Tripitaka Exposed...เขาว่า...พระองค์ตรัสรู้??(ว่าด้วยเราห่วง...พุทธบริษัท...ของเรา)

กระทู้สนทนา


ในช่วงแรกที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ว่ากันว่า... มีมารตนหนึ่งเข้ามาทูลขอให้พระองค์นั้นปรินิพพาน แต่พระองค์ก็ตรัสบอกมารตนนั้น ว่า...หากพุทธบริษัทของพระองค์ยังไม่เฉียบแหลม

ไม่ได้รับแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอก แสดง

บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์

ข่มขี่ปรัปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมไม่ได้ เพียงใด  พระองค์จักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ฯ

ในช่วงบั้นปลายของชีวิตของตถาคต   มารตนเดิมก็มาทูลขอให้พระองค์ปรินิพพานอีก  พระองค์ก็ทรงตรัสตอบมารเช่นเดิม ความดังนี้...

อ้างอิง
www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&pagebreak=0

[๑๐๒] ดูกรอานนท์ สมัยหนึ่ง เราแรกตรัสรู้ พักอยู่ที่ต้นไม้
อชปาลนิโครธแทบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ในอุรุเวลาประเทศ ครั้งนั้น มารผู้มีบาป
ได้เข้าไปหาเราถึงที่อยู่ ครั้นเข้าไปหาแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นมาร
ผู้มีบาปยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค
จงปรินิพพานในบัดนี้เถิด ขอพระสุคตจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด บัดนี้เป็นเวลา
ปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค เมื่อมารกล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้ตอบว่า ดูกรมาร
ผู้มีบาป ภิกษุผู้เป็นสาวกของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับแนะนำ ไม่
แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่
ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอก แสดง
บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์
ข่มขี่ปรัปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมไม่ได้ เพียงใด เราจักยังไม่
ปรินิพพานเพียงนั้น ฯ
             ดูกรมารผู้มีบาป ภิกษุณีผู้เป็นสาวิกาของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ...
เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ฯ
             ดูกรมารผู้มีบาป อุบาสกผู้เป็นสาวกของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ...
เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ฯ
             ดูกรมารผู้มีบาป อุบาสิกาผู้เป็นสาวิกาของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ...
เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ฯ
             ดูกรมารผู้มีบาป พรหมจรรย์ของเรานี้จักยังไม่สมบูรณ์ กว้างขวาง
แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งเทวดามนุษย์ประกาศได้ดีแล้ว
เพียงใด เราจักไม่ปรินิพพานเพียงนั้น

ดูกรอานนท์ วันนี้เมื่อกี้นี้เอง มารผู้มีบาปได้เข้ามาหาเราที่ปาวาลเจดีย์  ครั้นเข้ามาหาแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง มารผู้มีบาปครั้นยืนเรียบร้อยแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด ขอพระสุคตจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด บัดนี้ เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค ก็พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้ไว้ว่า ดูกรมารผู้มีบาป

ภิกษุผู้เป็นสาวกของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ... เพียงใด ...

ภิกษุณีผู้เป็นสาวิกาของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ... เพียงใด ...

อุบาสกผู้เป็นสาวกของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ... เพียงใด ...

อุบาสิกาผู้เป็นสาวิกาของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ...เพียงใด ...

พรหมจรรย์ของเรานี้จักยังไม่สมบูรณ์ กว้างขวาง แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งเทวดาและมนุษย์ประกาศได้ดีแล้วเพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บัดนี้ พรหมจรรย์ของพระผู้มีพระภาคสมบูรณ์แล้ว กว้างขวาง แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่นจนกระทั่งเทวดาและมนุษย์ประกาศได้ดีแล้ว

ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด ขอพระสุคตจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด บัดนี้ เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค ฯ

             ดูกรอานนท์ เมื่อมารกล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้ตอบว่า ดูกรมารผู้มีบาป
ท่านจงมีความขวนขวายน้อยเถิด ความปรินิพพานแห่งตถาคตจักมีไม่ช้า โดย
ล่วงไปอีกสามเดือนแต่นี้ ตถาคตก็จักปรินิพพาน ดูกรอานนท์ วันนี้เมื่อกี้นี้
ตถาคตมีสติสัมปชัญญะปลงอายุสังขารแล้ว ที่ปาวาลเจดีย์ ฯ

คำถามมีอยู่ว่า...ความเป็นห่วงในสาวกของตถาคตนั้น...เป็นกิเลสอย่างหนึ่งหรือไม่??

หากเราจะถามหาคำตอบจากคนแถวนี้ก็คงจะไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนและถูกต้องอย่างแน่นอน

กระนั้นเลย...เราไปดูคำตอบ แถว ๆ พันทิพกันครับว่า...เขามองเรื่องความเป็นห่งนั้นกันเช่นไร?? กันดีกว่าครับ

อ้างอิง
www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10258638/Y10258638.html

จากคำตอบข้างต้น  เราสามารถสรุปได้ว่า...ชาวพุทธทั่วไปมองว่า...ความเป็นห่วงต่อสิ่งต่าง ๆ นั้น...เป็น"โทสะ"อย่างหนึ่ง  และอาจจะทำให้เกิด"อุปทาน " คือ การที่จิตไปยึดอยู่กับสิ่งใด สิ่งหนึ่ง ขึ้นด้วย

พอจิตเกิด  โทมนัสเวทนา และ โทสะก็จะเกิดตามมา

นั่น!! สรุปได้ว่าในความเชื่อทางพุทธศาสนาแล้ว...ความเป็นห่วง นั้นถือได้ว่าเป็น"กิเลสอย่างหนึ่ง" ของมนุษย์ของเรานั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่