เกี่ยวกับสื่อไทย

กระทู้สนทนา
https://www.facebook.com/BBCThai
นายกฯ เสนอให้สื่อไทยรายงานข่าวเพื่อลดความขัดแย้ง ส่วนคนในวงการสื่อชี้สื่อไทยเน้นข่าวตามกระแสมากเกินไปและยังขาดข่าวเชิงลึก
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวเนื่องในวันนักข่าวหรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติในวันนี้ (5 มี.ค.) ชี้ว่าสื่อมวลชนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนชาติ และอยากให้สื่อเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริง ลดความขัดแย้ง และสร้างความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้
ในปีนี้สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดโครงการ 60 ปี สมาคมนักข่าวฯ โดยมีแนวคิดเป็นคำขวัญว่า “ปฏิวัติคนข่าว อภิวัฒน์สื่อ” ทั้งนี้เพื่อให้คนสื่อเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำข่าวให้สังคมยอมรับ เนื่องจากที่ผ่านมามีเสียงวิจารณ์การทำข่าวของสื่อมวลชนไทยมาก
นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันอิศรา ที่เป็นสถาบันฝึกอบรมด้านวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ให้ความเห็นว่าเรื่องจรรยาบรรณ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลยังเป็นประเด็นที่มีปัญหา ทั้ง ๆ ที่มีกฎหมายควบคุมและมีเสียงเรียกร้องให้เลิกกระทำ เช่น การลงรูปผู้เยาวชน ลงรูปศพ แต่ก็ยังมีการละเมิด ด้านการสำเสนอข่าวทางโทรทัศน์ ที่มีช่องให้เลือกมากถึง 24 ช่องนั้น ยังไม่เห็นว่ามีความโดดเด่น แต่ละช่องไม่มีความแตกต่าง ขาดข่าวเชิงลึกและเชิงสืบสวน นายประสงค์ชี้ว่ารางวัลอิศรา อมันตกุล ที่เป็นรางวัลสำหรับผลงานข่าวของคนสื่อในปีนี้นั้น ไม่มีรางวัลข่าวยอดเยี่ยม เพราะ “คุณภาพไม่ถึง ประเด็นไม่คม” นอกจากนั้นสื่อไทยยังทำข่าวตามกระแสมากเกินไป ในส่วนของสื่อที่เป็นองค์กรทางธุรกิจ นายประสงค์เห็นว่าการอภิวัฒน์คงเกิดได้ยาก เนื่องจากมีการแข่งกันกันสูงมากโดยเฉพาะทีวี เพราะต้นทุนเป็นตัวบังคับ แต่ละช่องต่างพยายามแย่งชิงเม็ดเงิน แย่งชิงเรทติ้ง เพื่อตัวรอดให้ได้ การเน้นคุณภาพจึงไม่ใช่นโยบายหลักของหลาย ๆ ช่อง แต่ถ้ามองในระยะยาวคุณภาพคือรายได้
ด้านนายธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการ สถาบันวิชาการสื่ออิสระชี้ว่าใน ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาสื่อไทยเจอความยากลำบากเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางด้านเทคโนโลยี กลุ่มผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์กลายมาเป็นผู้กำหนดทิศทางการทำข่าว ขณะที่สื่อไทยยังคงเน้นทำตามกระแส ในเชิงตั้งรับ ลืมบทบาทที่สำคัญคือหน้าที่ในการตรวจสอบ บางครั้งหลงในกระแส ตกในหลุมพรางข่าวที่แชร์ในเฟซบุ๊ก ไม่ได้ตรวจสอบแหล่งข่าวให้แน่ชัด สื่อไทยเพียงแค่แข่งกันที่ความเร็ว ความสนใจของผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นคนกรุงเทพฯ เสียส่วนใหญ่ สนใจเรื่องการแข่งขันเพื่อให้ได้คนกดไลค์ กดแชร์เยอะ ๆ มากเกินไป ส่วนทักษะด้านวิชาชีพ เรื่องคุณค่าข่าว สื่อยังคงเน้นขายประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง หรือประเด็นความขัดแย้งในสังคม ไม่ได้ช่วยพยายามลดความขัดแย้ง นอกจากนั้นยังมีการแบ่งก๊วนและสีในวงการสื่อ ทำให้ความสมานฉันท์ทำได้ยากและนำไปสู่ความแตกแยกมากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่