[CR] เล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ตอน “Lost Away in Tokyo”

กระทู้รีวิว
ฝาก like ให้เพจผมให้ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/littleduckinthefog

เล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ตอน “Lost Away in Tokyo”
             โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮิ้ววววววววว มง มง มง มง เท่ง มง เท่ง มง เท่ง มง ……….
     ที่ต้องตีกลองฆ้องวงกันขนาดนี้ นั่นก็เพราะ โอยยยยย….. 1 ปีที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นมนุษย์อ้วน ธรรมดาๆคนหนึ่ง ตื่นเช้าไปทำงาน กินข้าว ดูทีวี นอน นั่งเพ้ออยู่คนเดียวว่า กูจะไปไหนดีๆ แต่ เอ๊ะ อะ อูว์ อ้าววว ไม่มีตังค์ หนี้ก็ไม่หมด จบกัน นอนดีกว่า ขอขอบคุณการสื่อสารแห่งประเทศไทย ปิดคอม…………….กริ๊บ กริ๊บ
     ปีที่แล้วบอกเลยว่า ผมได้ไป Japan Japan นะ Japan ตั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกไป  Tokyo ครั้งแรกในชีวิตเลย ครั้งที่สอง Fukuoka แต่ เอ๊ะ อะ อูว์ อ้าววว มานั่งถามตัวเองว่า ทำไมไม่เอามาโชว์เพื่อนๆกันบ้างละ ว่าแล้วก็เปิดคอมขึ้นมา เอารูปมาคัด เอารุปมาวาง กว่าจะเสร็จก็เป็นชั่วโมง ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ทำ อะไรก็ดูลำบ๊าก ลำบาก เนอะ เอาละๆ ณ บัดนี้ขอเชิญท่านทั้งหลายสดับรับชมและฟังการผจญภัยของผม ณ บัดนี้เลยนะครับ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในความทรงจำผมน้อยมาก เพราะมันนานมาแล้ว ข้อมูลไหนที่ไม่ถูก ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ



เรื่องมันมีอยู่ แว๊ …. ว่า คุณทูลหัวอยากจะไปญี่ปุ่นครับ ไอ้เราก็ เอ้าไป ก็ไป ตังค์ก็ไม่ค่อยจะมี แต่ก็ไปอยากไปจับหิมะ อยากไปเจอหิมะ (ถ้าติดตามตอนกลางๆเรื่อง ท่านจะรู้เลยว่า ผมเกลียดหิมะตลอดชีวิต) ก็จัดแจงจองตั๋วโดยสารการบิน Ca..Pa ฮ่าๆๆ ไม่รู้เลยเนอะ สายการบินนี้ผมชอบตรงที่เค้าไม่บินตรงครับ เค้าแวะฮ่องกงก่อน เพราะโดยนิสัยส่วนตัว ผมไม่ชอบนั่งเครื่องบินนานๆ ผมอยากต่อเครื่องพักบ้างไรบ้าง ยืดขาบ้างไรบ้าง  
วันที่ 12 Feb 2014 ..เหยียบแผ่นดิน…
         From Bangkok to Japan ลงสู่สนามบิน Narita ก็ไปยืนรอ ตม. คนเยอะมากครับ กลัว ตม.จะถามนู่น นี่ นั่นด้วย แต่ปรากฎว่า ผ่านฉลุย มีคุณลุงถามตอน ตรวจกระเป๋าว่า “Where are you from?” เอ่อในใจเราก็ตอบไปเลยว่า ดู passport กูดิ ทันใดนั้นสมองก็สั่งการให้เราตอบไปว่า Bangkok ฮ่าเกือบไม่ได้เข้าเมืองแล้วเรา ผ่าน ตม.มาก็ไปที่ รถไฟใต้ดิน บอกตรงๆครับ งง มาก อ่านป้ายนู้น นี่ นั่น เฮ้ยในหนังสือไม่เห็นมี ว่าแล้วก็ซื้อบัตร Suica ก่อนเลยด้วยความที่อ่านหนังสือมา คุ้นๆ ซื้อแมร่งก่อนเลย วันแรกผมจะไป Kawaguchiko ก่อนเลยครับ หาข้อมูลมาเลย เราต้องนั่งรถไฟ JR อะไรซักอย่าง จำไม่ได้ละ ไปลงสถานี Shinjuku แล้วไปต่อรถบัส Keio ไป Kawaguchiko ปรากฏว่า นั่งมั่วครับ ไม่ได้จองที่นั่งอะไรเลย จองไม่เป็น ดีจังที่มีคุณลุงใจดีมาถามเราว่าจะไปไหน เราบอกว่าเราจะไป Shinjuku แกชี้ไปที่รถขบวนข้างหน้ากำลังจะออก เราก็รีบกระโดดขึ้นรถเลย ปรากฎว่า รถคันนี้เป็นรถธรรมดาครับ ฮ่าๆๆๆ ในใจนึกเลยว่า  วันแรกกรูก็โดนซะละ นอนก็ไม่ได้นอน นู้นนน กว่าจะถึงสถานีโตเกียว ชั่วโมงครึ่งนู้นนน เริ่มกระวนกระวาย หลงชัวๆๆๆๆๆ ทำไงดี ตั้งสติๆๆๆ หยิบแผนที่ขึ้นมาแล้วก็ ดูครับจากตรงนี้กรูจะไป Kawaguchiko ยังไง สรุปก็คือไหนๆก็ตกรถบัส ไปแล้วก็นั่งรถไฟนี่แหละ ยาวๆเลยไปลงสถานี Otsuka (น่าจะใช่นะ) ต่อสถานีนู้นสายนี้ มั่วไปหมดสุดท้ายก็มาถึงสถานี Otsuka ครับ



