ต้องเกริ่นนำก่อนว่าคุณแม่ผมรับราชการครูที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง คุณแม่ขับรถทุกประเภทไม่เป็นเลย ต้องใช้การเดินเท้าหรือมอไซรับจ้างตลอด เมื่อต้องไปโรงเรียนต้องเดินเท้าจากบ้านประมาณ 1.5 กม. เพื่อไปต่อเรือข้ามฝาก จากนั้นต้องต่อรถเมล์ประจำทาง ระยะทางประมาณ 9 กม.ก็ถึงโรงเรียน กิจวัตรของแม่เป็นเช่นนี้มาประมาณ 30 ปีคับ ลืมบอกว่าแม่ผมอายุ 58 ปี (ตอนนี้เริ่มมีอาการปวดข้อปวดกระดูกบ้างแล้ว ตามกาลเวลา)
หน้าที่ก็จะมีรับผิดชอบงานสอน(อนุบาล) ,งานสวัสดิการ(ดูแลแขกของโรงเรียนและเรื่องต่างๆที่อำนวยความสะดวก) และงานการเงิน งานนี้แหละคับที่ผมเป็นห่วงแม่มากที่สุดคือ ทุกๆสิ้นเดือน แม่ต้องเดินไปธนาคารเพื่อเบิกเงินต่างๆมาจ่ายให้ทุกส่วนในโรงเรียน เช่น เงินเดือนครูจ้าง ค่านำ้ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหารกลางวันเด็ก หรือค่าอื่นๆที่ ผอ.ต้องการจะเบิกมาใช้ เป็นต้น ผมกลัวว่าแม่จะโดนปล้นหรือโดนทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์จริงๆ
เรื่องที่กล่าวมาด้านบนทั้งหมดนี่อยากให้เห็นภาพชีวิตที่แสนลำบากคับ เพราะแม่อยู่บ้านคนเดียว ลืมบอกว่าพี่ชาย ผม และพ่อ ต้องมาทำงานต่างๆจังหวัด จึงทำให้การดำเนินชีวิตของแม่ค่อนข้างลำบาก เรื่องที่อยากระบายคือต่อจากนี้คับ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา คุณแม่มีคำสั่งให้ไปคุมนักเรียนทัศนศึกษาต่างจังหวัด ซึ่งมีการนัดหมายที่โรงเรียนในเวลาเช้ามืด คือตี 5 ซึ่งในกรณีที่ขับรถได้และบ้านใกล้โรงเรียนก็คงไม่มีปัญหา คุณแม่จึงเข้าไปขออนุญาตผู้อำนวยการว่าจะไม่ไป เนื่องจากมีอุปสรรคในการเดินทางอย่างมาก เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเรือและรถประจำทาง ยังไม่เปิดให้บริการ อีกทั้งเป็นผู้หญิงและอายุมาก เมื่อผู้อำนวยการฟังจบ ก็ปฏิเสธคำขอของคุณแม่ผมทันที พร้อมทั้งยังบอกว่า "พี่ก็นั่งมอเตอร์ไซมาสิ" (คุณคับ 13กม. ผู้หญิงกับวินมอเตอไซที่ไม่รู้จัก!!!!)เมื่อได้ยินดังนั้นคุณแม่ก็ใช้วิธีการเขียนบันทึกข้อความลากิจ แต่ผู้อำนวยการยังยืนยันว่าคุณแม่ต้องไปให้ได้ คุณแม่ก็ต้องไปเพื่อหน้าที่ตามคำสั่ง (ผมลืมบอกว่าจริงๆแล้วมีครูที่มีรถขับเดินทางสะดวกกว่าเยอะแต่ผู้อำนวยการไม่ใช้งาน)ขาไปออกจากบ้านตี 4 โดยรถจากบ้านมาต่อเรือ โชคดีที่มีเรือข้ามฟาก พร้อมผู้ชายแปลกหน้า 1 คน แล้วนั่งรอรถประจำทาง ขากลับการทัศนศศึกษายืดเยื้อกว่าจะกลับถึงโรงเรียนก็ 21.00 น. (รถประจำทางหมดแล้ว ตั้งแต่หกโมงเย็น) คุณแม่ต้องไปต่อรองกับคนขับรถทัวให้ไปส่งที่ท่าเรือข้ามฟาก ด้วยความที่คนคุมรถเป็นลูกศิษย์ เค้าก็ตกลงไปส่งคุณแม่ที่ท่าเรือข้ามฟากคับ ปัญหาต่อมาคือใครจะมารับเพราะเรือก็หมดแล้ว คุณแม่เป็นคนขี้เกรงใจเพื่อน จึงไม่ได้รบกวนเพื่อน สุดท้ายจึงโทรหาคนข้างบ้านให้ช่วยมารับ ต้องนั่งรอรถมอไซของคนข้างบ้านก็สี่ทุ่มคับ
ตั้งแต่เดินทางกลับมาคุณแม่ผมยังคับแค้นใจในคำสั่งของผู้อำนวยที่ออกคำสั่ง โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของบุคคลากรและรู้ทั้งรู้ว่าคุณแม่ผมต้องลำบากในการเดินทางแค่ไหน ก็ยืนยันคำสั่งนั้น ถึงตอนนี้คุณแม่ผมรู้สึกเสียใจที่อีก 2 ปีเกษียณแต่ต้องทำงานรับใช้คนใจแคบและลุแก่อำนาจ อยากเกษียณด้วยความรู้สึกดีดี ในฐานะเป็นลูก ผมฟังเรื่องที่แม่เล่า ผมก็เป็นทุกข์ไปด้วย คนในครอบครัวฟังก็พลอยสงสารและเป็นทุกข์กับคุณแม่ด้วย ผมสงสารแม่จริงๆคับตอนนี้ ได้แต่ปลอบใจ และบอกว่าจะเกษียณแล้ว ทำงานให้ดีที่สุดแล้วให้คนข้างหลังจดจำและคิดถึงเราดีกว่า TT
