จากรักแห่งสยาม ถึงคลับฟรายเดย์เดอะซีรีย์

สวัสดีครับ พอดีมีโอกาสได้ติดตามซีรีย์คลับฟรายเดย์ ตอนความลับของหัวใจที่ไม่มีจริง เห็นวันนี้เป็นตอบจบแล้ว เลยอยากจะเขียนความคิดเห็นต่อละครเรื่องนี้ ให้เพื่อนๆได้อ่านดูครับ

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบๆสิบปีที่แล้วมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่สร้างกระแสเรียกความสนใจจากสังคมได้มากอย่างเรื่อง “รักแห่งสยาม” และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนเรื่องราวของ “ชายรักชาย” หรือที่หลายๆคนเรียกว่า “คู่จิ้น” ก็มีผ่านมาให้สังคมไทยได้รับชมกันเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่บวกและลบแตกต่างกันออกไป

ภาพยนตร์เรื่อง “รักแห่งสยาม” นำแสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ และ พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล ภาพยนตร์เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างกระแสเกี่ยวกับ “ชายรักชาย” ได้มากพอควร เนื่องจากใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ที่หลายคนวิจารณ์ว่าเป็นการ “หลอกคนดู” เนื่องจากตัวอย่างหนังสื่อถึงความรักอันสดใสของวัยรุ่นทั่วๆไป แต่เนื้อหาจริงกลับมีพุ่งไปที่ความรักแบบ “ชายรักชาย” ในวัยรุ่น เล่นทีเผลอแบบ จับดาราชายหน้าใหม่วัยใสประกบปากกันแบบไม่ทันตั้งตัว

เวลาผ่านมาเกือบสิบปี พิช วิชญ์วิสิฐ หรือที่หลายคนคุ้นหูกันในชื่อ “พิช รักแห่งสยาม” หรือ “พิช วงออกัส” กลับมาสวมบทบาทของเด็กวัยรุ่นที่เกี่ยวข้องกับความรักกับ “ชายรักชาย” อีกครั้ง ในคลับฟรายเดย์เดอะซีรีย์ ซีซันไฟว์ “ความลับของหัวใจที่ไม่มีจริง”

ช่วงเวลาจาก “รักแห่งสยาม” จนมาถึง “ความลับของหัวใจที่ไม่มีจริง” สะท้อนถึงสังคมไทยที่เปิดรักเรื่องราวของ “ชายรักชาย” มากขึ้น การประชาสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์แบบ “หลอกคนดู” อีกต่อไป ภาพของชายหนุ่มหยอกล้อกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนมกลายเป็นอาวุธทรงพลังในการประชาสัมพันธ์เรียกเสียงฮือฮาจากสังคม โดยเฉพาอย่างยิ่งกลุ่มที่เรียกตนเองว่า “สาววาย”

อย่างไรก็ตามเหรียญมีสองด้านเสมอ เมื่อมีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียดเป็นธรรมดา แม้แต่คนในวงการบันเทิงก็ยังได้ออกมาวิจารณ์เร็วๆนี้ว่า คลับฟรายเดย์เดอะซีรีย์ ขายแต่ตุ๊ดเกย์ประกบปากกัน หากเด็กเล็กมาเห็นจะเอาเยี่ยงอย่างจะทำอย่างไร

เหตุการณ์นี้ก็ยังคงสะท้อนถึงทัศนคติในแง่ลบที่ยังมีต่อความรักแบบ “ชายรักชาย” ที่ยังคงมีอยู่ และคาดว่าจะคงมีต่อไปเรื่อยๆ เพราะเราก็ต้องยอมรับและเคารพในความคิดและทัศนคติส่วนบุคคลเช่นกัน

หากแต่ลองพิจารณาดูเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ทั้งคู่นี้แบบละเอียดๆกันแล้ว ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะพุ่งประเด็นไปที่เรื่องราวของ “ชายรักชาย” หรือ “เกย์” ไปทั้งหมดซะทีเดียว
“รักแห่งสยาม” ยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวแฝงอยู่มากมาย บทบาทของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “แม่” ที่นำแสดงโดย “สินจัย เปล่งพาณิช”สร้างมิติมุมมองและความเข้มข้นสมจนเหมาะกับบุคคลหลากหลายวัยมากกว่าจะเป็นแค่หนังวัยรุ่นทั่วๆไป
“ความรักของหัวใจที่ไม่มีจริง” ซึ่งยืมเรื่องราวจากบุคคลในชีวิตจริงจากการรายการ คลับฟรายเดย์ ก็ชี้ไปที่ประเด็นของปัญหาครอบครัวที่มุ่งจะขายแค่ “ผู้ชายประกบปากกัน” เท่านั้น

คำว่า “เรื่องราวสะท้อนสังคม” ดูเหมือนจะกลายเป็นคำแก้ตัวที่สวยหรูสำหรับการนำเสนอเรื่องราวที่มีความสุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นอย่าง “ชายรักชาย”

หากลองมองในมุมจัดทำภาพยนตร์แล้วก็น่าเห็นใจว่า ประเด็นที่มีความขัดแย้งมากๆจะนำเสนออย่างไรให้เข้าถึงกลุ่มคนดูได้อย่างไรให้น่าสนใจและสนุกสนาน จะว่าไปแล้วก็เหมือนจะปรุงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างไรให้อร่อย (เหมือนเด็กไม่ชอบกินผัก จะล่อลวงยังไงบางทีมันก็เปล่าประโยชน์) หากจะนำเสนอประเด็นปัญหาครอบครัวให้ชัดเจนสุดโต่งก็คงจะเหมือนบังคับให้คนไม่กินผักนั่งแทะแครอทเป็นลำๆ เพิ่มความหวานอย่างประเด็นความรักก็คงจะพอให้อาหารจานนี้กระเดือกลงคอง่ายไปอีกหน่อย

สุดท้ายนี้คงไม่มีใครตัดสินไปได้ดีกว่าผู้บริโภคอย่างเราๆว่า เรื่องราวแบบชายรักชายอย่าง “ความรักของหัวใจที่ไม่มีจริง” จะเป็นละคร “สะท้อนสังคม” หรือจะเป็นละคร “ชายรักชาย ขายตุ๊ด จุ๊บปาก” อย่างไรก็ตามคนไม่ชอบก็คงจะไม่ชอบ ส่วนคนชอบก็คงจะชอบต่อไป

อย่าลืมว่าละครยังไงก็ขายความบันเทิง ส่วนละครที่ดีนอกจากจะได้ความบันเทิงแล้วยังแถมทิ้งข้อคิดอะไรให้กับคนดู
จะชอบหรือจะเกลียดก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล

ลองดูตอนจบของคลับฟรายเดย์เดอะซีรีย์ ตอน “ความลับหัวใจที่ไม่มีจริง” นำแสดงโดย พิช วิชญ์วิสิฐ และ บี้ เคพีเอ็น วันเสาร์นี้
แล้วลองตัดสินดูคุณได้ทั้งความสนุกและข้อคิดหรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่