เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 57 ที่ผ่านมา ผมได้ขับรถไปประสบอุบัติเหตุชนรถคู่กรณี 4 คันรวดครับ ทางผมก็ได้โทรแจ้งประกันเรียบร้อยครับรถผมเป็นประกันชั้น 1 ของบริษัทประกันชื่อดังบริษัทหนึ่ง ซึ่งในครั้งนี้ผมเป็นคนผิดเต็มๆ แล้วก็ได้สารภาพรับผิดไปแล้วครับ เกิดเหตุตอนเย็นๆแล้วตอนค่ำๆก็ไปเคลียร์กับผู้เสียหายที่โรงพักครับ ทางตำรวจได้บอกว่าจะนัดมาไกล่เกลี่ยอีกทีประมาณ 1 เดือนเนื่องจากมีมอเตอร์ไซที่เป็น 1 ในคู่กรณี ขาหักมาไม่ได้จึงต้องรอให้เขาออกจากโรงพยาบาลก่อนครับ ซึ่งครั้งนี้ตัวแทนประกันได้เข้ามาดำเนินการประสานงานให้เป็นอย่างดีมากครับ ค่าเสียหายในครั้งแรกที่ผมต้องจ่ายก็คือค่ารถยกรถที่เสียหายไปจอดไว้ที่ที่จอดเอกชนของทางโรงพักครับโดยไปคันละ 2,000 x 3 คัน เพราะประกันไม่ยอมจ่ายในส่วนนี้ให้ครับ แล้วก็ต้องเสียค่าตรวจสภาพถ้าต้องการนำรถออกไปซ่อมคืนนั้นเลยอีกคันละ 700 x 3 คัน บาทครับ
ถัดมาวันที่ 13 ส.ค. 57 ทางตำรวจก็ได้โทรนัดให้เข้าไปไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งวันนี้คู่กรณีก็ได้ไกล่เกลี่ยกับทางตัวแทนประกันให้รับเรื่องเรียกร้องไปพิจารณา ส่วนตัวผมเองก็ได้มีการจ่ายเงินให้กับคู่กรณีบางรายที่เรียกค่าทำขวัญมาจำนวน 2,000 บาท แล้วก็เสียค่าปรับให้ตำรวจในข้อหากระทำโดยประมาทไป 500 บาทแล้วก็แยกย้ายกลับบ้านครับ
แล้วเรื่องก็เงียบหายไปจนประทั่งวันที่ 2 มี.ค. 58 ที่ผ่านมานี้ ได้มีบริษัทประกันของคู่กรณีคันหนึ่งได้โทรมาถามข้อมูลรถกับผมว่าเป็นรถของบริษัทผมหรือรถส่วนตัวซึ่งผมก็ได้แจ้งไปว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่บริษัทผมเช่ามาจากบริษัทรถเช่าชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งผมขับขณะปฎิบัติงานเป็นพนักงานขายให้กับบริษัทฯดังกล่าว และทางประกันคู่กรณีแจ้งว่าทางบริษัทประกันของผมไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายที่เรียกร้องกัน ก็เลยต้องถามข้อมูลที่ผม และล่าสุดวันนี้มีจดหมาย Ems มาถึงผมจากสำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ของคู่กรณีอีกเจ้าหนึ่งที่ทำธุรกิจบางอย่างได้ส่งมาหาผมโดยมีเนื้อหาประมาณว่า ตามที่ผมได้ขับรถชนรถเขาและขณะนี้รถเขาซ่อมเสร็จแล้วรวมระยะเวลาการซ่อม 114 วัน โดยเขาได้คุยกับประกันผมไว้ว่าจะเรียกร้องค่าจ้างรถขนส่งสินค้าเขาช่วงที่รถเขาใช้งานไม่ได้วันละ 1,800 บาท รวมเป็นเงิน 205,200 บาท และคิดค่าเสื่อมรถ 50,000 บาท (ซึ่งผมพอจะจำสภาพรถเขาได้น่าจะเสียหายแค่กันชนหน้าอ่ะครับไม่น่าจะถึง 50,000) รวมเป็นเงิน 255,200 บาท และเขาได้ทำการติดต่อไปทางประกันของทางผมหลายครั้งแล้วแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เขาเลยแจ้งมาให้ผมนำเงินดังกล่าวไปชำระให้กับบริษัทเขาพร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ภายใน 7 วัน ไม่งั้นเขาจะดำเนินการทางกฏหมายกับผมครับ
จึงอยากจะรบกวนถามเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่มีความรู้ครับ ว่าแบบนี้เขามาเรียกกับผมได้หรือครับ ถ้าประกันไม่อยากจ่ายก็ทำได้หรือครับ ผมต้องมารับผิดชอบทั้งๆที่รถเช่าของผมก็ทำประกันชั้น 1 ไว้ มันถูกต้องแล้วหรือครับ แล้วมีข้อมูลอะไรที่ผมควรรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมมั้ยครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็นและทุกข้อมูลล่วงหน้านะครับ ตอนนี้งงจริงๆ
