เจ็ดวันสงบจิตใจ ที่วัดมเหยงคณ์ จ.อยุธยา

ขอเล่าประสบการณ์การบวชเนกขัมมภาวนา ที่วัดมเหยงคณ์ จ.อยุธยา งดดร่ามานะจ๊ะ
กำหนดของเราที่ตั้งใจไว้คือ บวชชีพรหมณ์เจ็ดวัน ได้บอกทางบ้านเพื่อหาสถานที่บวช คุณลุงผู้สนับสนุนหลัก บอกว่าจะเอาไปปล่อย ห้ามหนีกลับเด็ดขาด ห้ามพาคนอื่นหนีออกมาด้วย เง้อ
คุณลุงให้เราจัดเตรียมของที่จำเป็นไป ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมาย
- ของใช้ส่วนตัว ผ้าขนหนู ผงซักฟอก ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ยาสระผม ยากันยุง
- ชุดบวชสีขาว 2 ชุด
- สำคัญที่สุด ใจ
เมื่อเตรียมพร้อม ออกเดินทางจาก นครปฐมมุ่งหน้าสู่อยุธยา อารมณ์แรกที่ถึงวัด ก็โอเคนะ นะจะอยู่ได้ ร่มรื่น สงบ
สมัครเพื่อขอบวช กรอกใบสมัคร พร้อม บัตรประชาชน ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ทางวัดก็จะให้เหมือนใบส่งตัว เพื่อเราจะได้ทราบว่าจะพักที่ไหน
เมื่อได้ที่พักมา ตึก สาวิกาชั้นสาม ทางบ้านที่พามาปล่อย คือ ลุงกับพี่สาวที่มาส่ง ก็กลับบ้าน พร้อมเฟอร์นิเจอร์บนตัวของเราทุกชิ้น กระเป๋าสตางค์ และมือถือ ใช่แล้ว มือถือ อวัยวะ ที่สามสิบสามของชั้น เราจะไม่เจอกันอาทิตย์นึงนะ พี่สาวเอาเงินไว้ให้ หนึ่งพันบาท เอาไว้ซื้อของใส่บาตรกับทำบุญนะ แล้วรถโฟลค์สีแดงก็วิ่งไปจากวัดเงียบๆ
เราขึ้นไปที่พัก เพื่อเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักบวช ลงทะเบียนเข้าพัก ระบุจำนวนวันบวช เบอร์ติดต่อ เนื่องจากเรามาช่วงบ่ายแล้วไม่ได้บวช การบวชจะบวชในช่วงเช้าของทุกวัน เราต้องรอบวชในวันพรุงนี้
ที่พักเป็นห้องโถง มุ้งลวด มีพัดลมเพดาน ดูสะอาด ที่นอนอันแสนสุขคือ เสื่อผืน หมอนใบ ผ้าห่ม ซึ่งทางวัดจัดเตรียมไว้เรียบร้อย นอนเรียงแถวกันสองฝั่ง
ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม สะอาด เพียงพอกับผู้เข้าพัก อาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนชุดนักบวชเรียบร้อย พร้อม
ลงจากที่พัก พอดีทุกคนกำลังกวานลานวัดกันอยู่ เราก็ไปช่วยพวกเขากวาด เหนื่อยแต่ก็สนุกดี ทุกคนสำรวม ไม่เล่น ไม่คุยกันเลย ได้แต่ส่งรอยยิ้มให้กัน
ตอนเย็นไปนั่งสมาธิที่ริมบ่อน้ำ หลวงพ่อท่านก็สอนวิธีภาวนา บรรยากาศสงบ ร่มเย็น จนเราหลับ สัปหงกหลายรอบมาก(น่าอายจริงๆ) หกโมงเย็น ขึ้นศาลาไปทำวัตรเย็น หกโมงครึ่งทุกคนพร้อมเริ่มสวดมนต์ วันนี้เป็นวันพระ คนมาอยู่วัดกันเยอะ น่าจะราวๆสองร้อยคน เมื่อสวดเสร็จ ไปฟังธรรมจากหลวงพ่อ ยุงก็เยอะ แต่ทุกคนดูมีความสุขที่ได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อ เรื่องยุง กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยมากไปในทันที
ฟังธรรมเสร็จ เราจะกลับที่พัก พระอาจารย์อีกรูปท่านบอกว่าจะพาไปสวดมนต์ที่โบสถ์เก่า พวกเราก็เดินตามกันไป อาศัยแสงไฟจากมือถือบ้าง ไปฉายบ้าง เมื่อถึงโบสถ์ก็จุดเทียน (ไม่มีไฟฟ้า) จุดเทียนคนละเล่ม พระท่านนำสวด พวกเราก็สวดตามท่านไป ก็ตื่นเต้นไปอีกแบบ โบสถ์เก่านี้เป็นโบสถ์สมัยอยุธยา เป็นโบราณสถานอายุสามร้อยปี ที่ใหญ่ที่สุดของอยุธยา หลังคาไม่มี ได้สวดมนต์ที่นี้รู้สึกกลัวนิดๆ แต่คนเยอะก็ค่อยอุ่นใจ เสร็จก็กลับที่พักจบภารกิจวันแรกไปแบบงงๆ ตื่นเต้น มีความสุข นอนหลับฝันดี (ปกติเป็นคนหลับยากมาก แบบว่า ไม่ตีหนึ่งเราไม่นอน)
ตีสามครึ่ง พรึ่บ ไปสว่าง ได้เวลาตื่นแล้ว(ขออีกหน่อย ได้ไหม) ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จไปโบสถ์เพื่อทำวัตรเช้า
