ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 6: “ครั้งแรก” ของผม กับการผ่าตัด และนอนโรงพยาบาลในต่างแดน

สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอ “ขอบคุณ” ทุกคนมากนะครับ ที่คอยติดตามและให้กำลังใจมาโดยตลอด เรื่องสุขภาพ ตอนนี้กลับมาใช้ชีวิตปกติแล้วครับ พร้อมกับที่คล้องแขน 1 ผืนกับแผ่นเหล็กที่ฝั่งอยู่ที่ไหปลาร้า 1 แผ่น..... (แต่ยกแขนยังไม่ขึ้นเลยครับ)
วันนี้จะมาเล่า ว่าเกิดอะไรขึ้น ? และผมได้ไปเจออะไรมาบ้าง ในช่วงเดือนแห่งความรักที่ผ่านมาคร้บบบ...


ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 6: “ครั้งแรก” ของผม กับการผ่าตัด และนอนโรงพยาบาลในต่างแดน




     วินาทีแรกที่ได้ยิน คุณหมอพูดประโยคนี้ แทบจะเอาเท้ามาก่ายหน้าผาก .....โหห...!! มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ!? (สำหรับคนไม่เคยผ่าตัดมาก่อนอย่างผม ต้องบอกว่าใจหายมากๆครับ...)

แล้วค่าใช้จ่าย ละ !? ...แล้ว งานล่ะ วันหยุดก็ยังไม่มี..!? ...เงินเดือนก็ต้องโดนหักใช่ไหมเนี้ย!??

คำถามทุกอย่างเกิดขึ้นในหัวผมภายในเสี่ยววินาที ยอมรับว่าเครียดเลยครับ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ ดันไม่ระวังตัวเอง เจ็บเอง ก็จ่ายเอง ...ฮือออๆๆ...เม่าโศก


     เหตุการ์ณครั้งนี้ เริ่มต้นจากการไปเล่น สโนว์บอร์ดกับเพื่อนๆ ครับ ผมเล่นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว ก็พอจะเล่นเป็นแล้ว แต่ครั้งนี้ซ่าส์ ไปหน่อย อยากลองเล่นท่ากระโดดแบบคนอื่นๆเค้าครับ ...เหะ เหะ ... ผลปรากฏว่า กระโดดขึ้นไปอย่างสวย แต่ ลงมาท่าไหนก็ไม่รู้ กลิ้งไป 18 ตลบ พอลุกขึ้นมาเท่านั้นแหละครับ ...รู้สึกแปล็บๆ ที่ไหล่ซ้าย พอเอามือจับดูก็รู้สึกได้เลยครับ ว่ามีอะไรปูดขึ้นมา (ในใจตอนนั้นคิดว่า ไหล่หลุด) เจ็บมากครับ รู้ตัวเลยว่าไปต่อไม่ไหวแน่ ก็ค่อยๆปลดบอร์ดออกจากเท้า คลานไปเก็บแว่น เก็บหมวก แล้วก็ เอาบอร์ดปักตั้งกับพื้น พยายามเรียกคนมาช่วย เพราะไปไหนไม่ได้แล้วจริงๆ

     พอมีคนเห็นเค้าก็ เข้ามานั่งเป็นเพื่อน แล้วก็ให้เพื่อนเค้าไปเรียก เจ้าหน้าที่มาช่วยครับ ก็เลยได้มีโอกาสนั่ง สกู๊ตเตอร์ กลับลงมาที่ออฟฟิสข้างล่าง เจ้าหน้าที่ก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ แล้วบอกให้เรารีบไป โรงพยาบาลจะดีกว่า ทางเลือกเดียวในตอนนั้นก็คือ “แท็กซี่” ครับ เพราะผมนั่งบัสไป ถ้าจะรอบัสกลับตอนเย็น ก็จะไปไม่ทันโรงพยาบาลจะปิดเสียก่อน
( รพ. ที่กำลังจะไป แผนกฉุกเฉินปิด 17.30 .....)


*** โรงพยาบาลในญี่ปุ่น วันเสาร์-อาทิตย์ปิดทำการนะครับ จะมีบางแห่งเท่านั้นที่เปิด แผนกฉุกเฉิน ดังนั้นก่อนไปโรงพยาบาล ควรโทรศัพท์ไปถามทางโรงพยาบาลก่อนนะครับ ว่ามีหมออยู่ไหม***





