สวัสดีครับ ผมมักได้เห็นเรื่องราวหลายๆเรื่อง จากหลายๆคนที่แชร์ประสบการลงในพันทิป หรือสื่อออนไลน์ ต่างๆ ตอนแรก ผมก็ไม่คิดหรอกว่าจะเล่าเรื่องราวของตัวเอง ลงสื่อออนไลน์ต่างๆ แต่ที่ผมอยากเล่า หรืออยากแชร์ เพราะ ……ไม่รู้สิ หลายๆคนเคยเป็นไหม อาการเบื่อๆ เซ็งๆ ความคิด คำคมหลายๆคำเต็มสมอง อย่ากพูดกับใครก็ไม่กล้าพูด ผมจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้เล่าสิ่งที่ผมเป็นตอนนี้ให้ฟังนะครับ
------ ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อน ผมได้มีโอกาสได้เข้ารับราชการที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ผมก็เป็นคนนึงเหมือนหลายๆคนที่กลัวกับการเกณฑ์ทหารและเข้าฝึกมาก เพราะผมไม่เคยทำอะไรหนักๆมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งทุกวัน เช้าเย็น แบกปืน เข้าป่า พลางตัว วิ่งลุยโคลน ฝึกภาคสนาม สารพัดรูปแบบ ซึ่งแต่ละอย่างผมไม่เคยทำมันเลย แต่เมื่อพอเวลาผ่านไปเราทำมันทุกวัน ฝึกมันทุกวัน อยู่กับมันทุกวัน ผมว่าเป็นอะไรที่ ท้าทาย และโหด มัน ฮาดี มันทำให้ได้อะไรเยอะมากกว่าความอดทน ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ ความสามัคคี และระเบียบวินัย แต่ผมชอบอย่างนึงนะ การมีเพื่อนผู้ชายหรืออยู่ในสังคมผู้ชายมากมายทั้ง 200 คน ถ้าไม่มีกฎระเบียบที่แข็งพอ มันคงเอาพวกเราไม่อยู่จริงๆ การอยู่กับสังคมผู้ชายมันมีอะไรหลายๆอย่างให้ผมได้เรียนรู้นะ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่คุยกันตรงๆ ไม่พอใจบอกตรงๆ มีอะไรลำบาก ช่วยเหลือกันแทบทุกอย่าง ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน สนุกก็สนุกด้วยกัน ไม่มานั่งงอน ด่ากันลับหลัง หรือนินทากัน เหมือนผู้หญิง (ผมไม่ได้ว่าผู้หญิงไม่ดีนะ แต่ถ้าเรื่องพวกนี้ลดลงได้เราก็จะอยู่กันง่ายขึ้น ใช่ป่ะ) เรื่องราวพวกนี้ผ่านไป ทุกวันๆ จนเป็นเวลาครบ 2 เดือนกว่า...หลังจากนั้นผมกับเพื่อนๆทุกคนก็ต้องแยกย้ายไปประจำหน่วยที่ตัวเองสังกัด..........
....เรื่องราวความรักที่ผมจะเล่ามันเริ่ม ตั้งแต่นี้ต่างหากครับ ....ขอโทษนะครับที่เกริ่นมาซะยาวเลย....