เชื่อม่ะทุกท่านครับ ผมลงรถไฟที่สถานี Otsuka ก็ไปถามนายสถานี “คุยไม่รู้เรื่องหรอก แต่ได้ความว่า รถไฟจะไป Kawaguchiko อีก 5 นาทีจะออกแล้ว” อ้าวเฮ้ยทันทีทันใด ก็วิ่งเอาบัตร Suica ไปติ๊ดเลยสิ แต่โอ้ววว พระเจ้าช่วยยด้วย บัตรติ๊ดไม่ได้ ตังหมดพนักงานพยายามจะบอกแต่ เอ่อบอกเป็นภาษาญี่ปุ่น ฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ แกเลยเดินไปชี้ที่ตู้หยอดเหรียญ เอาล่ะเสียตังค์อีกรอบ ไหนๆก็ไหนๆละก็จัดไป
    พอมาถึงที่สถานี โอ้ว โอ้ว โอ้ว ทำไมอ่ะ ทำไม ทำไมสถานที่นี้มันช่างสวยยยยยยยงาม อะไรขนาดนี้ ผมสวมเสื้อบางๆแล้วเอาคาดิแกนมาสวม เชื่อป่ะครับ บรรยากาศที่สุดยอดแบบนี้ แทบจะลืมความหนาวไปเลยครับ ผมก็นำกระเป๋าไปเก็บที่พัก ก็อยู่ตรงกันข้ามนั่นแหละ Kawaguchiko Inn อะไรซักอย่างนี่แหละ คุณลุงใจดีมาก พูดภาษาอังกฤษได้บ้าง ก็มั่วๆกันไป ผมมั่วบ้างลุงมั่วบ้าง สรุปคุยกันรู้เรื่อง ฮ่าๆๆ เก็บกระเป๋าเสร็จก็ไม่ รีรอเวลา ในช่วงบ่ายรีบไปซื้อตั๋ว  Fujikyo pass ticket (น่าจะนะจำไม่ได้อีกนั่นแหละ)เพื่อที่จะได้นั่งรถชมเมืองไปยันป้ายสุดท้ายเลยนะครับ แต่น่าเสียดายที่อากาศไม่เป็นใจ น้องฟูจิองผมขี้อายไม่ยอมเผยหน้าตาออกมาเลย อากาศดูครึ้ม มึนๆ งงๆ แต่ก็เอาเถอะมาถึงนี่แล้ว ดูดดื่มบรรยากาศให้เต็มที่ รายละเอียดท่องเที่ยวที่ Kawaguchiko ไปหาเอาเองนะครับหรือสอบถามหลังไมค์ได้ครับ ยินดีแนะนำและค้นคว้าหาให้ครับ งานถนัดของผม อิอิ