     เจอค่าแท็กซี่เข้าไปก็ลมจับแล้วครับ แต่ประทับใจ คนขับมากครับ เพราะเราบอกเค้าไปว่า เรามีเงินแค่ 10000 เยน ไม่รู้จะพอรึเปล่า คนขับก็บอกว่าไม่เป็นไรครับ แล้ว พอ ขับไปเกือบถึง รพ (ราคามิเตอร์ขึ้น 10,000 พอดี) คนขับ ปิดมิเตอร์ให้เลยครับ เค้าบอกว่า ถ้าไปถึง รพ จริงๆประมาณ 12000-13000 เยน แต่เห็นว่าเราเจ็บอยู๋ก็เลยลดให้ ...รักคนขับแท็กซี่ญี่ปุ่นมากครับ ..หัวใจหัวใจหัวใจ

พอมาถึงก็ ไปกรอกประวัติผู้ป่วยใหม่แล้วก็นั่งรอ.....ไปเอ็กซเรย์ แล้วพอเจอคุณหมอ ผลตรวจก็เป็นอย่างที่เขียนไปในตอนแรกครับ คุณหมอก็นัดมาอีกที วันจันทร์เพื่อมานัดวันผ่าตัดแล้ววันเข้าแอดมิดครับ



รายละเอียดค่ารักษา
-ค่าหมอ ค่ายา ค่าเอ็กซเรย์ (เบิกประกันได้ จ่ายแค่ 30 %)    = 4010 เยน
-ค่าอะไรสักอย่าง(นอกประกัน) = 1620 เยน
ค่าอะไรสักอย่าง ที่นอกประกัน ผมลืมถามว่ามันคืออะไรแต่คิดว่าน่าจะ เป็นค่ารักษากรณี มานอกเวลาราชการ (วันหยุด) แต่ไม่แน่ใจนะครับใครทราบก็ขอถามหน่อยนะครับ

วันจันทร์

     ตอนเช้าก็เข้าออฟฟิสก่อนครับ เผื่อไปแจ้งให้เจ้านายและทุกคนได้ทราบ ว่าต้องเข้าโรงพยาบาลนะ ต้อง ผ่าตัด นะ...แล้วก็มาเจอคุณหมอตอน 10.30 ตามนัดครับ

คนเยอะมาก....ต่างกับวันเสาร์-อาทิตย์ลิบลับ แต่เรามีใบนัดอยู่แล้วก็เพียงแค่เอาบัตรประจำตัวไปเสียบเครื่อง (ตามรูป)

แล้วเครื่องก็จะปริ้นใบออกมาเผื่อบอกว่าเราต้องไปที่ไหน บ้างครับ (สะดวกมากเลย)
คุยกับคุณหมอเสร็จก็นัด ผ่าวันศุกร์ แต่ต้องมานอน รพ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีนะครับ เราก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ออกไปเจาะเลือด วัดคลื่นหัวใจ ทำ CT สแกน แล้วก็กลับมาทำงานต่อครับ



รายละเอียดค่ารักษา
-ค่าหมอ ค่าเจาะเลือด ค่า CT สแกน (เบิกประกันได้ จ่ายแค่ 30 %)    = 3450 เยน


แอดมิดเข้า โรงพยาบาล
     ก่อนเข้ามีเอกสารที่ต้องกรอกเพียบเลยครับ และที่สำคัญเราจำเป็นต้องมีตราประทับ ของบุคคลค้ำประกันด้วยครับ 2 คน (กรณีของผมให้เจ้านาย เป็นคนเซ็นให้ครับ) ที่เหลือก็พอ หนังสือยินยอมผ่าตัด ข้อมูลผู้ป่วย ใบขอยืมชุดคนไข้ ฯลฯ
และต้องเตรียม ผ้าเช็ดตัว ทั้งผืนใหญ่(2-3ผืน) ผืนเล็ก(5-6ผืน) ไปด้วยนะครับ เผื่อใช้เช็ดตัว ล้างสิ่งสกปรกต่างๆ (ไม่มีบริการซักผ้าให้นะครับ ..ต้องเดินไปซักที่ตู้หยอดเหรียญเอง)

หอพักผู้ป่วยจะมีทั้งห้องรวม 4-6 คน และห้องส่วนตัวครับ ห้องรวม ไม่มีค่าห้องครับ แต่ห้องส่วนตัวต้องเสียเงินเพิ่ม (นอกเหนือประกัน)


  ระหว่างเตียงจะมีผ้าม่านกั้นไว้ พร้อมกับมี ล็อคเกอร์ ทีวี และตู้เย็น ไว้ให้ครับ แต่หากต้องการจะใช้งาน ทีวีและตู้เย็น ต้องไปซื้อการ์ดทีวีมาเสียบครับ ประมาน 2000 เยน (ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหรคับ) โรงพยาบาลไม่มี wifi ให้ แต่ สามารถ นำ โน๊ตบุ้คเข้าไปใช้งานได้ครับ แต่ให้ระวังเรื่องเสียงดังด้วยครับ เพราะแต่ละเตียงอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร

     อาหารมื้อละ 260 เราสามารถเลือกเมนูได้ ใน วันจันทร์ –พูธ (มี 2 เมนูให้เลือก) ส่วนที่เหลือก็ตามที่เค้าจัดให้ครับ รสชาติก็.......ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหรครับบ...และที่สำคัญครับ ช้อน-ส้อม ตะเกียง ต้อง เอาไปเองครับ


  
     ชุดคนไข้ต้องทำเรื่องขอยืมครับ ราคาวันละ 72 เยน อันนี้เช่าไปเถอะครับ ใส่ง่าย ถอดง่ายดี  แถมไม่ต้องกลัวหนาวนะครับ เพราะในหอผู้ป่วยในนี้อากาศอบอุ่นมาก จน เกือบร้อนเลยทีเดียว  

      พยาบาลที่นี้ดูแลผู้ป่วยดีมากครับ แต่ถามว่าน่ารักไหม อันนี้ตอบยากมากครับ เพราะนางพยาบาลทุกคน จะสวม ผ้าปิดปากตลอดเวลาครับ .....ไม่เคยมีบุญได้เห็นหน้าเต็มๆสักที แต่บริการประทับใจมากครับ (แต่หน้าตอนใส่ผ้าปิดปากก็ น่ารักอยู๋นะครับ...^w^)

     เรื่องขนม หรือเครื่องใช้ประจำวัน ที่โรงพยาบาลก็มีร้านขายของ ร้านอาหาร และพวกเครื่องขายน้ำอัตโนมัติอยู๋ครับ แต่ราคาจะแพงกว่าข้างนอกพอสมควร (ตอนกลางคืนแอบลงไปกดน้ำกระป๋องกินตลอด..555)

อันนี้เป็นชั้นดาดฟ้า ทีเห็นกันเป็นประจำตามซีรี่ย์ ญี่ปุ่นทั่วไป แต่นั่งนานไม่ไหวครับ หนาวมากกกก (ชุดคนไข้ก็ บ้างงง บางงง....)


- มีห้องอาบน้ำให้ใช้ครับ
- เวลาเยี่ยม ตั้งแต่ 10.00-20.00 ครับ

วันก่อนผ่าตัด
     พยาบาลจะพาเราไปพบวิสัญญีแพทย์ เพื่อให้เค้าอธิบายเกี่ยวกับการผ่าตัดให้ฟัง ว่าเราต้องเจอกับอะไรในวันพรุ่งนี้ และคืนนี้ต้องเตรียมตัวอย่างไร โดยหลักๆ คือการงดน้ำงดอาหารในคืนก่อนผ่าตัดครับ แล้วก็บอกเวลาที่จะใช้ในการผ่าตัด (ประมาณ 2 ชั่วโมง) จากนั้นก็ไปพบแพทย์ที่เป็นคนลงมือผ่า เค้าก็จะอธิบายวิธีการรักษาให้ฟังเช่นกันครับ

เช้าวันผ่าตัด
     เราต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดผ่าตัด แล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียง ที่เหลือก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของพยาบาลเค้าจะเข็นเราไปเองครับ ...ยอมรับว่าใจเต้นพอสมควร พอเข้าห้องผ่าตัด ก็มีแต่ คุณหมอ(หรือพยาบาลก็ไม่รู้) สาวๆ..มารุมล้อมเราเต็มเลย เราก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ...เค้าก็ชวนคุยและ ก็ถามตำแหน่งที่จะผ่าตัดกับเราอีกครั้ง แล้วก็เจาะแข็น ครอบหน้ากาก พอผมเริ่มรู้สึกว่ามีของเหลวไหลเข้ามาในแขน .........รู้ตัวอีกทีก็ผ่าตัดจบแล้วครับ

    ช่วงเวลาอันโหดร้ายหลังการผ่าตัด
     รุ้สึกตัวแบบสะลึมสะลือ ตอนออกจากห้องผ่าตัดมาแล้ว .แต่ยังเมายาสลบอยู่ บอกตามตรงความรู้สึกตอนนี้คือ ปวดหัวมากกก..!! อยากอ้วกสุดๆ ..แต่ก็พยายามข่มตาให้หลับไป พอได้ยินเสียง พยาบาลบอกว่า ต้องครอบหน้ากากต่อไปอีกประมาน 3 ชั่วโมง ทรมาณมากครับตอนนี้ แถมเจ็บคอมากด้วย คงเป็นเพราะดมยาสลบรึเปล่า ก็ไม่แน่ใจ แต่เจ็บแบบกลืนน้ำลายไม่ลงเลยครับ น้ำก็ยังดื่มไม่ได้