หลังจากที่ฝึกภาคสนามและทฤษฎีเสร็จ ผมก็ได้ประจำ ณ กองร้อยของผม ซึ่งผมอยู่ในส่วนของสำนักงาน หรือทางทหารเขาเรียกว่า บก. ...ผมได้มีโอกาสได้เห็นพี่คนนึง ซึ่งพี่เขาเป็นรุ่นพี่ผลัดปลด และผมซึ่งเป็นทหารใหม่ ผมบอกเลย ชอบพี่เขาตั้งแต่แรกเห็นเลยครับ พี่เขาหล่อ เข้ม น่ารัก แต่ผมไม่กล้าคุยไม่กล้าทักอะไรเลย นอกจากจะเคารพพี่เขา ตามมารยาททหารน่ะครับ มาก่อนเป็นพี่มาทีหลังเป็นน้อง ผมก็หวัดดีพี่เขาทุกเช้าแหละ ด้วยความที่พี่เขาเป็นผลัดปลด ซึ่งผลัดปลดผมคิดว่าไม่ว่าค่ายไหน เก๋าด้วยกันทั้งนั้น จึงเป็นสาเหตุที่ผมไม่กล้าทักพี่เขาเลย...อีกอย่างมีอยู่วันนึงผมก็ไปอาบน้ำตามปกติกับเพื่อนผม ซึ่งทหารใหม่ ส่วนใหญ่จะมาอาบรวมกันห้องนี้ แต่อยู่ๆพี่เขาก็เดินมาอาบน้ำรวมกับพวกผม ภาพนั้นยังติดตาผมอยู่เลย พี่เขาเล่นเข้ามแล้วถอดเสื้อ ถอดกางเกงอะไรหมดเลย ยืนอาบตรงฝักบัวเฉยเลย ผมถึงกับอึ้งไปแปบนึง เพราะผมกับเพื่อนๆอาบกัน ยังเหลือกางเกงในไว้ตัวนึง แต่พี่เขาเล่นถอดหมดเลย....แต่ผมก็ดันไปมองพี่เขานานเกิน จนพี่เขาหันกลับมาแล้วบอกผม “เห้ย...มองทำไมวะ ไม่เคยเห็นไง” ผมก็กลัวอยู่นะตอนนั้น เพราะเพิ่งเข้ามาอยู่ไม่กี่วันเอง ก็ได้แต่ตอบไปว่า “ไม่มีอะไรครับ” แล้วก็รีบอาบแล้วเดินขึ้นโรงนอนไป...และนั่นเป็นอีกเหตุผลนึงที่ผมไม่อยากคุยกับรุ่นพี่ผลัดปลดเท่าไหร่ เพราะความเก๋า และการพูดจาแบบนี้แหละ......
.....จนมาอีกครั้งนึง ผมทำหมวกทหารร่วงลงจากบันได ซึ่งผมกำลังลงมาจากโรงนอนตอนเช้า เพื่อที่จะเข้าแถวเดินไปเคารพธงชาติ พี่เขาเดินมาพอดี แต่ผมไม่คิดจะให้ใครเก็บให้หรอกนะ ยิ่งรุ่นพี่ผลัดปลดแล้วด้วย เรื่องพวกนี้เขาคงไม่ทำให้ทหารใหม่อย่างผม แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นดิ พี่เขาเก็บหมวกให้ผม พร้อมกับพูดว่า....”เห้ยน้อง!!! หมวกของสูงน่ะเว้ย เก็บให้มันดีๆหน่อย “ พร้อมกับยื่นหมวกให้ผม ผมก็อึ้งไปนิดหน่อย ไม่ใช่อึ้งไรนะ อึ้งที่พี่เขาตะคอกใส่ผม แต่ผมก็ไม่คิดไรหรอก เราทำซุ่มซ่ามเอง อย่างว่าแหละหลายคนเคยเป็นไหม คนที่เราชอบอยู่ แม้เขาจะทำอะไรกับเราไม่ดี เราก็รู้สึกดีกับเขาอยู่ดีแหละ....