13 Feb 2014 …ดื่มด่ำบรรยากาศ…
    ตื่นเช้ามาเราก็รีบมุ่งหน้าไปที่สถานี Shimoyoshida โห…..เป็นเมืองที่ผู้คนน่ารัก เงียบสงบ สวย มว๊ากกกกกๆ ที่นี่เรากำลังจะไป Chureito Pagoda เจดีย์ 5 ชั้นสองข้างทางเต็มไปด้วยหิมะที่กวาดกองโดยผู้คนแถวนั้น หิมะขาวโพลนเต็มไปเลย ขาวจนแสบตากันไปเลยทีเดียว ลงรถไฟมาก็มั่วกันเลยทีเดียว บนถนนมีแต่รอยเท้าของเราที่เหยียบย่ำกันไป ไม่มีใครให้ถามทางเลยแม้แต่คนเดียว อ่านป้ายไม่ได้ เป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย ซักพักมีคุณแม่บ้านญี่ปุ่นเดินผ่านมา คุณแหม่ก็โค้งคำนับเลย โค นิ ชิ ว้า…  #@@!%^&*^%%$ เดส ก้า…. คุณๆคิดว่าผมจะทำยังไง ผมยืนสตั๊นไป 4 วิ กว่าจะรวบรวมสติกลับมาได้ ยัง ยัง ยังไม่หยุดพูด แต่คำสนทนาต่อมามีท่าทางเว้ยเฮ้ยยย คุณแหม่บอกว่า ข้ามทางรถไฟ ผมก็ “ไฮ้” เลี้ยวซ้าย ผมก็ “ไฮ้” ตรงไปข้ามใต้สะพาน ผมก็ “ไฮ้” จะถึงพอดี ถึงอะไร คุณแหม่รู้หรอว่าผมจะไปที่ไหน และสุดท้ายก็จบการสนทนาโดยผมกล่าวคำว่า อา ริ กา โต๊ะ โก ไซ มาสสสสสส แต่น่าเสียดายครับ ทางขึ้นเจดีย์มีหิมะปกคลุมทั้งหมด ขึ้นกันมาสองคนได้ซักพักนึงก็ตัดสินใจว่าได้แค่นี้แหละ อันตรายเกินไปที่จะขึ้นไป แต่ขอบอกว่า มันงดงามมว๊ากกกก จริงๆครับ



ดื่มด่ำกับ shimoyoshida กันมาซักพักนึงละก็เดินทางกลับมาสถานี Kawaguchiko เพื่อซื้อตั๋วรถบัสกลับมาที่ shinjuku ครับ



ถามสิว่าอ่านออกมั้ย ก็ตอบเลยว่า “ไม่” จากนั้นผมก็นั่งรถบัสเฉื่อยๆเอื่อยๆ (รถที่นี่เค้าจำกัดความเร็วนะครับ) จริงๆต้องบอกว่าเกือบจะทุกประเทศที่เค้าจำกัดความเร็ว ไม่เหมือนกับ สาย 8 บ้านเราหรือ รถทัวร์กรุงเทพ – XXX ที่พอเวลาผู้โดยสารหลับนี่ยิ้มซัดซะ 140 – 160 กูนี่กลัวจนหลับเลย “แมร่ง”
    และแล้วก็มาถึงสถานี Shinjuku ที่นี่ต่างจาก Kawaguchiko ชัดเจนมากๆ เนื่องจากผมมาถึงช่วงเย็นๆก็จะมี เด็กนักเรียน พนักงานออฟฟิต แหม่ๆๆๆดูเพลินตาอยู่ แต่สู้คนไทยไม่ได้หรอกบอกตามตรง ที่สวยๆเนี่ยไปอยู่ในแผ่น โม้ดดดดด ฮ่าๆๆ จัดแจงเติมบัตร suica แล้วก็นั่งรถไฟไปลง สถานี Inaricho ใช่แล้วผมพักที่โรงแรม Oak Hotel สาเหตุที่เลือกโรงแรมนี้คือ เดินไม่ไกลจากสถานี ราคาไม่แพง อยู่ระหว่าง Ueno กับ Asakusa ว่าแล้วก็ไม่รอช้าโดนกระเป๋าเสร็จ ก็ไป Odaiba ก่อนเลย ที่นั่นเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่มาก มีห้าง Venus fort สะพานสายรุ้ง ชายหาด มีวิว มีชิงช้าสวรรค์  มี Megaweb Toyota showcase มีหลายสิ่งที่ผมคิดว่าทุกท่านควรจะไปรวมทั้งแหล่งช๊อบปิ้ง แต่สารภาพเลยผมเดินไม่หมดหรอก แฮ่ะๆ ก็ผมไปตอนเย็นๆแล้วนิ (แต่วันท้ายๆผมก็มาซ้ำนะ แอบมาซื้อ Gundam กลับบ้าน ฮ่าๆๆ) ผมนั่ง Jr มาลงที่สถานี Shimbashi แล้วไปต่อรถ Yurikamome ไปสถานี Daiba ซึ่งจะเจอสิ่งที่ผมใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตว่าต้องมาให้ได้ คือ