ตีสี่ครึ่ง พร้อมเพรียงสวดมนต์ทำวัตรเช้า นังสมาธิ เสร็จแล้วไปช่วยกันทำความสะอาด จะกวาดลาน รดน้ำต้นไม้ ล้างห้องน้ำก็ว่ากันไป
หกโมงครึ่งเตรียมตัวใส่บาตร (ไม่ได้บังคับ แล้วแต่ศรัทธา)ของที่จะใส่ จะมีพ่อค้าแม่ค้า มาขายให้พร้อมสรรพ มีถาดให้ยืมใส่ของถวายพระ
ใส่บาตรเสร็จ ก็ช่วยกันจัดสำรับ ที่พระท่านบิณฑบาตมา เสร็จแล้วเตรียมตัวทานอาหารที่ศาลาสำหรับทานอาหาร สวดมนต์ก่อนทานอาหาร เสร็จแล้วนำภาชนะไปล้าง(ของใคร ของมัน ดีมาก) เช็ดให้แห้ง นำไปเก็บให้เรียบร้อย
เก้าโมงเช้าเป็นเวลาบวช โดยจะมีพระอาจารย์มาบวชให้ แล้วมีอบรมให้ทราบข้อกำหนดของทางวัด ซึ่งตารางการปฏิบัติตนมีดังนี้
๔.๐๐ น. ตื่นขึ้นทำภารกิจส่วนตัว
๔.๓๐ น. ทำวัตรเช้า-ปฏิบัติกรรมฐาน
๕.๓๐ น. ช่วยกันทำความสะอาดศาลา และบริเวณวัด โดยพร้อมเพรียงกัน
๗.๐๐ น. ช่วยกันจัดอาหารทีพระสงฆ์บิณฑบาทมา
๗.๔๕ น. พร้อมกัน เตรียมตักอาหาร
๘.๔๕ น. ช่วยกันเก็บล้างภาชนะ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว
๑๐.๐๐ น. ฟังการอบรมปฏิบัติกรรมฐาน
๑๓.๓๐ น. ปฏิบัติกรรมฐาน (เดินจงกรม ๔๕ นาที นั่งภาวนา ๔๕ นาที)
๑๕.๓๐ น. ดื่มน้ำปานะ
๑๖.๓๗ น. ทำความสะอาดบริเวณวัด
๑๘.๓๐ น. ทำวัตรเย็น - ปฏิบัติกรรมฐาน
๒๐.๑๕ น. ฟังการบรรยายธรรม
๒๑.๓๐ น. ปิดการประชุม ปฏิบัติธรรมส่วนตัว พักผ่อน
พร้อมทั้ง อบรมมารยาท
- ไม่ยืนหรือเดินทานอาหาร ดื่มน้ำ ควรนั่งให้เรียบร้อย
- พูดเท่าที่จำเป็น ไม่จับกลุ่มคุยกัน
- ไม่เล่นหรือใช้โทรศัพท์มือถือ ในเวลาปฏิบัติธรรม
- ไม่นำถุงพลาสติก น้ำปานะ เข้าไปในศาลา
ในระยะเวลาเจ็ดวันที่เราได้บวชนี้ สองวันแรกยังมีอาการตื่นเต้น สนุกสนาน(ในใจ ออกนอกหน้าไม่ได้ ไม่สำรวม) แต่พอวันที่สามที่สี อาการลงแดงก็ออกมา ทุกครั้งที่นั่งภาวนา เราหลับ สัปหงก คอแทบจะหัก ทั้งทีวีไม่มีดู มือถือก็ไม่มี จิตใจว้าวุ่นมากๆ ชอบเผลอร้องเพลงออกมา(คนมีดนตรีในหัวใจอ่ะนะ)
แต่พอถึงวันที่ห้า เราเริ่มรู้สึกสงบ ไม่หงุดหงิด ใครจะว่าอะไร เราก็วางเฉย จิตใจไม่ร้อนรุ่ม
วันที่หก ภาวนาสมาธินิ่ง นั่งได้ระยะเวลานานขึ้น จากวันแรกๆไม่เกินห้านาทีเป็นอันเสร็จ
วันสุดท้าย เรากรวดน้ำให้ญาติ เจ้าเวรนายกรรม และสิ่งศักดิ์ที่ได้บนบานศาลกล่าวไว้ (เราบวชแก้บน) อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้ทำ รู้สึกสงบ นิ่ง หรือคำว่าความสุขมันเป็นแบบนี้ มันอยู่ตรงนี้ ที่ใจ ใจสงบ ก็เป็นสุข
เราลาสิกขามาด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยเราได้ทำบุญใส่บาตรเจ็ดวันเต็มๆ กับหลวงพ่อพระนักปฏิบัติ (หลังจากที่ไม่เคยใส่บาตรมาเป็นระยะเวลาเกือบที่สี่ปีที่ใช้ชีวิตที่จีน)
ได้รู้จัก สมาธิ สติ ความสำรวม ของกาย วาจา ใจ
ต้องขอขอบคุณ ลุงหวัน ที่ช่วยหาที่สงบให้หลานคนนี้ได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
ขอบคุณพี่ฐา ที่ช่วยขับรถรับ-ส่งน้องคนนี้ไปบวชตามที่ใจหวัง
ขอบคุณแม่ชี เจ้าหน้าที่วัดมเหยงคณ์ทุกท่านที่ให้ความกรุณา อบรมสั่งสอนและช่วยเหลือในหลายสิ่งหลายอย่าง(โดยเฉพาะพี่ เกษ ร้านสวัสดิการ ขอบคุณพี่มากๆเลย ในความช่วยเหลือของพี่)
สุดท้ายขอขอบคุณ วัดมเหยงคณ์ ที่แสนสงบ รมรื่น เป็นที่พักพิงทางธรรมที่จะไม่มีวันลืม หากมีโอกาสจะกลับไปบวชที่วัดอีกแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่