หลังจากวันนั้นมา มันมีหลายๆเหตุการณ์ ที่ทำให้ผมกับพี่เขาได้คุยกัน ได้รู้จักกันมากขึ้น แต่เหตุการณ์แรกเลยที่ผมได้สนิทกับพี่เขามากขึ้นคือ ช่วงเย็นวันนึงหลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็ไปปิดอ๊อฟฟิศ เหมือนเช่นทุกวัน แล้วอยู่ๆพี่เขาก้อเดินมา พร้อมกับพูดว่า เห้ยน้อง!!! เห็นตะกร้อเปล่า ผมก้อตกใจอยู่ เพราะที่อ๊อฟฟิศมีผมอยู่คนเดียว พวกนายสิบ จ่าอะไรเขาเลิกงานไปนานละ แล้วผมก็เดินไปหยิบตะกร้อที่ห้องเก็บของข้างๆอ๊อฟฟิศผมให้พี่เขา แล้วทันใดนั้นพี่เขาก็ ชวนผมไปเล่นตะกร้อด้วย (ตอนนั้นผมคิดว่าพี่เขาคงยังไม่รู้หรอกว่าผมเป็นเกย์) แต่ผมไม่ปฏิเสธนะ ก็ไปเล่นแล้วดันไปอยู่ทีมเดียวกับพี่เขาด้วย ผมก็เตะๆโหม่งๆตามประสาคนเล่นไม่เป็นแหละครับ หลายคนคงนึกภาพออก พอตื่นเช้ามาผมนี่ปวดหัวเลย หน้าผากแดงไปหมดเลย...(คิดละขำดีว่าคนเรานี่ยอมทุกอย่างจิงๆที่จะได้อยู่ใกล้กับคนที่เรารู้สึกดีด้วย) แต่หลังจากวันนั้นไปมันทำให้ผมกับพี่เขาคุยกัน รู้จักกันมากขึ้น....เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนได้ประมาณเดือนนึงได้ หลังจากที่ผมได้อยู่ที่แห่งนี้ ไปเรื่อยๆ ผมจำไม่ได้หรอกนะ ว่าเพื่อนผมรู้ว่าผมเป็นเกย์วันไหน แต่ด้วยความสำอาง ทาแป้ง การดูแลตัวเองของผมหละมั้ง จนทำให้รุ่นพี่และเพื่อนๆผมแซว แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร จนเพื่อนๆมันรู้ของมันไปเอง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็คิดว่าผมทำอะไรสบายขึ้นเยอะ แต่ผมก็ไม่ได้แสดงออกอะไร ถึงแม้บางทีเพื่อนจะเดินมาจับตูด ตีก้น หรือแซว ผมก็แค่ยิ้มและไม่คิดอะไร บางครั้งก็มีด่ามันไปบ้าง แต่ด่าแบบเพื่อนนะ ซึ่งมันก็ไม่คิดอะไรอยู่แล้ว จนมีครั้งนึง มีเพื่อนผมคนนึงมาพูดนะว่า “ทำไมไม่เหมือนตุ๊ดไม่เหมือนเกย์หลายๆคนที่กูรู้จักวะ ไม่แรด ไม่ตุ้งติ้ง ไม่แสดงออกอะไรเลย ถ้ากูเป็นผู้หญิงกูก็ไม่รู้นะว่าเป็นเกย์”....แต่ผมก็ตอบมันไปนะว่า “กูก็เป็นผู้ชายแบบพวกนี่แหละ แค่กูไม่ได้ชอบผู้หญิงเฉยๆ”....หลังจากวันนั้นมาใจนึงผมก็กลัวนะ ว่าถ้าพี่เขารู้ว่าผมเป็นแบบนี้พี่เขาคงไม่คุย ไม่สนิทเหมือนทุกครั้งรึเปล่า แต่ผมก็ทำใจเผื่อไว้แล้วล่ะ ว่าอย่างน้อยพี่เขาก็รู้ว่าเราเป็นอะไร จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างเถอะ....แต่เรื่องกลับตรงกันข้าม พี่เขาคุยกับผมมากขึ้น มานั่งเล่นเตียงผมบ่อยขึ้น บางทีทำอะไรกินก็จะเรียกผมไปกิน เพราะรุ่นพี่ชอบทำกับข้าวกันบ่อย แกงหน่อไม้นี่บ่อยเลย เพราะค่ายผมน่ะ ของป่าเยอะ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นผมคิดไปเองรึเปล่านะ แต่อย่างน้อย มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมาก จนทำให้ใจผมหวั่นไหว และหลงรักพี่เขาเข้าไปตอนไหนไม่รู้ แต่ผมก็ไม่กล้าบอกหรอกว่าผมชอบพี่เขา ......
