แก่เกินบ่มเพาะ!! บุรีรัมย์ อคาดามี่ มีนโยบาย งดรับเด็กอายุเกิน 15 ปี++ เข้าสังกัดอคาดามี่ เนริญโญ่ เชื่อ..ไม้แก่ดัดยาก

เนวินหยุดรับนักเตะเกิน15 เข้าอะคาเดมี่ เชื่อไม้แก่ดัดยาก



เริ่มรับตั้งแต่ 9 ขวบแทน ใช้เวลา 7 ปีสู่การเป็นยอดนักเตะ


ไทยพรีเมียร์ลีกบุรีรัมย์อะคาเดมี่ปี 5 เน้นสร้างเด็กจาก 9 ขวบ ปรับวิธีคิดเสริมร่างกายด้วยวิทยาศาสตร์สู่มืออาชีพ วางเป้าไม่เกิน 7 ปีเป็นนักเตะชั้นนำเอเชีย


เปิดคัดตัวเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 9 ปี เข้าสู่อะคาเดมี่ วันแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันที่ผ่านมา เวลา 7.00 น. ที่สนามซ้อม สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จังหวัดบุรีรัมย์ โดยการคัดเลือกภายใต้สายตา ของทีมงานสตาฟฟ์โค้ช อะคาเดมี่สโมสร และบอสใหญ่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร ทัดเทพ พิทักษพูลสิน ผู้จัดการหนุ่มไฟแรง



เนวิน ชิดชอบ บอสใหญ่ของทีมกล่าวว่า “เราทำบุรีรัมย์ อะคาเดมี่ ถือว่าสี่ปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เรามีผู้เล่นจากอะคาเดมี่ ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ 4-5 คน แล้วมีผู้เล่นที่สามารถไปเล่นไทยพรีเมียร์ลีก อยู่กับทีมอื่นอีก 2-3 คน แต่นั่นก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ผมพอใจ”



“บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำอะคาเดมี่มา เพื่อสร้าง และพัฒนาทรัพยากรฟุตบอลไทย จากนี้ไปอายุเกิน 15  ปีเราจะไม่คัดมาเป็นอะคาเดมี่ ตำราคนโบราณว่าไว้ ไม่อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก”



“เด็กที่เกิน 15 ไปแล้วส่วนใหญ่ พวกที่เล่นฟุตบอลเก่งๆแก่วัด และก็ดัดยากมาก มีปัญหาเรื่องทัศนคติ ในการเล่นฟุตบอล การใช้ชีวิต การเรียนรู้โมเดิร์นฟุตบอล และเทคนิคแท็กติกที่จะปรับให้เข้ากับปรัชญาของทีม ฉะนั้นปีนี้ปรับขบวนใหม่ โดยเราเริ่มฟูมฟัก ตั้งแต่รุ่นต่ำว่า 9 ขวบหลังจากนั้น ก็เป็นรุ่นยู 12-13 พวกนี้เราจะเน้นมาก”



“เพราะเราคิดว่า เราสามารถสร้างทัศนคติที่ดี ให้เด็กพวกนี้ สำหรับบุรีรัมย์อะคาเดมี่ พรสวรรค์ คือ 30 % พรแสวง 70 % ถ้าเราปรับทัศนคติเขาได้ แล้วใส่วิทยาศาสตร์เข้าไป เรื่องโภชนการ เรื่องการนอน การออกกำลังกาย การดูแลและพัฒนาสรีระร่างกาย แต่ต้องใช้งบประมาณและต้องใช้เวลา”



“ถ้าเราอดทนเพียงพอ” จากนี้ไปภายใน 7 ปี เราจะมีผู้เล่นที่สูงใหญ่ และมีความสามารถ ไม่เป็นรองใครในเอเชีย นั่นคือเป้าหมาย ในการทำอะคาเดมี่ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปีที่ 5 ที่จะเริ่มต้นโปรเจกต์ใหม่”



“ปัญหาที่เจอบ้าง 4 ปีที่ผ่านมา มีผู้ปกครองบางคน รักลูกมากเกินไป กลายเป็นพ่อมีรังแกฉัน เชื่อลูกทุกอย่าง  ผมเองกับป้าต่าย(กรุณา ชิดชอบ) ก็พยายามดูแล ทั้งเรื่องพฤติกรรมส่วนตัว การเรียนหนังสือซึ่งป้าต่ายจะคอยดูแล เหมือนแม่ดูแลลูก”



“เด็กบางคนก็ทนไม่ได้ ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ เพราะเราเชื่อว่าเด็กที่ทัศนคติไม่ดี และพฤติกรรมไม่ดี ไม่มีทางประสบประสบความสำเร็จการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ในอนาคต นั่นก็คือแนวทางของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” บิ๊กเนกล่าว


Credit
http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?PHPSESSID=4s9lufjsfk1r8l72n6vho92dj7&/topic,349653.0.html
http://www.supersubthailand.com/news/5069-1/index.html
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่