ขอกล่าวเนื้อหาที่เกิดขึ้นมาก่อนนะครับ
แต่ก่อนผมทำงานประจำครับเป็นระยะเวลาหนึ่ง ผมที่ออกจากงานประจำมาทำ fleelancer (Programmer) เพราะเนื่องจากอาการป่วย
แล้วก็เริ่มรับงานครับ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ธุระกิจ software เหมือนจะไปได้สวย ผมเลยชวนเพื่อนที่ทำงานมาหนึ่งคนมารับงานเนื่องจากงานที่ผมทำนั้น มีมากเกินไป ผมจึงมอบงานให้ครับ งานนี้เป็นงานเกี่ยวกับ Hardware + software ที่ใช้เวลาทำงานประมาณ 2-3 เดือน(งานง่ายและยืดยุ่น) และราคาอยู่ที่ 30,000 บาทถ้วน แบ่งจ่ายเป็นสามงวด ผมจึงตกลงโยนงานให้เพื่อนร่วมงานครับ งานนี้ผมตกลงกันไว้ว่า ผมจะเอาแค่ 3,000 สำหรับการเจรจากับลูกค้า เนื้อหาของงานผมคงบอกไม่ได้ครับเพราะเป็นความลับทางธุระกิจ ซึ้งต้องเตรียมอุปกรณ์และคุยกับลูกค้า ค่าอุปกรณ์ราวๆ 7,000 ครับ และค่าแรงของเพื่อนรวมงานคือ 20,000
ผมตัดสินใจรับงานและคุยรายระเอียดงานกับลูกค้าครับ
งานในช่วงเดือนแรกเป็นไปได้ด้วยดี คือมีการคุยงานรับงาน ออกแบบและวางแผนโดยผมเอง ซึงลูกค้าก็พอใจอย่างมาก ผมจึงคุยกับเพื่อน และเพื่อนร่วมงานก็บอกว่าโอเคทำได้ ต่อมา ในเดือนแรก ผมขอให้เค้าทำ งานต้นแบบ หรือก็คือ Demo ซึ่งหน้าตามันก็ดูดี คอนเซ็ปพอใช้ได้ครับ ผมจึงจัดตารางงานให้เพื่อนผม และบอกระยะเวลาตลอด ไม่เคยจี้งาน ผมบอกก่อนตลอดว่าจะเอาวันไหนๆ
ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นคือ
เมื่อหมดเดือนแรกผ่านไปลูกค้าต้องการที่จะดูผลงานครับ และผมก็ขอรายละเอียดว่างานถึงไหนแล้ว ปรากฏว่า งานไม่คืบหน้าเลยครับ ผมไม่กล้าที่จะแบกหน้าไปคุยกับลูกค้าเลย และก็บอกลูกว่า จะมีแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งมันอยู่ในแผนงานทั้งหมด ผมไปคุยกับลูกค้าเหมือนแค่ผมเอาเอกสารไปให้
ระยะเวลาผ่านมา เมื่อจะถึงกลางเดือนที่สอง งานก็ยังไม่ไปถึงไหน ผมจึงขอให้เค้าเร่งงาน และบอกว่า ถ้างานที่ได้ไม่ถึงกำหนด จะไม่จ่ายงวดที่สองให้
พอมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยว งานก็เดินหน้าไวนัก แต่!! ผลงานที่ออกมา ผมพูดได้เลยว่า มันห่วยมาก แต่ก็ยังทำงานได้ ซึ่งผมก็ไม่ใส่ใจอะไรและคอยบอกให้แก้อยู่เสมอ