มีอยู่วันนึง ผมไม่รู้หรอกว่าเพื่อนผมไปมีเรื่องหรือเขม่นกับรุ่นพี่ผลัดปลด หรือยังไงกัน ซึ่งเพื่อนผมที่โดนต่อยอยู่มันอยู่เตียงถัดจากผมไปอีก 2 เตียงได้ล่ะมั้ง ผมก็ตกใจอยู่ ว่าเสียงอะไรดังตุ๊บๆตับๆ ทั้งๆที่เวลานอน 3 ทุ่ม เมื่อแตรดัง นอกจากจะได้ยินเสียงคุยโทรสับเพื่อนๆพี่ๆคุยกับแฟนและเสียงจิ้งหรีดไรร้องแล้ว แทบจะไม่ค่อยได้ยินเสียงอื่นเลย แต่ผมรู้แหละว่าเพื่อนผมกำลังโดนอะไรอยู่ซักอย่างแน่เลย แต่ผมก้อไม่กล้าที่จะออกจากมุ้งเลย จนซักพัก พี่เขาเดินมาที่เตียง แล้วมุดเข้ามาในมุ้ง ผมตกใจเหมือนกัน แล้วจู่ๆพี่เขาก็ถามผม ว่า”น้อง....โดนใครทำอะไรรึเปล่า” ผมก็ตอบไปว่า “เปล่าครับ” แล้วพี่เขาก็บอกว่า “แล้วไป...นึกว่าใครมาทำอะไรเรา” แล้วผมก็ถามกลับไปว่า “แล้วมีอะไรกันเหรอพี่” พี่เขาก็ตอบว่า “ไม่มีไรหรอก ไม่เป็นไรก็ดีละ” ผมก้อไม่ได้ถามอะไรต่อนะ ละพี่เขาก็บอก “งั้นนอนเถอะ พี่ไปละ” ใจผมตอนนั้น รู้สึกดีมากกอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ผมยิ่งรักและชอบพี่เขามากขึ้นไปทุกวัน จนไม่อยากเสียพี่เขาไป....แต่สำหรับผมแล้วผมยังไม่กล้าบอกพี่เขาอยู่ดีว่าผมรักและชอบพี่เขา แต่มันก็มีอีกหลายๆเหตุการณ์ ที่ทำให้ผมและพี่เขา เรารู้สึกผูกพันกันมากขึ้น ยิ่งตอนผมมีรายชื่อเข้าเวรตอนกลางคืน บางครั้งพี่เขาก็จะอาสาเข้าให้ แต่ผมมารู้ทีหลังแหละครับ ว่าพี่เขาไม่ได้เข้าเวรให้หรอก แต่ไปจ้างรุ่นน้อง ซึ่งก็คือเพื่อนๆผมแหละ เข้าเวรให้แทน ระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันเริ่มผูกพันกันไปเรื่อยๆ....อาจเป็นเพราะเราคุยกันมากขึ้น เราสนิทกันมากขึ้น แต่พี่เขาก็ไม่เคยคุยกับผมนะ ว่ารู้สึกดี กับผม ชอบผม รักผม อะไรเงี้ย แต่ผมก็ไม่เคยถามหรอก ว่าพี่เขาคิดยังไงกับผม เพราะทุกอย่างที่พี่เขาทำให้ผมและผมทำให้พี่เขา มันสัมผัสได้ดีด้วยความรู้สึกมากกว่า....
....เรื่องราวของผมกับพี่เขาผ่านไปจนวันที่พี่เขาปลดประจำการ วันที่ 30 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ผมไม่อยากให้มาถึงเลย คืนนั้นผมนอนไม่หลับเลย เพราะผมคิดเสมอว่า ถ้าพี่เขาไปจริงๆผมคงคิดถึงพี่เขามาก และผมก็ไม่ได้บอกความรู้สึกที่ผมมีให้กับพี่เขาเลย จนมาถึงช่วงบ่ายของวันปลด ซึ่งทหารรุ่นน้องและผู้บังคับบัญชา แต่ละคนก็ต้องไปเข้าแถวเพื่ออำลารุ่นพี่ และรุ่นพี่ก็จะมีตัวแทนเพื่อกล่าวความรู้สึกต่างๆ หลังจากนั้นทาง ผบ. ก็จะกล่าวและมอบของที่ระลึกให้กับทหารรุ่นพี่ แล้วรุ่นพี่ก็จะเดินไปตีระฆังอำลาค่ายและอำลากับรุ่นน้อง ความรู้สึกผมตอนนั้นด้วยบรรยากาศและเสียงเพลง ทำให้ผมน้ำตาคลอเลยแหละ แต่พอพี่เขาเดินมาถึงผม มันยิ่งทำให้น้ำตาผมไหลออกมา และพี่เขาก็บอกกับผมว่า “พี่ไม่อยู่แล้ว ดูแลตัวเองดีๆนะ รักน้องคนนี้เสมอนะ...”แค่คำๆนี้ทำให้ผมกลับยิ่งน้ำตาไหลและกอดพี่เขาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับบอกความรู้สึกที่ผมมีให้กับพี่เขาว่า “พี่ก็ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ผมเองก็ชอบพี่มากนะครับ” หลังจากนั้นน้ำตาผมก็ยิ่งไหลมากกว่าเดิม และพี่เขาก็จับตัวผมและเช็ดน้ำตาให้ผม แล้วก็บอกผมว่า “พี่ไปละนะ ไว้มีโอกาส คงได้เจอกัน” ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ได้แค่ตอบว่า “ขอบคุณครับพี่”..............หลังจากวันนั้นมาผมกับพี่เขา ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ......(เดี๋ยวมาต่อนะครับ)