Update 8 เมษายน 58
ตอนนี้มีหมายศาลจากคู่กรณีแจ้งมาที่ผมแล้วครับ โดยมีผมเป็นจำเลยที่ 1 บริษัทที่ผมทำงานจำเลยที่ 2 และเป็นประกันผมเป็นจำเลยที่ 3 แต่แปลกตรงที่ว่าเจ้าของรถอย่างบริษัทรถเช่ากลับไม่โดนแจ้งด้วย โดยนัดผมให้ไปขึ้นศาลวันที่ 2 มิถุนายนครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาแจ้งอีกทีครับ
ประกันรถยนต์ไม่จ่าย ทำไงดีครับ
ถัดมาวันที่ 13 ส.ค. 57 ทางตำรวจก็ได้โทรนัดให้เข้าไปไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งวันนี้คู่กรณีก็ได้ไกล่เกลี่ยกับทางตัวแทนประกันให้รับเรื่องเรียกร้องไปพิจารณา ส่วนตัวผมเองก็ได้มีการจ่ายเงินให้กับคู่กรณีบางรายที่เรียกค่าทำขวัญมาจำนวน 2,000 บาท แล้วก็เสียค่าปรับให้ตำรวจในข้อหากระทำโดยประมาทไป 500 บาทแล้วก็แยกย้ายกลับบ้านครับ
แล้วเรื่องก็เงียบหายไปจนประทั่งวันที่ 2 มี.ค. 58 ที่ผ่านมานี้ ได้มีบริษัทประกันของคู่กรณีคันหนึ่งได้โทรมาถามข้อมูลรถกับผมว่าเป็นรถของบริษัทผมหรือรถส่วนตัวซึ่งผมก็ได้แจ้งไปว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่บริษัทผมเช่ามาจากบริษัทรถเช่าชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งผมขับขณะปฎิบัติงานเป็นพนักงานขายให้กับบริษัทฯดังกล่าว และทางประกันคู่กรณีแจ้งว่าทางบริษัทประกันของผมไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายที่เรียกร้องกัน ก็เลยต้องถามข้อมูลที่ผม และล่าสุดวันนี้มีจดหมาย Ems มาถึงผมจากสำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ของคู่กรณีอีกเจ้าหนึ่งที่ทำธุรกิจบางอย่างได้ส่งมาหาผมโดยมีเนื้อหาประมาณว่า ตามที่ผมได้ขับรถชนรถเขาและขณะนี้รถเขาซ่อมเสร็จแล้วรวมระยะเวลาการซ่อม 114 วัน โดยเขาได้คุยกับประกันผมไว้ว่าจะเรียกร้องค่าจ้างรถขนส่งสินค้าเขาช่วงที่รถเขาใช้งานไม่ได้วันละ 1,800 บาท รวมเป็นเงิน 205,200 บาท และคิดค่าเสื่อมรถ 50,000 บาท (ซึ่งผมพอจะจำสภาพรถเขาได้น่าจะเสียหายแค่กันชนหน้าอ่ะครับไม่น่าจะถึง 50,000) รวมเป็นเงิน 255,200 บาท และเขาได้ทำการติดต่อไปทางประกันของทางผมหลายครั้งแล้วแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เขาเลยแจ้งมาให้ผมนำเงินดังกล่าวไปชำระให้กับบริษัทเขาพร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ภายใน 7 วัน ไม่งั้นเขาจะดำเนินการทางกฏหมายกับผมครับ
จึงอยากจะรบกวนถามเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่มีความรู้ครับ ว่าแบบนี้เขามาเรียกกับผมได้หรือครับ ถ้าประกันไม่อยากจ่ายก็ทำได้หรือครับ ผมต้องมารับผิดชอบทั้งๆที่รถเช่าของผมก็ทำประกันชั้น 1 ไว้ มันถูกต้องแล้วหรือครับ แล้วมีข้อมูลอะไรที่ผมควรรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมมั้ยครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็นและทุกข้อมูลล่วงหน้านะครับ ตอนนี้งงจริงๆ
Update 8 เมษายน 58
ตอนนี้มีหมายศาลจากคู่กรณีแจ้งมาที่ผมแล้วครับ โดยมีผมเป็นจำเลยที่ 1 บริษัทที่ผมทำงานจำเลยที่ 2 และเป็นประกันผมเป็นจำเลยที่ 3 แต่แปลกตรงที่ว่าเจ้าของรถอย่างบริษัทรถเช่ากลับไม่โดนแจ้งด้วย โดยนัดผมให้ไปขึ้นศาลวันที่ 2 มิถุนายนครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาแจ้งอีกทีครับ