บอกเลย…เจอแค่ไอ้ตัวนี้กลับเลยก็ได้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมจบแต่แฟนไม่จบ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาชมกันว่าผมจะไปไหนต่อ ก่อนจากลาในคืนนี้ก็ลากันด้วยอาหารใน Fast food ที่ Odaiba นี่แหละหลับฝันดีทุกท่านครับ



14 Feb 2014  …หิมะถล่ม วันสยองโลก…
    สวัสดีวันแห่งความรักครับ วันนี้ผมมาจบความใฝ่ฝันของแฟนผมกันที่ Sanrio Puroland หลายๆท่านที่ไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ เอ่ะ ๆๆ มันคืออะไรทำไมเราไม่เคยได้ยิน ที่นี่คือ บ้าน คิตตี้ ครับ การเดินทางผมก็นั่งรถไฟใต้ดินจาก Inaricho มา Shinjuku แล้วต่อ JR ไปลงสถานี Tama-Center ครับ โหยยยวันนี้นี่พายุหิมะลงแรงมากๆ เข็ดเลยในการอยากเจอหิมะครั้งแรก มันแย่มากๆครับ ลมพาหิมะมาตีหน้าเรา แถมเท้าเรายังต้องเหยียบย่ำไปกับหิมะที่ยังไม่จับตัวกันเป็นปุยๆ คือมันลื่นอ่ะครับ แต่ละย่างก้าวเราต้องจิกเท้าเพื่อไม่ให้ล้ม ขอบอกเลยเหนื่อยมากครับ สำหรับท่านที่ไม่เคยเจอหิมะ อย่าไปคิดภาพหิมะกองขาวๆสวยๆนะครับ วันนี้สำหรับผมมันคือ เละ…….
แต่พอเข้าไปใน Sanrio Puroland ขนาดผมไม่ใช่สาวก ผมยังบอกเลยว่า เออ Ok นะน่ารักดี ข้างในน่าจะมี 4-5 โซนครับจำไม่ได้ แต่บอกเลยว่าสวย มีการแสดงของผองเพื่อนตามเวลาครับ แต่บอกเลยชอบคนแสดงครับ น่าร๊ากกกก น่ารัก ฮ่าๆๆ


น่าทึ่งป่ะละ นึกว่าอยู่ในนิยาย


การแสดงเป็นรอบๆครับ


อันนี้นี่ สุดยอดเลยผมชอบมากเลย โซนนี้



จริงๆมีอีกหลายภาพนะครับที่ถ่ายมา แต่เนื่องจากรูปเยอะมาก ขี้เกียจเอามาตัดต่อครับ แห่ะๆ แอบขี้เกียจ ถ้าอยากดูเต็มก็ไปดูได้ที่ Facebook ผมครับ search เลยครับ Ekka Nitta ดูกันให้จุใจไปเลยครับ ผมอยู่ที่ Sanrio ประมาณเย็นๆก็กลับที่พัก และระหว่างการกลับที่พัก แค่ระยะทาง 300 เมตรจากทางขึ้นสถานีรถไฟไปโรงแรม เชื่อป่ะครับ มันแสนทรมาน เม็ดหิมะ โดนลมพัดมาแปะตัวแปะหน้า รองเท้าก็เปียก เนื้อตัวเปียกปอนด์ ชุ่มช่ำไปด้วยหิมะที่ละลาย โอ้ยยยยย กรูไม่เอาแล้ว หิมะ ฮือๆๆ อยากกลับบ้าน ทันใดนั้นเห้นแสงสว่างรำไรๆ โอ้วววร้าน Yoshinoya บอกเลยว่า ทริปนี้ ผมใช้บริการร้านนี้เยอะมากกกกกกก ถึงมากที่สุดเพราะว่า ถูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อร่อยยยยยยยยยเหาะกันเลยทีเดียว เอผมถ้าใครทานเนื้อนะ ข้าวหน้าเนื้อย่าง แมร่งเอ้ยยยยยย บรรยายออกมาไม่ถูกเลย เนื้อมันนุ่มลิ้น กินกับข้าวร้อนๆ บวกกับน้ำชาร้อนๆ โอ้ววว สวรรค์กันเลยทีเดียว ใครที่ไม่ทานเนื้อก็ใส่หมูมาก็ไม่แพ้กันนะครับ มันทำให้คลายหนาวไปได้เยอะมากๆ จนแทบอยากจะบอกเจ้าของร้านว่า ..พี่ๆขอค้างที่นี่ได้ม่ะ…

ชื่อสินค้า:   Tokyo, Japan
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่