เราเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบหินสี แต่ถ้าซื้อมาในราคาที่แพงแล้วเป็นหินปลอม ก็คงรู้สึกไม่ดี
ยังไม่ค่อยเห็นมีคนพูดถึงเรื่องการแยกหินแท้กับหินปลอมมากนัก ขออนุญาต คัดลอกข้อความจากเว็บไซต์ผู้จัดการ มาให้เพื่อนๆ ดูกัน
รศ.ดร.เสรีวัฒน์ กล่าวแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า หินสีที่มีอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ มีทั้งหินสีธรรมชาติที่เป็นของจริง หินสีปลอมที่ทำจากแก้ว เรซิ่น และพลาสติกขายปะปนกัน ผู้ซื้อจึงต้องรู้เท่าทันผู้ขาย และแยกแยะให้เป็นก่อนว่าอันไหนของจริง หรือของปลอม
รศ.ดร.เสรีวัฒน์ เผยว่าวิธีเบื้องต้นสำหรับตรวจสอบหินสีมีอยู่ด้วยกัน 6 วิธี คือ
1. การสังเกตฟองอากาศโดยใช้ลูปส่องพระหรือกล้องส่องพระ กำลังขยาย 10 เท่าส่องเข้าไปที่เม็ดหิน หากเป็นหินปลอมที่ทำขึ้นจากแก้วหรือเรซิ่น ภายในจะเต็มไปด้วยฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมาก ที่เกิดขึ้นขณะการฉีดหรือเป่าแก้วของเครื่องจักรในโรงงาน ในขณะที่หินจริงจะไม่มีฟองอากาศ
2. การดูเส้นไหล หากเป็นหินปลอมจะปรากฏลายเส้นไหล ที่เกิดจากการหลอมของพลาสติก หรือสารที่ใช้ผสมในเรซิ่นหินปลอม ซึ่งมีลักษณะคล้ายลายของมวลน้ำตาลในขณะที่เรากวนน้ำเชื่อม ซึ่งในหินแท้จากธรรมชาติจะไม่พบเส้นไหล
3. น้ำหนัก เป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้เทียบ เพราะแก้วบางชนิดมีน้ำหนักใกล้เคียงกับหินสี แต่ก็สามารถใช้เทียบในบางกรณีสำหรับหินสีพลาสติกที่จะมีความเบาจนผิดวิสัยของหิน
4. ดูลวดลาย หากลวดลายหรือตำหนิบนหินมีลักษณะเหมือนๆ กัน หรือตรงกันทุกจุด ให้สันนิษฐานได้ทันทีว่าเป็นของปลอม เพราะหินในธรรมชาติจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด
5. ดูมลทินหรือวัตถุแร่ภายใน โดยการใช้กล้องจุลทรรศน์อัญมณีที่มีกำลังขยาย 60-90 เท่า ซึ่งวิธีนี้ผู้เชี่ยวชาญจะนิยมใช้ดูตำหนิภายในเพื่อประเมินราคา และตรวจสอบชนิด
6.ใช้เครื่องรีแฟลกซ์โตมิเตอร์ (Reflactometer) ตรวจสอบชนิดหินสี ในกรณีไม่สามารถตรวจสอบตำหนิได้ชัดเจน เพื่อวัดค่าดัชนีหักเหเทียบกับค่ามาตรฐาน ซึ่งค่าที่ได้จากการวัดด้วยวิธีนี้จะบอกชนิดของหินสีได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ รศ.ดร.เสรีวัฒน์ ยังระบุเพิ่มเติมแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ด้วยว่า วิธีสังเกตรอยต่อของตัวลูกปัดหินสีก็สามารถทำได้โดยหินสีปลอมจากบางที่จะปรากฏรอยต่อที่เกิดจากความไม่เรียบร้อยของกระบวนการผลิต และอีกวิธีการหนึ่งที่ควรจะลองทำ คือ การนำไปตากแดดสักพักหนึ่งแล้วนำมาสัมผัส หรือนำมาอังไว้ที่แก้ม หินสีธรรมชาติจะยังคงความเย็นอยู่ ในขณะที่แก้วหรือเรซิ่นจะร้อน เพราะมีคุณสมบัติในการดูดความร้อน
ที่มา : "6 วิธีแยกหินสี! ของจริง VS ของปลอม"
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019591
วิธีแยกหินสีธรรมชาติ (จากเว็บไซต์ผู้จัดการ)
เราเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบหินสี แต่ถ้าซื้อมาในราคาที่แพงแล้วเป็นหินปลอม ก็คงรู้สึกไม่ดี
ยังไม่ค่อยเห็นมีคนพูดถึงเรื่องการแยกหินแท้กับหินปลอมมากนัก ขออนุญาต คัดลอกข้อความจากเว็บไซต์ผู้จัดการ มาให้เพื่อนๆ ดูกัน
รศ.ดร.เสรีวัฒน์ กล่าวแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า หินสีที่มีอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ มีทั้งหินสีธรรมชาติที่เป็นของจริง หินสีปลอมที่ทำจากแก้ว เรซิ่น และพลาสติกขายปะปนกัน ผู้ซื้อจึงต้องรู้เท่าทันผู้ขาย และแยกแยะให้เป็นก่อนว่าอันไหนของจริง หรือของปลอม
รศ.ดร.เสรีวัฒน์ เผยว่าวิธีเบื้องต้นสำหรับตรวจสอบหินสีมีอยู่ด้วยกัน 6 วิธี คือ
1. การสังเกตฟองอากาศโดยใช้ลูปส่องพระหรือกล้องส่องพระ กำลังขยาย 10 เท่าส่องเข้าไปที่เม็ดหิน หากเป็นหินปลอมที่ทำขึ้นจากแก้วหรือเรซิ่น ภายในจะเต็มไปด้วยฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมาก ที่เกิดขึ้นขณะการฉีดหรือเป่าแก้วของเครื่องจักรในโรงงาน ในขณะที่หินจริงจะไม่มีฟองอากาศ
2. การดูเส้นไหล หากเป็นหินปลอมจะปรากฏลายเส้นไหล ที่เกิดจากการหลอมของพลาสติก หรือสารที่ใช้ผสมในเรซิ่นหินปลอม ซึ่งมีลักษณะคล้ายลายของมวลน้ำตาลในขณะที่เรากวนน้ำเชื่อม ซึ่งในหินแท้จากธรรมชาติจะไม่พบเส้นไหล
3. น้ำหนัก เป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้เทียบ เพราะแก้วบางชนิดมีน้ำหนักใกล้เคียงกับหินสี แต่ก็สามารถใช้เทียบในบางกรณีสำหรับหินสีพลาสติกที่จะมีความเบาจนผิดวิสัยของหิน
4. ดูลวดลาย หากลวดลายหรือตำหนิบนหินมีลักษณะเหมือนๆ กัน หรือตรงกันทุกจุด ให้สันนิษฐานได้ทันทีว่าเป็นของปลอม เพราะหินในธรรมชาติจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด
5. ดูมลทินหรือวัตถุแร่ภายใน โดยการใช้กล้องจุลทรรศน์อัญมณีที่มีกำลังขยาย 60-90 เท่า ซึ่งวิธีนี้ผู้เชี่ยวชาญจะนิยมใช้ดูตำหนิภายในเพื่อประเมินราคา และตรวจสอบชนิด
6.ใช้เครื่องรีแฟลกซ์โตมิเตอร์ (Reflactometer) ตรวจสอบชนิดหินสี ในกรณีไม่สามารถตรวจสอบตำหนิได้ชัดเจน เพื่อวัดค่าดัชนีหักเหเทียบกับค่ามาตรฐาน ซึ่งค่าที่ได้จากการวัดด้วยวิธีนี้จะบอกชนิดของหินสีได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ รศ.ดร.เสรีวัฒน์ ยังระบุเพิ่มเติมแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ด้วยว่า วิธีสังเกตรอยต่อของตัวลูกปัดหินสีก็สามารถทำได้โดยหินสีปลอมจากบางที่จะปรากฏรอยต่อที่เกิดจากความไม่เรียบร้อยของกระบวนการผลิต และอีกวิธีการหนึ่งที่ควรจะลองทำ คือ การนำไปตากแดดสักพักหนึ่งแล้วนำมาสัมผัส หรือนำมาอังไว้ที่แก้ม หินสีธรรมชาติจะยังคงความเย็นอยู่ ในขณะที่แก้วหรือเรซิ่นจะร้อน เพราะมีคุณสมบัติในการดูดความร้อน
ที่มา : "6 วิธีแยกหินสี! ของจริง VS ของปลอม" http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019591