อีกไม่กี่วันก็จะวันมาฆบูชาในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2558 ปีนี้หลายหน่วยได้ร่วมกันจัดงาน "สัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา" ที่ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม ภายในงานมีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนามากมาย แต่ที่ผ่านมาวงการพระพุทธศาสนาเกิดปัญหาด้านภาพลักษณ์เชิงลบมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือการถวายสังฆทาน จึงได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการถวายสังฆทานอย่างถูกต้อง
โดยการถวายสังฆทาน เป็นประเพณีที่ปัฏบัติต่อกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งในปัจจุบันได้ปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย แต่สำหรับประชาชนหลายคนอาจมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำบุญด้วยการถวายสังฆทาน รวมถึงนำสิ่งของที่ไม่เหมาะสมมาถวาย ไม่ว่าจะเป็น บุหรี่ กาแฟ สิ่งเสพติด เครื่องดื่มชูกำลัง ผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุด้วยโฟม เป็นต้น เพราะเข้าใจว่าสิ่งของที่จะนำมาถวายสามารถเป็นอะไรก็ได้ และส่วนใหญ่มักนำมาบรรจุในภาชนะสีเหลือง เนื่องจากเชื่อว่าเป็นสังฆทานที่ถูกต้อง
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือที่รู้จักกันดีในนามปากกา ว.วชิรเมธี เล่าว่า ที่จริงแล้วการถวายสังฆทานถือเป็นการให้ความสำคัญต่อพระสงฆ์ โดยเป็นการถวายปัจจัย4 หรือสิ่งของ ที่ไม่ขัดต่อสมณวิสัยของพระภิกษุสงฆ์ และสอดคล้องต่อพระธรรมวินัยอนุญาตไว้ ซึ่งจะอยู่ในภาชนะใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในภาชนะสีเหลืองเพียงอย่างเดียว และถ้าเป็นไปได้ควรเลือกซื้อของมาประกอบเป็นสังฆทานเอง เพราะจะได้ของมีคุณภาพกว่าการไปซื้อตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป
"ประสบการณ์ของพระอาจารย์และพระภิกษุอีกหลายรูปเราเห็นตรงกันว่าบางครั้งสังฆทานที่ทำกันแบบมักง่ายนั้นเน้นปริมาณ แต่ไม่มีคุณภาพ เช่นเอาน้ำที่จะดื่มไปวางแหมะไว้กับผงซักฟอก และใกล้ๆ กันนั้นก็มีปลากระป๋อง พอไปวางแหมะไว้อย่างนั้นเป็นเดือนๆ เปิดออกมาจะฉันน้ำ มีแต่กลิ่นผงซักฟอก หรือบางทีสบงที่มาถวายพระ หยิบขึ้นมากางดูเนี่ย แดดส่องทะลุเลย อย่างนี้พระอาจารย์เรียกว่าเป็นสังฆทานซีทรู"
พระมหาวุฒิชัย เล่าต่อว่า สังฆทานที่ดีไม่จำเป็นต้องมีของถวายมากมาย ขอเพียงเป็นของที่จำเป็นและมีคุณภาพดีก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นการทำบุญด้วยการถวายสังฆทานควรเลือกสิ่งของที่มีคุณภาพและควรคำนึงถึงความต้องการเพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้ของพระสงฆ์มากกว่าความสะดวกของผู้ถวาย เพราะนอกจากเป็นการเบียดเบียดพระสงฆ์แล้ว ยังทำให้พระสงฆ์ผิดพระวินัย ถึงแม้ว่าจะมีความปรารถนาดีก็ตาม
ข้อมูลจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1425272148
"ว.วชิรเมธี" อธิบายเรื่อง "สังฆทาน" กับช่วงสัปดาห์พระพุทธศาสนา
อีกไม่กี่วันก็จะวันมาฆบูชาในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2558 ปีนี้หลายหน่วยได้ร่วมกันจัดงาน "สัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา" ที่ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม ภายในงานมีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนามากมาย แต่ที่ผ่านมาวงการพระพุทธศาสนาเกิดปัญหาด้านภาพลักษณ์เชิงลบมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือการถวายสังฆทาน จึงได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการถวายสังฆทานอย่างถูกต้อง
โดยการถวายสังฆทาน เป็นประเพณีที่ปัฏบัติต่อกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งในปัจจุบันได้ปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย แต่สำหรับประชาชนหลายคนอาจมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำบุญด้วยการถวายสังฆทาน รวมถึงนำสิ่งของที่ไม่เหมาะสมมาถวาย ไม่ว่าจะเป็น บุหรี่ กาแฟ สิ่งเสพติด เครื่องดื่มชูกำลัง ผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุด้วยโฟม เป็นต้น เพราะเข้าใจว่าสิ่งของที่จะนำมาถวายสามารถเป็นอะไรก็ได้ และส่วนใหญ่มักนำมาบรรจุในภาชนะสีเหลือง เนื่องจากเชื่อว่าเป็นสังฆทานที่ถูกต้อง
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือที่รู้จักกันดีในนามปากกา ว.วชิรเมธี เล่าว่า ที่จริงแล้วการถวายสังฆทานถือเป็นการให้ความสำคัญต่อพระสงฆ์ โดยเป็นการถวายปัจจัย4 หรือสิ่งของ ที่ไม่ขัดต่อสมณวิสัยของพระภิกษุสงฆ์ และสอดคล้องต่อพระธรรมวินัยอนุญาตไว้ ซึ่งจะอยู่ในภาชนะใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในภาชนะสีเหลืองเพียงอย่างเดียว และถ้าเป็นไปได้ควรเลือกซื้อของมาประกอบเป็นสังฆทานเอง เพราะจะได้ของมีคุณภาพกว่าการไปซื้อตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป
"ประสบการณ์ของพระอาจารย์และพระภิกษุอีกหลายรูปเราเห็นตรงกันว่าบางครั้งสังฆทานที่ทำกันแบบมักง่ายนั้นเน้นปริมาณ แต่ไม่มีคุณภาพ เช่นเอาน้ำที่จะดื่มไปวางแหมะไว้กับผงซักฟอก และใกล้ๆ กันนั้นก็มีปลากระป๋อง พอไปวางแหมะไว้อย่างนั้นเป็นเดือนๆ เปิดออกมาจะฉันน้ำ มีแต่กลิ่นผงซักฟอก หรือบางทีสบงที่มาถวายพระ หยิบขึ้นมากางดูเนี่ย แดดส่องทะลุเลย อย่างนี้พระอาจารย์เรียกว่าเป็นสังฆทานซีทรู"
พระมหาวุฒิชัย เล่าต่อว่า สังฆทานที่ดีไม่จำเป็นต้องมีของถวายมากมาย ขอเพียงเป็นของที่จำเป็นและมีคุณภาพดีก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นการทำบุญด้วยการถวายสังฆทานควรเลือกสิ่งของที่มีคุณภาพและควรคำนึงถึงความต้องการเพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้ของพระสงฆ์มากกว่าความสะดวกของผู้ถวาย เพราะนอกจากเป็นการเบียดเบียดพระสงฆ์แล้ว ยังทำให้พระสงฆ์ผิดพระวินัย ถึงแม้ว่าจะมีความปรารถนาดีก็ตาม
ข้อมูลจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1425272148