เมื่อผมต้องเจอคนที่แอบชอบเมื่อ 5 ปีก่อน (ในค่ายทหาร)
------ ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อน ผมได้มีโอกาสได้เข้ารับราชการที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ผมก็เป็นคนนึงเหมือนหลายๆคนที่กลัวกับการเกณฑ์ทหารและเข้าฝึกมาก เพราะผมไม่เคยทำอะไรหนักๆมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งทุกวัน เช้าเย็น แบกปืน เข้าป่า พลางตัว วิ่งลุยโคลน ฝึกภาคสนาม สารพัดรูปแบบ ซึ่งแต่ละอย่างผมไม่เคยทำมันเลย แต่เมื่อพอเวลาผ่านไปเราทำมันทุกวัน ฝึกมันทุกวัน อยู่กับมันทุกวัน ผมว่าเป็นอะไรที่ ท้าทาย และโหด มัน ฮาดี มันทำให้ได้อะไรเยอะมากกว่าความอดทน ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ ความสามัคคี และระเบียบวินัย แต่ผมชอบอย่างนึงนะ การมีเพื่อนผู้ชายหรืออยู่ในสังคมผู้ชายมากมายทั้ง 200 คน ถ้าไม่มีกฎระเบียบที่แข็งพอ มันคงเอาพวกเราไม่อยู่จริงๆ การอยู่กับสังคมผู้ชายมันมีอะไรหลายๆอย่างให้ผมได้เรียนรู้นะ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่คุยกันตรงๆ ไม่พอใจบอกตรงๆ มีอะไรลำบาก ช่วยเหลือกันแทบทุกอย่าง ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน สนุกก็สนุกด้วยกัน ไม่มานั่งงอน ด่ากันลับหลัง หรือนินทากัน เหมือนผู้หญิง (ผมไม่ได้ว่าผู้หญิงไม่ดีนะ แต่ถ้าเรื่องพวกนี้ลดลงได้เราก็จะอยู่กันง่ายขึ้น ใช่ป่ะ) เรื่องราวพวกนี้ผ่านไป ทุกวันๆ จนเป็นเวลาครบ 2 เดือนกว่า...หลังจากนั้นผมกับเพื่อนๆทุกคนก็ต้องแยกย้ายไปประจำหน่วยที่ตัวเองสังกัด..........
....เรื่องราวความรักที่ผมจะเล่ามันเริ่ม ตั้งแต่นี้ต่างหากครับ ....ขอโทษนะครับที่เกริ่นมาซะยาวเลย....
หลังจากที่ฝึกภาคสนามและทฤษฎีเสร็จ ผมก็ได้ประจำ ณ กองร้อยของผม ซึ่งผมอยู่ในส่วนของสำนักงาน หรือทางทหารเขาเรียกว่า บก. ...ผมได้มีโอกาสได้เห็นพี่คนนึง ซึ่งพี่เขาเป็นรุ่นพี่ผลัดปลด และผมซึ่งเป็นทหารใหม่ ผมบอกเลย ชอบพี่เขาตั้งแต่แรกเห็นเลยครับ พี่เขาหล่อ เข้ม น่ารัก แต่ผมไม่กล้าคุยไม่กล้าทักอะไรเลย นอกจากจะเคารพพี่เขา ตามมารยาททหารน่ะครับ มาก่อนเป็นพี่มาทีหลังเป็นน้อง ผมก็หวัดดีพี่เขาทุกเช้าแหละ ด้วยความที่พี่เขาเป็นผลัดปลด ซึ่งผลัดปลดผมคิดว่าไม่ว่าค่ายไหน เก๋าด้วยกันทั้งนั้น จึงเป็นสาเหตุที่ผมไม่กล้าทักพี่เขาเลย...อีกอย่างมีอยู่วันนึงผมก็ไปอาบน้ำตามปกติกับเพื่อนผม ซึ่งทหารใหม่ ส่วนใหญ่จะมาอาบรวมกันห้องนี้ แต่อยู่ๆพี่เขาก็เดินมาอาบน้ำรวมกับพวกผม ภาพนั้นยังติดตาผมอยู่เลย พี่เขาเล่นเข้ามแล้วถอดเสื้อ ถอดกางเกงอะไรหมดเลย ยืนอาบตรงฝักบัวเฉยเลย ผมถึงกับอึ้งไปแปบนึง เพราะผมกับเพื่อนๆอาบกัน ยังเหลือกางเกงในไว้ตัวนึง แต่พี่เขาเล่นถอดหมดเลย....แต่ผมก็ดันไปมองพี่เขานานเกิน จนพี่เขาหันกลับมาแล้วบอกผม “เห้ย...มองทำไมวะ ไม่เคยเห็นไง” ผมก็กลัวอยู่นะตอนนั้น เพราะเพิ่งเข้ามาอยู่ไม่กี่วันเอง ก็ได้แต่ตอบไปว่า “ไม่มีอะไรครับ” แล้วก็รีบอาบแล้วเดินขึ้นโรงนอนไป...และนั่นเป็นอีกเหตุผลนึงที่ผมไม่อยากคุยกับรุ่นพี่ผลัดปลดเท่าไหร่ เพราะความเก๋า และการพูดจาแบบนี้แหละ......