พอจะถึงเดือนที่สามคืองวดสุดท้าย อุปกรณ์ที่ทดสอบมีปัญหา ซึงผมต้องซื้อไหม่ ด้วยราคาเดิมคือ 7000 โอเคผมเลยออกเงินของตัวเองออกไปก่อน เพื่ออุปกรณ์เก่าผมอาจซ่อมได้และ เอามาเป็นของตัวเอง
เมื่อถึงกำหนดการที่จะตรวจครั้งสุดท้าย งานที่ออกมาได้ ไม่มีความสมบูรณ์เลย พูดได้ว่าถึงขั้นห่วยมาก ซึ้งผมก็บอกว่างานไม่เสร็จขอให้แก้ด่วน แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรทั้งสิ้น ผมต้องมานั้งแก้งานเอง อดหลับอดนอนสองสามวันเพื่อทำให้มันใช้ได้ 80%
เมื่อถึงเวลาส่งมอบงาน ลูกค้ามองว่า งานนี้มันไม่สมบูรณ์จึงจ่ายงวดที่สามเพียงครึ่งเดียว และบอกว่าจะจ่ายครบเมื่องาน ที่ได้ตามสัญญา
ผมนี้หน้าสั้นเลยครับงานนี้ขาดทุนแน่นอน ผมจึงโทรไปบอกเพื่อนว่า งานงวดที่สามลูกค้าเค้ายังจ่ายไม่ครบ และ ค่าอุปกรณ์ ที่ผมต้องจ่ายนั้นผมต้องออกเองเลยอยากจะประณีประนอมเงินเพื่อให้ผม จึงเปลี่ยนไหม่ งานนี้ผมขาดทุนนะ ค่าอุปกรณ์ 14,000 และผมจะให้ค่าตัวคุณ 16,000 ซึ่งงานนี้ผมไม่ได้อะไรเลย แต่สิ่งที่ผมได้ยินมันช่างทำร้ายจิตใจผมเหลือเกินกับคำพูดที่ว่า "คุณขาดทุน คุณก็ไม่ควรโยนภาระมาที่ผมใช่ไหม เพราะเราตกลงกันไว้แล้ว" คำพูดในใจผมเด้งขึ้นมาเลยครับ "เออตรูขาดทุน งานตรูออกแบบให้ทุกอย่าง เอกสารเดินเองทุกอย่าง อุปกรณ์การจัดหา ไปพบลูกค้า ทนคำต่อว่าทุกอย่าง นี้ตรูต้องมาติดลบอีกใช่ไหม" ตอนนั้นผมจ่ายเงินเพื่อนผมไปแล้ว 16,000 และยังค้างอีก 4,000 เนื่องจากผมไม่มีเงินจริงๆ อาจจะเป็นเพราะ ดวงไม่ดีหรืออะไรหลายๆอย่าง เหมือนลูกค้านัดรวมกันว่าจะไม่จ่ายกัน หรือบางคนตกลงงานใหญ่ๆ และเอาคอนเซ็ปการออกแบบผมไป และให้เจ้าอื่นทำในราคาที่ถูกกว่า
มันทำให้ผมเหมือนคนล้มละลายเลยก็ว่าได้ เพราะเงินติดตัวมีอยู่ 1,300 และต้องอยู่ทั้งเดือน ผมที่ทนพิษคนโกงในกรุงเทพไม่ไหวจึงหนีกลับไปทำงานประจำที่ ตจว. ซึ่งเป็นบ้านเกิดผม และยังค้างเพื่อนอยู่ 4,000 และก็โดนทวงมาโดยตลอด
โอเคครับ ผมจะสรุปให้ฟัง
ผมได้เงินจากลูกค้ามาทั้งสิ้น 25,000 บาท
จ่ายเพื่อนไป 16,000 บาท และค่าอุปกรณ์อีก 14,000 ซึ้งตอนนี้ผมขาดทุนอยู่ 5,000 และถ้าผมต้องจ่ายเพื่อนผมอีก ผมจะขาดทุน 9,000
และยังโดนทวงโดยเสมอมา ผมจึงอยากถามว่า ผมควรจะหน้าบางและขาดทุนมาก หรือ หน้าหนาและขาดทุนน้อย เพราะยังไงผมก็เสียเพื่อนไปแล้วครับ เพราะทำให้ผมเสียลูกค้า