เรื่องระบาย ของลูกครู
หน้าที่ก็จะมีรับผิดชอบงานสอน(อนุบาล) ,งานสวัสดิการ(ดูแลแขกของโรงเรียนและเรื่องต่างๆที่อำนวยความสะดวก) และงานการเงิน งานนี้แหละคับที่ผมเป็นห่วงแม่มากที่สุดคือ ทุกๆสิ้นเดือน แม่ต้องเดินไปธนาคารเพื่อเบิกเงินต่างๆมาจ่ายให้ทุกส่วนในโรงเรียน เช่น เงินเดือนครูจ้าง ค่านำ้ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหารกลางวันเด็ก หรือค่าอื่นๆที่ ผอ.ต้องการจะเบิกมาใช้ เป็นต้น ผมกลัวว่าแม่จะโดนปล้นหรือโดนทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์จริงๆ
เรื่องที่กล่าวมาด้านบนทั้งหมดนี่อยากให้เห็นภาพชีวิตที่แสนลำบากคับ เพราะแม่อยู่บ้านคนเดียว ลืมบอกว่าพี่ชาย ผม และพ่อ ต้องมาทำงานต่างๆจังหวัด จึงทำให้การดำเนินชีวิตของแม่ค่อนข้างลำบาก เรื่องที่อยากระบายคือต่อจากนี้คับ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา คุณแม่มีคำสั่งให้ไปคุมนักเรียนทัศนศึกษาต่างจังหวัด ซึ่งมีการนัดหมายที่โรงเรียนในเวลาเช้ามืด คือตี 5 ซึ่งในกรณีที่ขับรถได้และบ้านใกล้โรงเรียนก็คงไม่มีปัญหา คุณแม่จึงเข้าไปขออนุญาตผู้อำนวยการว่าจะไม่ไป เนื่องจากมีอุปสรรคในการเดินทางอย่างมาก เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเรือและรถประจำทาง ยังไม่เปิดให้บริการ อีกทั้งเป็นผู้หญิงและอายุมาก เมื่อผู้อำนวยการฟังจบ ก็ปฏิเสธคำขอของคุณแม่ผมทันที พร้อมทั้งยังบอกว่า "พี่ก็นั่งมอเตอร์ไซมาสิ" (คุณคับ 13กม. ผู้หญิงกับวินมอเตอไซที่ไม่รู้จัก!!!!)เมื่อได้ยินดังนั้นคุณแม่ก็ใช้วิธีการเขียนบันทึกข้อความลากิจ แต่ผู้อำนวยการยังยืนยันว่าคุณแม่ต้องไปให้ได้ คุณแม่ก็ต้องไปเพื่อหน้าที่ตามคำสั่ง (ผมลืมบอกว่าจริงๆแล้วมีครูที่มีรถขับเดินทางสะดวกกว่าเยอะแต่ผู้อำนวยการไม่ใช้งาน)ขาไปออกจากบ้านตี 4 โดยรถจากบ้านมาต่อเรือ โชคดีที่มีเรือข้ามฟาก พร้อมผู้ชายแปลกหน้า 1 คน แล้วนั่งรอรถประจำทาง ขากลับการทัศนศศึกษายืดเยื้อกว่าจะกลับถึงโรงเรียนก็ 21.00 น. (รถประจำทางหมดแล้ว ตั้งแต่หกโมงเย็น) คุณแม่ต้องไปต่อรองกับคนขับรถทัวให้ไปส่งที่ท่าเรือข้ามฟาก ด้วยความที่คนคุมรถเป็นลูกศิษย์ เค้าก็ตกลงไปส่งคุณแม่ที่ท่าเรือข้ามฟากคับ ปัญหาต่อมาคือใครจะมารับเพราะเรือก็หมดแล้ว คุณแม่เป็นคนขี้เกรงใจเพื่อน จึงไม่ได้รบกวนเพื่อน สุดท้ายจึงโทรหาคนข้างบ้านให้ช่วยมารับ ต้องนั่งรอรถมอไซของคนข้างบ้านก็สี่ทุ่มคับ
ตั้งแต่เดินทางกลับมาคุณแม่ผมยังคับแค้นใจในคำสั่งของผู้อำนวยที่ออกคำสั่ง โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของบุคคลากรและรู้ทั้งรู้ว่าคุณแม่ผมต้องลำบากในการเดินทางแค่ไหน ก็ยืนยันคำสั่งนั้น ถึงตอนนี้คุณแม่ผมรู้สึกเสียใจที่อีก 2 ปีเกษียณแต่ต้องทำงานรับใช้คนใจแคบและลุแก่อำนาจ อยากเกษียณด้วยความรู้สึกดีดี ในฐานะเป็นลูก ผมฟังเรื่องที่แม่เล่า ผมก็เป็นทุกข์ไปด้วย คนในครอบครัวฟังก็พลอยสงสารและเป็นทุกข์กับคุณแม่ด้วย ผมสงสารแม่จริงๆคับตอนนี้ ได้แต่ปลอบใจ และบอกว่าจะเกษียณแล้ว ทำงานให้ดีที่สุดแล้วให้คนข้างหลังจดจำและคิดถึงเราดีกว่า TT