.....จนมาอีกครั้งนึง ผมทำหมวกทหารร่วงลงจากบันได ซึ่งผมกำลังลงมาจากโรงนอนตอนเช้า เพื่อที่จะเข้าแถวเดินไปเคารพธงชาติ พี่เขาเดินมาพอดี แต่ผมไม่คิดจะให้ใครเก็บให้หรอกนะ ยิ่งรุ่นพี่ผลัดปลดแล้วด้วย เรื่องพวกนี้เขาคงไม่ทำให้ทหารใหม่อย่างผม แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นดิ พี่เขาเก็บหมวกให้ผม พร้อมกับพูดว่า....”เห้ยน้อง!!! หมวกของสูงน่ะเว้ย เก็บให้มันดีๆหน่อย “ พร้อมกับยื่นหมวกให้ผม ผมก็อึ้งไปนิดหน่อย ไม่ใช่อึ้งไรนะ อึ้งที่พี่เขาตะคอกใส่ผม แต่ผมก็ไม่คิดไรหรอก เราทำซุ่มซ่ามเอง อย่างว่าแหละหลายคนเคยเป็นไหม คนที่เราชอบอยู่ แม้เขาจะทำอะไรกับเราไม่ดี เราก็รู้สึกดีกับเขาอยู่ดีแหละ....หลังจากวันนั้นมา มันมีหลายๆเหตุการณ์ ที่ทำให้ผมกับพี่เขาได้คุยกัน ได้รู้จักกันมากขึ้น แต่เหตุการณ์แรกเลยที่ผมได้สนิทกับพี่เขามากขึ้นคือ ช่วงเย็นวันนึงหลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็ไปปิดอ๊อฟฟิศ เหมือนเช่นทุกวัน แล้วอยู่ๆพี่เขาก้อเดินมา พร้อมกับพูดว่า เห้ยน้อง!!! เห็นตะกร้อเปล่า ผมก้อตกใจอยู่ เพราะที่อ๊อฟฟิศมีผมอยู่คนเดียว พวกนายสิบ จ่าอะไรเขาเลิกงานไปนานละ แล้วผมก็เดินไปหยิบตะกร้อที่ห้องเก็บของข้างๆอ๊อฟฟิศผมให้พี่เขา แล้วทันใดนั้นพี่เขาก็ ชวนผมไปเล่นตะกร้อด้วย (ตอนนั้นผมคิดว่าพี่เขาคงยังไม่รู้หรอกว่าผมเป็นเกย์) แต่ผมไม่ปฏิเสธนะ ก็ไปเล่นแล้วดันไปอยู่ทีมเดียวกับพี่เขาด้วย ผมก็เตะๆโหม่งๆตามประสาคนเล่นไม่เป็นแหละครับ หลายคนคงนึกภาพออก พอตื่นเช้ามาผมนี่ปวดหัวเลย หน้าผากแดงไปหมดเลย...(คิดละขำดีว่าคนเรานี่ยอมทุกอย่างจิงๆที่จะได้อยู่ใกล้กับคนที่เรารู้สึกดีด้วย) แต่หลังจากวันนั้นไปมันทำให้ผมกับพี่เขาคุยกัน รู้จักกันมากขึ้น....เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนได้ประมาณเดือนนึงได้ หลังจากที่ผมได้อยู่ที่แห่งนี้ ไปเรื่อยๆ ผมจำไม่ได้หรอกนะ ว่าเพื่อนผมรู้ว่าผมเป็นเกย์วันไหน แต่ด้วยความสำอาง ทาแป้ง การดูแลตัวเองของผมหละมั้ง จนทำให้รุ่นพี่และเพื่อนๆผมแซว แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร จนเพื่อนๆมันรู้ของมันไปเอง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็คิดว่าผมทำอะไรสบายขึ้นเยอะ แต่ผมก็ไม่ได้แสดงออกอะไร ถึงแม้บางทีเพื่อนจะเดินมาจับตูด ตีก้น หรือแซว ผมก็แค่ยิ้มและไม่คิดอะไร บางครั้งก็มีด่ามันไปบ้าง แต่ด่าแบบเพื่อนนะ ซึ่งมันก็ไม่คิดอะไรอยู่แล้ว จนมีครั้งนึง มีเพื่อนผมคนนึงมาพูดนะว่า “ทำไมไม่เหมือนตุ๊ดไม่เหมือนเกย์หลายๆคนที่กูรู้จักวะ ไม่แรด ไม่ตุ้งติ้ง ไม่แสดงออกอะไรเลย ถ้ากูเป็นผู้หญิงกูก็ไม่รู้นะว่าเป็นเกย์”....