ตามนั้นครับ อันนี้เป็นทัศนะส่วนตัว ในฐานะคนชอบวิทยาศาสตร์นะครับ ว่า การตีความสิ่งต่างๆด้วยประสาทมนุษย์โดยไม่ใช้หลักการวิทยาศาสตร์ช่วยเนี่ย
ถือว่ามีความน่าเชือถือต่ำมาก แค่เอามือขวาจุ่มน้ำร้อน มือซ้ายจุ่มน้ำเย็น แล้วเอามือมาจุ่มน้ำธรรมดา มือข้างที่เคยจุ่มน้ำเย็นจะบอกว่าน้ำร้อน
มือข้างที่เคยจุ่มน้ำร้อนจะบอกว่าน้ำเย็น นักวิทยาศาสตร์ถึงต้องสร้างเทอร์มอมิเตอร์ขึ้นมาใช้งาน ก็เพื่อจะเอาตัวรอดจากกับดักความร้อน-
ความเย็นลวงของประสาท? ที่จะทำให้การวัดไม่เที่ยงตรง เช่นเดียวกับคำถามที่ว่าเสึ้อสีอะไรกันแน่ ก็คือการลวงตาของการผสมแสงในตามนุษย์ ที่ผสมสเปกตรัมสีแดงกับสีน้ำเงินเข้าด้วยกัน นี่เป็นสาเหตุ ว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์ ต้องคิดวิธีวัดความถี่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงตามองเห็นได้แทน?
ท่านเห็นด้วย หรือไม่ ว่าในทางวิทย์ การดูด้วยตามนุษย์เปล่าๆ การตรวจสอบด้วยประสาททั่วไป วัดอะไรไม่ได้น่าเชื่อถือนัก?
ในทางวิทยาศาสตร์ ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ ถือเป็นเครื่องมือที่มีความน่าเชื่อถือต่ำมาก
ถือว่ามีความน่าเชือถือต่ำมาก แค่เอามือขวาจุ่มน้ำร้อน มือซ้ายจุ่มน้ำเย็น แล้วเอามือมาจุ่มน้ำธรรมดา มือข้างที่เคยจุ่มน้ำเย็นจะบอกว่าน้ำร้อน
มือข้างที่เคยจุ่มน้ำร้อนจะบอกว่าน้ำเย็น นักวิทยาศาสตร์ถึงต้องสร้างเทอร์มอมิเตอร์ขึ้นมาใช้งาน ก็เพื่อจะเอาตัวรอดจากกับดักความร้อน-
ความเย็นลวงของประสาท? ที่จะทำให้การวัดไม่เที่ยงตรง เช่นเดียวกับคำถามที่ว่าเสึ้อสีอะไรกันแน่ ก็คือการลวงตาของการผสมแสงในตามนุษย์ ที่ผสมสเปกตรัมสีแดงกับสีน้ำเงินเข้าด้วยกัน นี่เป็นสาเหตุ ว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์ ต้องคิดวิธีวัดความถี่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงตามองเห็นได้แทน?
ท่านเห็นด้วย หรือไม่ ว่าในทางวิทย์ การดูด้วยตามนุษย์เปล่าๆ การตรวจสอบด้วยประสาททั่วไป วัดอะไรไม่ได้น่าเชื่อถือนัก?