สวัสดีค่ะ พอดีไม่กี่วันมานี้ ลูกชายดิชั้น ส่งละคร Club Friday ตอนล่าสุด มาให้ดิชั้นดู เค้าบอกแค่ว่า แม่ต้องดูนะ เรื่องนี้เหมือนเรา ดิชั้นก็เลยลองเปิดดูตามที่แกบอก เอ้อ มันก็ตรงจริงๆด้วย ดิชั้นเลยอยากจะแชร์ประสบการณ์และมุมมองของหัวอกคนเป็นแม่ ที่เจอเรื่องราวคล้ายกับในเรื่อง มาให้ทุกคนฟังนะคะ
ดิชั้นเป็นแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่งค่ะ อายุก็ปาเข้าไปห้าสิบกว่าๆแล้ว แต่งงานได้เกือบยี่สิบกว่าปีแล้วคะ มีลูกชายสองคน คนโตอายุ 26 คนเล็กอายุ 23 ครอบครัวของเราไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีแต่ก็นับว่าพอมีพอใช้ สามีทำงานบริษัทเอกชนเล็กๆที่หนึ่ง ด้วยความที่ทำงานมานานก็ได้ค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อหน่อย ทำให้ครอบครัวเราอยู่กันอย่างสบาย
ลูกชายคนโตเป็นคนดีเรียบร้อย ไม่เคยสร้างปัญหาเดือดร้อนอะไร เรียนปานกลางจบแล้วก็หางานทำเป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไป
ลูกชายคนเล็ก…ส่วนตัวแล้วเป็นความภูมิใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่คะ ลูกชายคนเล็กเป็นคนเรียนดีกิจกรรมเด่นมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนมีน้ำใจ มนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่รักของเพื่อน
แต่จนเมื่อประมาณสองสามปีที่แล้วก็เกิดเรื่องที่เป็นเหมือนมรสุมพัดเข้ามาในครอบครัวเล็กๆของเรา
ดิชั้นบังเอิญไปรู้มาว่าลูกชายคนเล็กของเรา “ชอบผู้ชาย” คะ
ดิชั้นรู้ว่าปัจจุบันสังคมก็อาจจะเปิดมากขึ้นกับเรื่องแบบนี้มากขึ้นแล้ว แต่ด้วยความที่ครอบครัวของเราเป็นแบบคนจีนแท้ๆ สามีเป็นคนหัวโบราณเค้ารับเรื่องแบบนี้ไม่ได้มากๆ
ส่วนตัวดิชั้นก็พยายามทำความเข้าใจลูก แต่ลึกๆแล้วก็ยังหวังว่าลูกจะเปลี่ยน ลูกจะคิดถึงหัวอกพ่อแม่
เกิดความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นในครอบครัว
จากที่เคยหันหน้าคุยกัน ก็กลายนั่งนิ่งเงียบเหมือนคนไม่รู้จักกัน
กับข้าวจะอร่อยแค่ไหน มันก็เย็นชืดจนปวดไปถึงหัวใจ
มีครั้งหนึ่งที่สามีกับลูกชายเถียงกันรุนแรง ลูกขู่จะหนีออกจากบ้าน
หัวอกคนเป็นแม่เหมือนใจสลายคะ ได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดความแตกหักไปมากกว่านี้
สุดท้ายเราก็ประคับประคองจนผ่านมาได้ แต่ก็ยังคงทิ้งเรื่องราวปัญหาต่างๆไว้เบื้องหลัง
ทำเหมือนกับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมามันไม่เคยเกิดขึ้น
ด้วยความที่ดิชั้นสนิทกับลูกชายพอสมควรก็รู้สึกได้เลยว่า มันเกิดกำแพงเล็กๆระหว่างเรากับลูกขึ้นมาแล้ว
เมื่อปีที่แล้วหลังจากลูกชายเรียนจบ ลูกชายขอไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ
ตอนนี้ลูกชายได้ไปเรียนต่อได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว
ก็ยังคุยกับลูกผ่านไลน์อยู่เรื่อยๆ โทรหากันอาทิตย์ละสองสามครั้ง
ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวดิชั้นมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ ขอพักสายตาแปปนะคะ
เมื่อลูกชายคนเล็กส่งหนังมาให้ดูเรื่องหนึ่งคะ
ดิชั้นเป็นแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่งค่ะ อายุก็ปาเข้าไปห้าสิบกว่าๆแล้ว แต่งงานได้เกือบยี่สิบกว่าปีแล้วคะ มีลูกชายสองคน คนโตอายุ 26 คนเล็กอายุ 23 ครอบครัวของเราไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีแต่ก็นับว่าพอมีพอใช้ สามีทำงานบริษัทเอกชนเล็กๆที่หนึ่ง ด้วยความที่ทำงานมานานก็ได้ค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อหน่อย ทำให้ครอบครัวเราอยู่กันอย่างสบาย
ลูกชายคนโตเป็นคนดีเรียบร้อย ไม่เคยสร้างปัญหาเดือดร้อนอะไร เรียนปานกลางจบแล้วก็หางานทำเป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไป
ลูกชายคนเล็ก…ส่วนตัวแล้วเป็นความภูมิใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่คะ ลูกชายคนเล็กเป็นคนเรียนดีกิจกรรมเด่นมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนมีน้ำใจ มนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่รักของเพื่อน
แต่จนเมื่อประมาณสองสามปีที่แล้วก็เกิดเรื่องที่เป็นเหมือนมรสุมพัดเข้ามาในครอบครัวเล็กๆของเรา
ดิชั้นบังเอิญไปรู้มาว่าลูกชายคนเล็กของเรา “ชอบผู้ชาย” คะ
ดิชั้นรู้ว่าปัจจุบันสังคมก็อาจจะเปิดมากขึ้นกับเรื่องแบบนี้มากขึ้นแล้ว แต่ด้วยความที่ครอบครัวของเราเป็นแบบคนจีนแท้ๆ สามีเป็นคนหัวโบราณเค้ารับเรื่องแบบนี้ไม่ได้มากๆ
ส่วนตัวดิชั้นก็พยายามทำความเข้าใจลูก แต่ลึกๆแล้วก็ยังหวังว่าลูกจะเปลี่ยน ลูกจะคิดถึงหัวอกพ่อแม่
เกิดความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นในครอบครัว
จากที่เคยหันหน้าคุยกัน ก็กลายนั่งนิ่งเงียบเหมือนคนไม่รู้จักกัน
กับข้าวจะอร่อยแค่ไหน มันก็เย็นชืดจนปวดไปถึงหัวใจ
มีครั้งหนึ่งที่สามีกับลูกชายเถียงกันรุนแรง ลูกขู่จะหนีออกจากบ้าน
หัวอกคนเป็นแม่เหมือนใจสลายคะ ได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดความแตกหักไปมากกว่านี้
สุดท้ายเราก็ประคับประคองจนผ่านมาได้ แต่ก็ยังคงทิ้งเรื่องราวปัญหาต่างๆไว้เบื้องหลัง
ทำเหมือนกับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมามันไม่เคยเกิดขึ้น
ด้วยความที่ดิชั้นสนิทกับลูกชายพอสมควรก็รู้สึกได้เลยว่า มันเกิดกำแพงเล็กๆระหว่างเรากับลูกขึ้นมาแล้ว
เมื่อปีที่แล้วหลังจากลูกชายเรียนจบ ลูกชายขอไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ
ตอนนี้ลูกชายได้ไปเรียนต่อได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว
ก็ยังคุยกับลูกผ่านไลน์อยู่เรื่อยๆ โทรหากันอาทิตย์ละสองสามครั้ง
ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวดิชั้นมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ ขอพักสายตาแปปนะคะ