แต่ผมก็ตอบมันไปนะว่า “กูก็เป็นผู้ชายแบบพวกนี่แหละ แค่กูไม่ได้ชอบผู้หญิงเฉยๆ”....หลังจากวันนั้นมาใจนึงผมก็กลัวนะ ว่าถ้าพี่เขารู้ว่าผมเป็นแบบนี้พี่เขาคงไม่คุย ไม่สนิทเหมือนทุกครั้งรึเปล่า แต่ผมก็ทำใจเผื่อไว้แล้วล่ะ ว่าอย่างน้อยพี่เขาก็รู้ว่าเราเป็นอะไร จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างเถอะ....แต่เรื่องกลับตรงกันข้าม พี่เขาคุยกับผมมากขึ้น มานั่งเล่นเตียงผมบ่อยขึ้น บางทีทำอะไรกินก็จะเรียกผมไปกิน เพราะรุ่นพี่ชอบทำกับข้าวกันบ่อย แกงหน่อไม้นี่บ่อยเลย เพราะค่ายผมน่ะ ของป่าเยอะ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นผมคิดไปเองรึเปล่านะ แต่อย่างน้อย มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมาก จนทำให้ใจผมหวั่นไหว และหลงรักพี่เขาเข้าไปตอนไหนไม่รู้ แต่ผมก็ไม่กล้าบอกหรอกว่าผมชอบพี่เขา ......
มีอยู่วันนึง ผมไม่รู้หรอกว่าเพื่อนผมไปมีเรื่องหรือเขม่นกับรุ่นพี่ผลัดปลด หรือยังไงกัน ซึ่งเพื่อนผมที่โดนต่อยอยู่มันอยู่เตียงถัดจากผมไปอีก 2 เตียงได้ล่ะมั้ง ผมก็ตกใจอยู่ ว่าเสียงอะไรดังตุ๊บๆตับๆ ทั้งๆที่เวลานอน 3 ทุ่ม เมื่อแตรดัง นอกจากจะได้ยินเสียงคุยโทรสับเพื่อนๆพี่ๆคุยกับแฟนและเสียงจิ้งหรีดไรร้องแล้ว แทบจะไม่ค่อยได้ยินเสียงอื่นเลย แต่ผมรู้แหละว่าเพื่อนผมกำลังโดนอะไรอยู่ซักอย่างแน่เลย แต่ผมก้อไม่กล้าที่จะออกจากมุ้งเลย จนซักพัก พี่เขาเดินมาที่เตียง แล้วมุดเข้ามาในมุ้ง ผมตกใจเหมือนกัน แล้วจู่ๆพี่เขาก็ถามผม ว่า”น้อง....โดนใครทำอะไรรึเปล่า” ผมก็ตอบไปว่า “เปล่าครับ” แล้วพี่เขาก็บอกว่า “แล้วไป...นึกว่าใครมาทำอะไรเรา” แล้วผมก็ถามกลับไปว่า “แล้วมีอะไรกันเหรอพี่” พี่เขาก็ตอบว่า “ไม่มีไรหรอก ไม่เป็นไรก็ดีละ” ผมก้อไม่ได้ถามอะไรต่อนะ ละพี่เขาก็บอก “งั้นนอนเถอะ พี่ไปละ” ใจผมตอนนั้น รู้สึกดีมากกอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ผมยิ่งรักและชอบพี่เขามากขึ้นไปทุกวัน จนไม่อยากเสียพี่เขาไป....