ช่วยด้วยครับ ผมโดนโกงและทำอย่างไรดี
แต่ก่อนผมทำงานประจำครับเป็นระยะเวลาหนึ่ง ผมที่ออกจากงานประจำมาทำ fleelancer (Programmer) เพราะเนื่องจากอาการป่วย
แล้วก็เริ่มรับงานครับ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ธุระกิจ software เหมือนจะไปได้สวย ผมเลยชวนเพื่อนที่ทำงานมาหนึ่งคนมารับงานเนื่องจากงานที่ผมทำนั้น มีมากเกินไป ผมจึงมอบงานให้ครับ งานนี้เป็นงานเกี่ยวกับ Hardware + software ที่ใช้เวลาทำงานประมาณ 2-3 เดือน(งานง่ายและยืดยุ่น) และราคาอยู่ที่ 30,000 บาทถ้วน แบ่งจ่ายเป็นสามงวด ผมจึงตกลงโยนงานให้เพื่อนร่วมงานครับ งานนี้ผมตกลงกันไว้ว่า ผมจะเอาแค่ 3,000 สำหรับการเจรจากับลูกค้า เนื้อหาของงานผมคงบอกไม่ได้ครับเพราะเป็นความลับทางธุระกิจ ซึ้งต้องเตรียมอุปกรณ์และคุยกับลูกค้า ค่าอุปกรณ์ราวๆ 7,000 ครับ และค่าแรงของเพื่อนรวมงานคือ 20,000
ผมตัดสินใจรับงานและคุยรายระเอียดงานกับลูกค้าครับ
งานในช่วงเดือนแรกเป็นไปได้ด้วยดี คือมีการคุยงานรับงาน ออกแบบและวางแผนโดยผมเอง ซึงลูกค้าก็พอใจอย่างมาก ผมจึงคุยกับเพื่อน และเพื่อนร่วมงานก็บอกว่าโอเคทำได้ ต่อมา ในเดือนแรก ผมขอให้เค้าทำ งานต้นแบบ หรือก็คือ Demo ซึ่งหน้าตามันก็ดูดี คอนเซ็ปพอใช้ได้ครับ ผมจึงจัดตารางงานให้เพื่อนผม และบอกระยะเวลาตลอด ไม่เคยจี้งาน ผมบอกก่อนตลอดว่าจะเอาวันไหนๆ
ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นคือ
เมื่อหมดเดือนแรกผ่านไปลูกค้าต้องการที่จะดูผลงานครับ และผมก็ขอรายละเอียดว่างานถึงไหนแล้ว ปรากฏว่า งานไม่คืบหน้าเลยครับ ผมไม่กล้าที่จะแบกหน้าไปคุยกับลูกค้าเลย และก็บอกลูกว่า จะมีแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งมันอยู่ในแผนงานทั้งหมด ผมไปคุยกับลูกค้าเหมือนแค่ผมเอาเอกสารไปให้
ระยะเวลาผ่านมา เมื่อจะถึงกลางเดือนที่สอง งานก็ยังไม่ไปถึงไหน ผมจึงขอให้เค้าเร่งงาน และบอกว่า ถ้างานที่ได้ไม่ถึงกำหนด จะไม่จ่ายงวดที่สองให้
พอมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยว งานก็เดินหน้าไวนัก แต่!! ผลงานที่ออกมา ผมพูดได้เลยว่า มันห่วยมาก แต่ก็ยังทำงานได้ ซึ่งผมก็ไม่ใส่ใจอะไรและคอยบอกให้แก้อยู่เสมอ