         พอเอาหน้ากากออก กลับมาที่เตียง ก็รู้สึกเหนื่อยมาก หิวมากด้วยเพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ 3 ทุ่ม เมื่อวาน แต่แขนยังชาอยู่ เลยไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร แต่พอยาชาหมดฤทธิเท่านั้นแหล่ะครับ ...........คืนนั้นเป็นคืนที่ทรมาณที่สุดในชีวิตก็ว่าได้...อัดยาแก้ปวด ก็แล้ว ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อก็แล้ว ...แต่ก็ทำได้แค่ระงับความเจ็บได้ 1-2 ชั่วโมง พอยาหมดฤทธิ์ก็เจ็บขึ้นมาอีก วนเวียนไปแบบนี้ทั้งคืน แทบไม่ได้นอนเลยครับ ทรมาณมากจริงๆ เม่าบาดเจ็บ

     หลังจากนั้นก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆครับจนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องมาหน้ามืดอีกครั้งกับค่ารักษาพยาบาล เพราะคุณพยาบาลบอกว่าค่ารักษาทั้งหมดคือ(อันนื้คือใช้ประกันแล้วนะครับจ่ายแค่ 30 %)


เม่าตกใจ


   แต่...!!!!!!!!! อย่าเพิ่งหมดหวังครับ สิ่งสำคัญมากๆที่อยากให้ทุกคนรู้อยู่ที่ตรงนี้ครับ คือ ประกันสุขภาพที่เรามีกันอยู่

****มันมีเพดานค่ารักษาอยู่ครับ แต่คุณต้องทำเรื่องส่งเอกสาร ไปยังศาลากลาง เสียก่อนครับ แล้วคุณจะได้รับเอกสารเป็น ไปรณียบัตรเล็กๆใบหนึ่งกลับมา ซึ่งสามารถนำมาลดหย่อนค่ารักษาในส่วนนี้ได้ครับ ถ้าทำเรื่องเร็วก็สามารถลดหย่อนได้เลย แต่ถ้าไม่ทันก็ต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วค่อยทำเรื่องขอคืนทีหลังครับ***


ระบบเพดานค่ารักษาพยาบาล

     หากผู้ประกันตนที่อายุไม่เกิน 70 ปี เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในแผนก IPD (ไม่นับรวม OPD) ในระยะเวลา 1 เดือน ผู้ประกันตนสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลในส่วนนี้ได้ ไม่เกินจำนวนที่กำหนดไว้ตามตารางต่อไปนี้ (คำนวณจากรายได้ต่อเดือนครับ)
หมายเหตุ ราคานี้ ไม่รวม ค่าอาหาร ค่าห้องส่วนตัว ค่าเช่าชุดคนไข้


เม่าบัลเล่ต์


    ประหยัดไปได้เกือบ 100,000 เยนเลยนะครับ !! ฉะนั้นขอเตือนอีกรอบสำหรับทุกคนที่อยู่ในญี่ปุ่นนะครับ ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงาน ประกันสุขภาพ จ่ายไปเถอะครับ เพราะอุบัติเหตุ ต่างๆ ไม่มีใครทราบหรอกครับว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร และหากเราไม่เตรียมพร้อมไว้ เราอาจต้องเสียเงินทองเยอะมากกว่าที่จำเป็นก็ได้นะครับ  แล้วก็อย่าลืมทำเรื่องขอลดหย่อนค่ารักษาพยาบาลกันด้วยนะครับ...ถ้าทำเรื่องช้าก็ต้องออกเงินไปก่อนครับ แล้วจะได้รับเงินคืนทีหลัง
(อย่างกรณีผม ถ้าไม่มีประกันสุขภาพเลย ต้องจ่ายเต็มๆ รวมๆแล้ว เกิน ครึ่งล้าน เยน ครับ!!! )

    หลังจากออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องไปหาคุณหมอตามนัดเป็นระยะครับ ไปเปลี่ยนผ้ากอซบ้าง ไปเอกซเรย์ดูสภาพกระดูกบ้าง
ก็เสียค่าใช้จ่าย 220- 1080 ครับ (ไม่แพงเท่าไหรแล้วครับ)

  จนครับจน บอกได้คำเดียวว่า จน T^T เจ็บใจสุดๆ ก็ตรงที่โดนหักเงินเดือนนี้ละครับ เพราะตั้งแต่เดือนมีนา ผมก็จะได้รับวันหยุดแล้ว ไม่ต้องมาโดนหักแบบนี้ครับ (เข้าโรงพยาบาลเร็วไปหน่อย...)
    
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่