คำพูดที่ทำให้คนๆนึงมีความหวังที่จะทำตามฝัน

กระทู้คำถาม
ผมทำงานได้วันละ 300 จะรวยได้มั้ยครับ ?

ใครที่ติดตามแฟนเพจผมเป็นประจำ
จะรู้ว่าผมนั้นทำงานอยู่ที่ Stock2Morrow
ในตำแหน่งผู้ช่วยงานสัมมนา หรือง่ายๆก็คือ
เด็กเดินไมค์นั่นแหละ

และด้วยความที่ผมต้องอยู่ในห้องสัมมนา
ผมจึงมีโอกาสได้พบวิทยากรเก่งๆ มากมาย
แม้กระทั่งแขกที่มาฟัง มีตั้งแต่คนธรรมดา
จนไปถึงเศรษฐีพันล้าน !

ปัญหาผมมันเกิดตรงนี้แหละครับ

เพราะยิ่งผมได้คุยกับวิทยากรหรือแขกเท่าไหร่
ผมก็ยิ่งทึ่งในความสำเร็จที่เขาได้รับ
และหันกลับมาถามตัวเองว่า "แล้วกุล่ะ ?"

ทุกคนที่ผมคุยด้วยนั้นมีความเก่งไม่เหมือนกัน
แต่เหมือนกันอย่างนึงครับ ทุกคนรวยกันหมด

เพราะผมมีความฝันว่าผมจะต้องรวยที่สุด
แต่พอย้อนมาดูตัวเองตามความเป็นจริง..
ได้เงินวันละ 300 ข้าวยังต้องกินข้างทาง
มันยากที่จะเชื่อใช่มั้ยครับ..
ว่าผมจะรวยและประสบความสำเร็จได้

อารมณ์มันประมาณว่า
คุณเรียนได้เกรด 0.99 ในขณะที่คนอื่น
กลับเรียนได้เกรด 4.00 กันหมดเบย
ผมไม่ได้อิจฉานะคร้บ แต่สิ่งที่ผมคิดคือ
"แล้วกุจะทำได้เหมือนเค้ามั้ยเนี่ยยย"

ผมแก้ปัญหายังไงล่ะ ?

ครับ ด้วยความที่ผมบ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ทุกๆ คืนผมมักจะยืนอยู่กลางห้องนอน
ยืนขึ้น หลับตา และพูดเหมือนคนสำเร็จ
มโนเอาเองว่าผมเองประสบความสำเร็จแล้ว !

ในขณะที่หลับตาแล้วพูด
ผมคิดแค่ว่าในตอนนั้นผมไม่ได้พูดกับตัวเอง
แต่ผมกำลังพูดกับผู้ฟังเป็นหมื่นๆ คน
ที่รอฟังผม รอให้ผมสร้างแรงบันดาลใจ
บ้าขนาดนี้เลยนะ 55555

และด้วยความที่ผมมโนเอาเองว่ามีคนรอฟัง
ผมจึงไม่พยายามพูดให้ดีที่สุด
แต่ผมจะพยายามพูดให้คนฟังเข้าใจถึงแก่น
ให้เสียงของผมมันดังเข้าไปในจิตใต้สำนึก
ของทุกๆ คน และรวมถึงผมเองด้วย

มันจึงเป็นการ "ย้ำคิดย้ำทำ" โดยไม่รู้ตัว
ทำให้ในทุกๆ ครั้งที่ผมพูด
จิตใต้สำนึกผมจะเปิดรับความรู้สึกผมเอง
จนในที่สุด ผมแทบไม่หลงเหลือความกลัว

ผมแค่เชื่อว่าผมรวยและประสบความสำเร็จ
ไม่มีการลังเล ไม่มีการสงสัย
ไม่มีทางเป็นอื่นได้ นอกจากที่ผมอยากให้เป็น

มันดูเหมือนบ้าใช่มั้ยครับ
ผมยังคิดงั้นเลยในตอนแรก ==

แต่ลองคิดดูดีๆ นะครับ
ในโลกนี้มีคนมากมายอยากรวย
แต่ทำไมกลับมีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำได้
ผมว่ามันไม่ใช่เพราะความเก่งหรอก
มันอยู่ที่ใจเราเองตะหาก

ทุกคนอยากรวย แต่พอมองตัวเองในตอนนี้
กลับคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันยากเกินไป
คนทำงานกินเงินเดือนอย่างเราจะทำได้ไง

แค่นี้เองครับ คนส่วนใหญ่ก็ถอดใจแล้ว
ทั้งๆ ที่ทุกคนที่ร่ำรวยในตอนนี้
ต่างก็ผ่านจุดที่ยากลำบากกว่าเรามาแล้ว

บางคนอาจเคยเป็นเด็กล้างจาน
เคยเป็นคนกวาดถนน หรืออาจเป็นขอทาน
คิดเอาว่าเค้าต้องสู้กับใจตัวเองขนาดไหน

แล้วเราล่ะ เราซึ่งมีพร้อมทุกอย่าง
มีหนังสือ มีความรู้ มีโอกาสมากมาย
แต่เรากลับมาแพ้ใจตัวเองเนี่ยนะ !?

น่าแปลกว่าทำไมเรากล้าเชื่อทุกสิ่ง
แม้กระทั่งสิ่งที่งมงายและบ้าบอที่สุด
กลับไม่เคยกล้าที่จะเชื่อตัวเองเลย

ต่อให้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นร้อยเป็นพัน
คุณไปเกณฑ์หมอดูชื่อดังมาอวยพร
ว่าให้คุณร่ำรวยและประสบความสำเร็จ
แต่ถ้าคุณไม่เชื่อใจตัวเอง
มันไม่มีผลอะไรหรอกครับ

กลับกัน ขอแค่คุณเชื่อใจตัวเอง
แบบไม่ลังเล ไม่สงสัย ไร้ซึ่งความกลัว
ต่อให้พระเจ้าสิบคนก็มาห้ามคุณไม่ได้

การที่เด็กคนนึง กล้ามาเขีบนบทความนี้
ถ้าไม่บ้าก็ต้องเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก

หากในอนาคต ผมร่ำรวยได้อย่างที่ผมเชื่อ
ผมคงโด่งดังและมีชื่อเสียงเป็นแน่แท้
แต่ถ้าเกิดผมเจ๊ง (ซึ่งมันก็เป็นไปได้)
ผมคงหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ
และผมคงเป็นแค่เด็กขี้โม้คนนึง .__.

แล้วคุณล่ะครับ
คุณใช้เวลามากมายไปกับทุกสิ่ง
แต่ละเลยที่จะใช้เวลาบอกตัวเอง
ในการมาย้ำคิดย้ำทำกับตัวเองรึเปล่า ?

ผมก็แค่เด็กเดินไมค์ที่มีฝันอันยิ่งใหญ่
เวลาจะเป็นตัวตัดสินเอง
ว่าผมจะรุ่งเรือง.. หรือรุ่งริ่ง

แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ยอมหน้าแตก หุหุ

อย่าให้ไฟฝันของเราต้องริบหรี่
หล่อเลี้ยงมันไวัและเชื่อมันอย่างสุดใจนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่