พอจะถึงเดือนที่สามคืองวดสุดท้าย อุปกรณ์ที่ทดสอบมีปัญหา ซึงผมต้องซื้อไหม่ ด้วยราคาเดิมคือ 7000 โอเคผมเลยออกเงินของตัวเองออกไปก่อน เพื่ออุปกรณ์เก่าผมอาจซ่อมได้และ เอามาเป็นของตัวเอง
เมื่อถึงกำหนดการที่จะตรวจครั้งสุดท้าย งานที่ออกมาได้ ไม่มีความสมบูรณ์เลย พูดได้ว่าถึงขั้นห่วยมาก ซึ้งผมก็บอกว่างานไม่เสร็จขอให้แก้ด่วน แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรทั้งสิ้น ผมต้องมานั้งแก้งานเอง อดหลับอดนอนสองสามวันเพื่อทำให้มันใช้ได้ 80%
เมื่อถึงเวลาส่งมอบงาน ลูกค้ามองว่า งานนี้มันไม่สมบูรณ์จึงจ่ายงวดที่สามเพียงครึ่งเดียว และบอกว่าจะจ่ายครบเมื่องาน ที่ได้ตามสัญญา
ผมนี้หน้าสั้นเลยครับงานนี้ขาดทุนแน่นอน ผมจึงโทรไปบอกเพื่อนว่า งานงวดที่สามลูกค้าเค้ายังจ่ายไม่ครบ และ ค่าอุปกรณ์ ที่ผมต้องจ่ายนั้นผมต้องออกเองเลยอยากจะประณีประนอมเงินเพื่อให้ผม จึงเปลี่ยนไหม่ งานนี้ผมขาดทุนนะ ค่าอุปกรณ์ 14,000 และผมจะให้ค่าตัวคุณ 16,000 ซึ่งงานนี้ผมไม่ได้อะไรเลย แต่สิ่งที่ผมได้ยินมันช่างทำร้ายจิตใจผมเหลือเกินกับคำพูดที่ว่า "คุณขาดทุน คุณก็ไม่ควรโยนภาระมาที่ผมใช่ไหม เพราะเราตกลงกันไว้แล้ว" คำพูดในใจผมเด้งขึ้นมาเลยครับ "เออตรูขาดทุน งานตรูออกแบบให้ทุกอย่าง เอกสารเดินเองทุกอย่าง อุปกรณ์การจัดหา ไปพบลูกค้า ทนคำต่อว่าทุกอย่าง นี้ตรูต้องมาติดลบอีกใช่ไหม" ตอนนั้นผมจ่ายเงินเพื่อนผมไปแล้ว 16,000 และยังค้างอีก 4,000 เนื่องจากผมไม่มีเงินจริงๆ อาจจะเป็นเพราะ ดวงไม่ดีหรืออะไรหลายๆอย่าง เหมือนลูกค้านัดรวมกันว่าจะไม่จ่ายกัน หรือบางคนตกลงงานใหญ่ๆ และเอาคอนเซ็ปการออกแบบผมไป และให้เจ้าอื่นทำในราคาที่ถูกกว่า
มันทำให้ผมเหมือนคนล้มละลายเลยก็ว่าได้ เพราะเงินติดตัวมีอยู่ 1,300 และต้องอยู่ทั้งเดือน ผมที่ทนพิษคนโกงในกรุงเทพไม่ไหวจึงหนีกลับไปทำงานประจำที่ ตจว. ซึ่งเป็นบ้านเกิดผม และยังค้างเพื่อนอยู่ 4,000 และก็โดนทวงมาโดยตลอด
โอเคครับ ผมจะสรุปให้ฟัง
ผมได้เงินจากลูกค้ามาทั้งสิ้น 25,000 บาท
จ่ายเพื่อนไป 16,000 บาท และค่าอุปกรณ์อีก 14,000 ซึ้งตอนนี้ผมขาดทุนอยู่ 5,000 และถ้าผมต้องจ่ายเพื่อนผมอีก ผมจะขาดทุน 9,000
และยังโดนทวงโดยเสมอมา ผมจึงอยากถามว่า ผมควรจะหน้าบางและขาดทุนมาก หรือ หน้าหนาและขาดทุนน้อย เพราะยังไงผมก็เสียเพื่อนไปแล้วครับ เพราะทำให้ผมเสียลูกค้า