แต่สำหรับผมแล้วผมยังไม่กล้าบอกพี่เขาอยู่ดีว่าผมรักและชอบพี่เขา แต่มันก็มีอีกหลายๆเหตุการณ์ ที่ทำให้ผมและพี่เขา เรารู้สึกผูกพันกันมากขึ้น ยิ่งตอนผมมีรายชื่อเข้าเวรตอนกลางคืน บางครั้งพี่เขาก็จะอาสาเข้าให้ แต่ผมมารู้ทีหลังแหละครับ ว่าพี่เขาไม่ได้เข้าเวรให้หรอก แต่ไปจ้างรุ่นน้อง ซึ่งก็คือเพื่อนๆผมแหละ เข้าเวรให้แทน ระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันเริ่มผูกพันกันไปเรื่อยๆ....อาจเป็นเพราะเราคุยกันมากขึ้น เราสนิทกันมากขึ้น แต่พี่เขาก็ไม่เคยคุยกับผมนะ ว่ารู้สึกดี กับผม ชอบผม รักผม อะไรเงี้ย แต่ผมก็ไม่เคยถามหรอก ว่าพี่เขาคิดยังไงกับผม เพราะทุกอย่างที่พี่เขาทำให้ผมและผมทำให้พี่เขา มันสัมผัสได้ดีด้วยความรู้สึกมากกว่า....
....เรื่องราวของผมกับพี่เขาผ่านไปจนวันที่พี่เขาปลดประจำการ วันที่ 30 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ผมไม่อยากให้มาถึงเลย คืนนั้นผมนอนไม่หลับเลย เพราะผมคิดเสมอว่า ถ้าพี่เขาไปจริงๆผมคงคิดถึงพี่เขามาก และผมก็ไม่ได้บอกความรู้สึกที่ผมมีให้กับพี่เขาเลย จนมาถึงช่วงบ่ายของวันปลด ซึ่งทหารรุ่นน้องและผู้บังคับบัญชา แต่ละคนก็ต้องไปเข้าแถวเพื่ออำลารุ่นพี่ และรุ่นพี่ก็จะมีตัวแทนเพื่อกล่าวความรู้สึกต่างๆ หลังจากนั้นทาง ผบ. ก็จะกล่าวและมอบของที่ระลึกให้กับทหารรุ่นพี่ แล้วรุ่นพี่ก็จะเดินไปตีระฆังอำลาค่ายและอำลากับรุ่นน้อง ความรู้สึกผมตอนนั้นด้วยบรรยากาศและเสียงเพลง ทำให้ผมน้ำตาคลอเลยแหละ แต่พอพี่เขาเดินมาถึงผม มันยิ่งทำให้น้ำตาผมไหลออกมา และพี่เขาก็บอกกับผมว่า “พี่ไม่อยู่แล้ว ดูแลตัวเองดีๆนะ รักน้องคนนี้เสมอนะ...”แค่คำๆนี้ทำให้ผมกลับยิ่งน้ำตาไหลและกอดพี่เขาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับบอกความรู้สึกที่ผมมีให้กับพี่เขาว่า “พี่ก็ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ผมเองก็ชอบพี่มากนะครับ” หลังจากนั้นน้ำตาผมก็ยิ่งไหลมากกว่าเดิม และพี่เขาก็จับตัวผมและเช็ดน้ำตาให้ผม แล้วก็บอกผมว่า “พี่ไปละนะ ไว้มีโอกาส คงได้เจอกัน” ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ได้แค่ตอบว่า “ขอบคุณครับพี่”..............หลังจากวันนั้นมาผมกับพี่เขา ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ......(เดี๋ยวมาต่อนะครับ)