เตือนภัยหุ้นพลังงานแสงอาทิตย์

กระทู้สนทนา
เมื่อ 3-4 วันก่อน ผมได้มีโอกาส เข้าอบรม เรื่องธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขั้นพื้นฐาน จ้ดโดย สถาบันวิทยาการ สวทช ผมคิดว่ามีประเด็นที่น่าสนใจ ประเด็นหนึ่ง ที่ผมอยากจะแชร์ให้ นักลงทุน ที่สนใจในธุรกิจนี้ เผื่อว่าอาจเป็นประโยชน์บ้าง
เนื่องจากนโยบาย การสนับสนุนจากภาครัฐ ในช่วงแรก เป็นระบบ adder ปัจจุบันเป็นระบบ fit ผมจะวิเคราะห์ถึงกลยุทธที่บริษัทต่างๆใช้ และกลยุทธ ต่อไปในอนาคตที่จะเกิดขึ้น
การที่รัฐ ให้การสนับสนุน adder 8 บาท หรือ 6.5 บาท เป็นระยะเวลา 10 ปี ผมพบว่า บางบริษัท ใช้กลยุทธดำเนินธุรกิจ โดยใช้แผง ราคาสูง คุณภาพดี บางบริษัทหนึ่งใช้แผงราคาถูก คุณภาพปานกลาง ผลประกอบการ ที่รายงานตลาด พบว่าบริษัทแรกมี gpm npm ต่ำกว่าบริษัทที่สอง นักลงทุน นักวิเคราะห์ให้มูลค่า market cap ต่อ mw ของบริษัทที่สองสูงกว่า
ประเด็นที่ผมจะกล่าวถึง คือ การวิเคราะห์ในเชิงตัวเลข คงไม่เพียงพอ ที่จะทำให้ นักลงทุนเข้าใจบริษัท ในระยะยาว ปัจจัยเชิงคุณภาพที่ผมจะกล่าวถึงคือ ประสิทธิภาพของแผงเซล ภายใต้สภาวะ อุณหภูมิ ของประเทศไทย โดยมาตราฐาน แผงเซลจะรับประกัน ภายใต้เงื่อนไข 10 ปีแรก ประสิทธิภาพ เกิน 90% 25 ปี ประสิทธิภาพ เกิน 80% ในสภาวะที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นมาตราฐานที่ถูกกำหนดจาก ทางยุโรป แต่เวลาแผงนำมาติดตั้งในประเทศไทย อุณหภูมิ อากาศ ของไทยอยู่ที่ 37 องศา ส่วนอุณหภูมิของแผงจะเป็น 2 เท่า คือ 74 องศา ผลที่ตามมา คือ degradation effect ทำให้แผง ทีความร้อนระดับนี้ ลดประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว จามาตราฐาน ปีแรก 2.5% ปีต่อไป 0.7% จากข้อมูล ในวงการอุตสาหกรรม พบว่า ประสิทธิภาพของแผง บางบริษัท ลดลงปีละ 10- 30% ซึ่งจะทำให้จ่ายไฟได้น้อยลง
ประเด็นต่อมา บริษัท จะบอกว่า มีการรับประกัน จากผู้ผลิต นักลงทุนที่ดี ควรสอบถาม ถึงเงื่อนไข การรับประกัน รับประกันภายใต้อุณหภูมิเท่าไร แผงเสียเวลาเปลี่ยน ใครจะเป็นผู้เสียค่าขนส่ง การรับประกัน บริษัทได้ซื้อ insurance coverage หรือไม่ เนื่องจากผมพบว่า มีบริษัท ผลิตแผงรายใหญ่ของโลก เคยประกาศ ล้มละลาย ทำให้ การรับประกัน ของบริษัท หมดสภาพไปด้วย บริษัทที่คำนึงถึงความเสี่ยงด้านนี้ อาจต้องเลือกบริษัทที่มั่นคง หรือซื้อ insurance แต่ก็จะทำให้ต้นทุนโครงการสูงขึ้น irr ต่ำลง
ประเด็น ที่ผมเห็นจากนโยบาย adder ทำให้บางบริษัท ต้องการผลประกอบการระยะสั้น โดดเด่น โดยใช้แผงถูก คุณภาพปานกลาง เนื่องจากหลังจาก 10 ปี ไม่มี adder บริษัท จะมีทางเลือก 3 อย่าง 1 ลงทุนเปลี่ยนแผงใหม่ ถ้าราคาแผงใหม่ และ ft ในอนาคต คุ้มค่า 2 ใช้แผงเดิม โดยรายได้ค่าไฟ อาจลดลง แต่ยังพอคุ้มค่าที่จะผลิต 3 ยกเลิกขายไฟ เนื่องจากค่าไฟ ไม่คุ้มค่า กับประสิทธิภาพที่ลดลง
จากการที่รัฐ เปลี่ยนนโยบาย เป็น fit 25 ปี cash flow ที่สม่ำเสมอ ไม่ไปกองที่ช่วงต้น ทำให้บริษัทที่จะทำโรงไฟฟ้า ต้องเลือกแผงคุณภาพดีที่จะอยู่ได้นาน 25 ปี โดยมี degradation น้อย เพื่อให้ผลิตไฟได้ดีตลอดอายุโครงการในระยะยาว ซึ่งผมคิดว่า จะเป็นกลยุทธทื่จะเห็นต่อไป
ปล. 1 ผมยังไม่ค่อยพบว่า ผู้บริหาร ที่กล่าวถึง ประเด็น ประสิทธิภาพของแผงเซล ภายใต้อุณหภูมิ ที่สูงของไทย ไม่ค่อยกล่าวถึงเงื่อนไขในการรับประกัน และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผมคิดว่ามีความสำคัญ
2 ผมอยากเห็น นักลงทุนรายย่อย มีความเข้าใจ ในธุรกิจที่ลงทุน โดยเฉพาะปัจจัย เชิงคุณภาพ และ ปัจจัยเสี่ยงในเชิงคุณภาพ และมีโอกาสสอบถามประเด็นเหล่านี้ ในโอกาสพบ ผู้บริหาร เช่น ใน opportunity day
3 ผมไม่ได้กล่าวเจาะจง ถึงบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นการเฉพาะในบทความนี้ เพียงเป็นแง่คิดหนึ่งที่แชร์ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เท่านั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.พงศักดิ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่