรื่องที่จะกำจัดพวกนายออกไป"
กับเรื่องเหล่านี้ที่ได้พูดออกมา ไม่มีอะไรที่พวกเราทำได้จริงๆ ถ้าพวกเราบอกว่าไม่มีความสุข เราจะต้องถูกกำจัดออก ในโลกธุรกิจ พวกเขากำลังเล่นอยู่กับชีวิตความเป็นอยู่ของคุณ
ถึงแม้ว่าเราอยากจะเพิ่มเติมในสัญญา แต่เมื่อเราถามก็กลับถูกด่าและเรียกว่า “ไอ้พวกละโมบ” เราก็เลยได้แต่หวัง แต่เพราะเรายังถูกขู่อยู่เรื่อยๆว่าจะไล่ออก ความเห็นและความต้องการของพวกเราถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง จนแล้วจนรอด เราก็ไม่สามารถทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาได้และทำได้แค่เพียงเซ็นต์สัญญาดั้งเดิมแต่แรกที่พวกเขายื่นให้
มันเป็นสัญญาทาสอย่างแน่นอน เงินจำนวน $300,000 ที่ผมพูดถึงไปแล้วนั้นก่อนหน้าเป็นแต่เพียงด้วยวาจา (ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญา) และเมื่อมันไม่มีบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมท้ายสัญญา ทุกๆอย่างจะถูกตีเป็นเป็นส่วนหนึ่งของหนี้ ประเด็นนี้ถูกตั้งขึ้นมา
ท่านประธานค่ายพูดว่าก็เป็นเรื่องปกติที่มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว…
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมมีคำถามเกี่ยวกับคอนเส็ปต์ของเราหรืออะไรก็แล้วแต่และถามกับพวกเขา แม้ว่าผมจะไม่เคยถามด้วยความโกรธหรือน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก ผมมักจะได้รับการด่าตอบกลับมาทันที
ตอนที่ความเห็นของเราเสนอไปยังค่าย พวกเราถูกกล่าวหาว่าสร้างความขัดแย้งและแตกแยกกันในค่ายและพวกเราถูกขู่ว่าจะไล่ออก
ครั้งหนึ่งที่เราพูดกันถึงเรื่องนี้ พวกเขาบอกว่าเราปล่อยข่าวลือและสร้างปัญหา
ตัวอย่างเช่น เราเกลียดพวกนายทุกคน นายคิดว่าเราอยู่ข้างนายเหรอ? ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของพวกนาย
จนในที่สุด หลังจากมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายนี้ พวกเมมเบอร์ก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ พวกเรารู้ว่าสิ่งที่ค่ายได้พูดมานั้นไม่เป็นความจริงเลย
และถ้ามีการเอาสัญญามาแสดงให้ผมดูว่ามีเนื้อหาเป็นอย่างไร ผมจะบอกได้เลยว่าผมเป็นคนเซ็นต์เอง แต่คุณก็ไม่ได้เอามาให้ผมดู แต่กลับบอกว่าทั้งหมดเกิดจากการการกระทำของผม
ถ้าผมไม่บอกแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็คงไม่รู้ว่าการโปรโมตที่ญี่ปุ่นในเดือนมีนาคมเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาด้วย
ผมอาจจะเซ็นต์สัญญาตลอดชีวิตด้วยเงื่อนไขใดๆที่กำหนดในนั้นก็ได้เพราะผมไม่รู้ เพราะผมไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นสัญญา และสิ่งที่พวกเขาพูดก็ต่างจากสิ่งที่ระบุไว้
ผมบอกกับแม่เรื่องนี้และบอกว่าผมทนกับค่ายไม่ได้อีกต่อไปและอยากจะลาออก แล้วก็เตรียมตัวสำหรับการดำเนินคดี
พวกเขาพูดถึงแต่คนที่ตรวจสอบประวัติอาชญากรตลอดและบอกว่าผมพยายามจะอวดว่าผมมีเงินและมี “ผู้สนับสนุน” ลับๆเบื้องหลัง
เมื่อรู้เรื่องอย่างนี้แล้ว ผมจึงอยากจะบอกเลิกสัญญากับ WinningInsightM. ครับ
ผมมั่นใจว่าสต๊าฟ WinningInsightM.คนอื่นที่ผมเคยทำงานด้วยสามารถอ่านข้อความนี้และเห็นใจกับสิ่งที่ผมต้องเจอ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผมเขียนมาข้างต้น ผมไม่สามารถพูดสิ่งที่อยากพูดได้ ทั้งหมดมันไม่ยุติธรรมเลย
แถลงการณ์ข้างต้นคือสิ่งที่ผมอยากจะสื่อออกไป
ข้างต้นคือพยานหลักฐานของผม ความสัตย์จริงเกี่ยวกับการลาออกจากวงคือข้อความนี้
แต่ในความเป็นจริงแล้วผมยังไม่ได้เลิกหรือฉีกสัญญาและผมยังคงอยู่ในบังคับมัน
ผมรู้มากกว่าใครๆว่าข้อความนี้จะทำร้ายเมมเบอร์คนอื่นๆมากเท่าไหร่รวมถึงแฟนๆ แต่แถลงการณ์ที่ไม่จริงของค่ายเกี่ยวกับการที่ผมถอนตัวออกจาก MR.MR และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมที่ผมได้รับในขณะที่อยู่ในวงจำเป็นจะต้องเปิดเผยให้ได้รับรู้ ดังนั้นผมจึงอัพโหลดไว้ที่นี่
ผมต้องขอโทษอีกครั้งเป็นอย่างยิ่งกับมิโซและขอโทษอีกครั้งที่พวกคุณไม่รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของผมจนต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้
สำหรับการถูกจับได้ว่าเดทโดยไม่คำนึงถึงจิตใจ ผมเกลียดตัวเองและทั้งขอบคุณและขอโทษยังแฟนๆที่เชื่อมันในตัวผมที่ไม่คู่ควร ผมขอโทษจากใจจริงครับ
โอกาสที่มหัศจรรย์เหล่านี้มีได้ยากและคงไม่หวนกลับมาอีกครั้ง
ผมจะกลับมาในฐานะรยู คนที่ไม่ตกเป็นเหยื่ออีกครั้งครับ
ขอบคุณที่อ่านข้อความที่ยาวนี้
ขอโทษและขอบคุณครับ
ค่ายเพิ่มสมาชิกใหม่เร็วมากครับ โดยจะเปิดให้โหวตเลือกเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น