คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
จากห้องศาสนาค่ะ
พระเจ้ามีจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่มุมมองและ ตรรกะความคิดของแต่ละคนว่าจะยอมรับหรือไม่
(A)
การพิสูจน์ความจริงในปัจจุบัน น่าจะมี 3 แบบ ได้แก่
1. การพิสูจน์ด้วยกระบวนการทางวิทยศาสตร์ : สังเกตุ, ตั้งสมมติฐาน, ทำการทดลอง, เมื่อผลการทดลองซ้ำๆให้ผลเหมือนกันก็ประกาศเป็นทฤษฎี
สำหรับคนที่เชื่อว่ามีพระเจ้า เราไม่คิดว่า วิวัฒนาการ หรือ แม้แต่บิ๊กแบงค์ เป็น ทฤษฎีเพราะไม่มีการทดลองซ้ำๆแล้วให้ผลเหมือนกันทุกครั้ง, วิวัฒนาการ และ บิ๊กแบงค์ จึงเป็นเพียงแค่สมมติฐาน
2. การพิสูจน์เชิงตรรกะ หรือ ทางคณิตศาสตร์ (หรืออะไรทำนองนี้) คือ ไม่มีการทดลองแต่สามารถใช้ทฤษฎีพิสูจน์ได้ เช่น ถ้าลากเส้นตรงให้ยาวไปเรื่อยๆมันจะกลายเป็นเส้นโค้ง (เส้นรอบวงของโลก)
3. การพิสูจน์ทางโบราณคดี เป็นการพิสูจน์เหตุการณ์ในอดีต เช่น พบศิลาจารึกจึงยืนยันว่ามีพ่อขุนรามคำแหงจริงๆ (ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่าเราจะเชื่อ หลักฐานทางโบราณคดีหรือไม่)
การพิสูจน์ตัวตนว่ามีพระเจ้าหรือไม่ จึงต้องใช้การพิสูจน์ทางโบราณคดี
กรณีที่อยากใช้เปรียบเทียบ คือ เรื่องไดโนเสาร์ ที่จริงๆแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันมีลักษณะรูปร่างที่ถูกต้องอย่างไร แต่พบโครงกระดูก นักวิทยาศาสตร์จึงจำลอง model ที่น่าจะเป็นไปได้ของมันออกมา
กลับมาที่เรื่อง การพิสูจน์ว่ามีพระเจ้า ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเชื่อหลักฐานทางโบราณคดี และแปลความหลักฐานนั้นอย่างไร
- พระเยซูพระเจ้าของคริสต์ อันนี้มีหลักฐานทางโบราณคดีที่ชัดเจนมากมาย
-พระเจ้าตั้งแต่ยุคกำเนิดโลกและกำเนิดจักรวาล อันนี้อยู่ที่คุณแปลความ แท่นบูชาเทพเจ้าที่ขุดพบ , เมืองโบราณต่างๆที่ถูกพูดถึงในไบเบิ้ล, ซากฟอสซิวรูปเรือบนภูเขาอารารัต, อาวุธอียิปต์โบราณใต้ทะเลแดง ฯลฯ คุณแปลความหลักฐานเหล่านี้อย่างไร ซึ่งสำหรับคนที่เชื่อพระเจ้า เราเห็นว่านี่เป็นหลักฐานว่าไบเบิ้ลถูกต้อง จึงอนุมานได้ว่าไบเบิ้ลถูกต้องทั้งหมด เมื่อไบเบิ้ลว่ามีพระเจ้า ก็แสดงว่าพระเจ้าควรจะมีจริงด้วย
พระเจ้ามีจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่มุมมองและ ตรรกะความคิดของแต่ละคนว่าจะยอมรับหรือไม่
(A)
การพิสูจน์ความจริงในปัจจุบัน น่าจะมี 3 แบบ ได้แก่
1. การพิสูจน์ด้วยกระบวนการทางวิทยศาสตร์ : สังเกตุ, ตั้งสมมติฐาน, ทำการทดลอง, เมื่อผลการทดลองซ้ำๆให้ผลเหมือนกันก็ประกาศเป็นทฤษฎี
สำหรับคนที่เชื่อว่ามีพระเจ้า เราไม่คิดว่า วิวัฒนาการ หรือ แม้แต่บิ๊กแบงค์ เป็น ทฤษฎีเพราะไม่มีการทดลองซ้ำๆแล้วให้ผลเหมือนกันทุกครั้ง, วิวัฒนาการ และ บิ๊กแบงค์ จึงเป็นเพียงแค่สมมติฐาน
2. การพิสูจน์เชิงตรรกะ หรือ ทางคณิตศาสตร์ (หรืออะไรทำนองนี้) คือ ไม่มีการทดลองแต่สามารถใช้ทฤษฎีพิสูจน์ได้ เช่น ถ้าลากเส้นตรงให้ยาวไปเรื่อยๆมันจะกลายเป็นเส้นโค้ง (เส้นรอบวงของโลก)
3. การพิสูจน์ทางโบราณคดี เป็นการพิสูจน์เหตุการณ์ในอดีต เช่น พบศิลาจารึกจึงยืนยันว่ามีพ่อขุนรามคำแหงจริงๆ (ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่าเราจะเชื่อ หลักฐานทางโบราณคดีหรือไม่)
การพิสูจน์ตัวตนว่ามีพระเจ้าหรือไม่ จึงต้องใช้การพิสูจน์ทางโบราณคดี
กรณีที่อยากใช้เปรียบเทียบ คือ เรื่องไดโนเสาร์ ที่จริงๆแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันมีลักษณะรูปร่างที่ถูกต้องอย่างไร แต่พบโครงกระดูก นักวิทยาศาสตร์จึงจำลอง model ที่น่าจะเป็นไปได้ของมันออกมา
กลับมาที่เรื่อง การพิสูจน์ว่ามีพระเจ้า ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเชื่อหลักฐานทางโบราณคดี และแปลความหลักฐานนั้นอย่างไร
- พระเยซูพระเจ้าของคริสต์ อันนี้มีหลักฐานทางโบราณคดีที่ชัดเจนมากมาย
-พระเจ้าตั้งแต่ยุคกำเนิดโลกและกำเนิดจักรวาล อันนี้อยู่ที่คุณแปลความ แท่นบูชาเทพเจ้าที่ขุดพบ , เมืองโบราณต่างๆที่ถูกพูดถึงในไบเบิ้ล, ซากฟอสซิวรูปเรือบนภูเขาอารารัต, อาวุธอียิปต์โบราณใต้ทะเลแดง ฯลฯ คุณแปลความหลักฐานเหล่านี้อย่างไร ซึ่งสำหรับคนที่เชื่อพระเจ้า เราเห็นว่านี่เป็นหลักฐานว่าไบเบิ้ลถูกต้อง จึงอนุมานได้ว่าไบเบิ้ลถูกต้องทั้งหมด เมื่อไบเบิ้ลว่ามีพระเจ้า ก็แสดงว่าพระเจ้าควรจะมีจริงด้วย
แสดงความคิดเห็น
พระเจ้ามีจริงหรือไม่????
ปล.1 กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่หรือเสียดสีศาสนาต่างๆแค่อยากรู้ความคิดเห็นของท่าน
ปล.2 ไม่ต้องมีดราม่า