ลุถึงความเป็นเลิศอันอยู่ในคน
ท่านเขมานันทะ (อาจารย์โกวิท เอนกชัย)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในทางวิปัสสนานั้น มนุษย์ผู้ได้บรรลุถึงความเป็น มนุษย์แท้-นรชน
ใช่ว่ามนุษย์จะเพียงได้ลุถึงความเป็นเทพ ทางแห่งการเข้าถึงเทพไม่ใช่ของพุทธ
แต่ทางของพุทธคือทางของคนธรรมดา...ผู้รู้สึกได้
เจริญวิปัสสนาจนเห็นความเป็นคน และลุถึงความเป็นเลิศอันอยู่ในคน นั่นคือเห็นความเป็นธรรม
การเข้าถึงความเป็นนรชนคนแท้นั้น ต่างจากการเข้าถึงความเป็นเทพหรือเซียน
เข้าถึงความเป็นคน จิตใจก็สงบไม่วุ่นวายไปด้วยสุขอย่างผู้เข้าถึงเทพ
หรือวุ่นวายไปด้วยความเดือดร้อนใจอย่างผู้เข้าถึงอบาย
จาก คน...สู่คนแท้
จากรากฐานของอารมณ์เยี่ยงคนสามัญ ผู้รัก-เกลียด และสุข-ทุกข์ คลุกเคล้ากันไป เกิดวิปัสสนาขึ้น
เห็น-รู้-เข้าใจ ต่อความเป็นไปต่างๆ ของความเป็นคนว่าทุกข์อย่างไร
ยอมอย่างไร ไร้อำนาจแท้จริงอย่างไร โกหกมดเท็จเช่นไร
ถือดี...ยโส...โอหัง...โง่หยิ่ง และเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นไร
ก็คลายความยึดถือในตัวตน ในโอหัง แล้วลุถึงความเป็น นรชน คนจริง
ไม่ใช่คนครึ่งผี ครึ่งคนครึ่งเทวดา
(อยากให้คนอื่นเคารพ ติดตัวตนที่ดี บูชาตัวตนที่ดี เคารพผู้ดีกว่าตนตามตนเปรียบเทียบได้)
แต่กลายเป็น “คนเต็มคน”
คนเต็ม...มิใช่พร่อง...หรือเกิน...จากความเป็นคน
(ที่มา : สมุดอนุทิน ที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฏาคม ๒๕๓๐ ใน หนังสือ “อันเนื่องกับทางไท : ว่าด้วยอารยธรรมตะวันออก-ตะวันตก
ศาสนศิลป์วรรณา ข้อพินิจในศิลปวิทรรศนา” โดย เขมานันทะ, พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๕๓๘, หน้า ๑๒๐)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13948
ลุถึงความเป็นเลิศอันอยู่ในคน........โดย ท่านเขมานันทะ
ท่านเขมานันทะ (อาจารย์โกวิท เอนกชัย)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในทางวิปัสสนานั้น มนุษย์ผู้ได้บรรลุถึงความเป็น มนุษย์แท้-นรชน
ใช่ว่ามนุษย์จะเพียงได้ลุถึงความเป็นเทพ ทางแห่งการเข้าถึงเทพไม่ใช่ของพุทธ
แต่ทางของพุทธคือทางของคนธรรมดา...ผู้รู้สึกได้
เจริญวิปัสสนาจนเห็นความเป็นคน และลุถึงความเป็นเลิศอันอยู่ในคน นั่นคือเห็นความเป็นธรรม
การเข้าถึงความเป็นนรชนคนแท้นั้น ต่างจากการเข้าถึงความเป็นเทพหรือเซียน
เข้าถึงความเป็นคน จิตใจก็สงบไม่วุ่นวายไปด้วยสุขอย่างผู้เข้าถึงเทพ
หรือวุ่นวายไปด้วยความเดือดร้อนใจอย่างผู้เข้าถึงอบาย
จาก คน...สู่คนแท้
จากรากฐานของอารมณ์เยี่ยงคนสามัญ ผู้รัก-เกลียด และสุข-ทุกข์ คลุกเคล้ากันไป เกิดวิปัสสนาขึ้น
เห็น-รู้-เข้าใจ ต่อความเป็นไปต่างๆ ของความเป็นคนว่าทุกข์อย่างไร
ยอมอย่างไร ไร้อำนาจแท้จริงอย่างไร โกหกมดเท็จเช่นไร
ถือดี...ยโส...โอหัง...โง่หยิ่ง และเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นไร
ก็คลายความยึดถือในตัวตน ในโอหัง แล้วลุถึงความเป็น นรชน คนจริง
ไม่ใช่คนครึ่งผี ครึ่งคนครึ่งเทวดา
(อยากให้คนอื่นเคารพ ติดตัวตนที่ดี บูชาตัวตนที่ดี เคารพผู้ดีกว่าตนตามตนเปรียบเทียบได้)
แต่กลายเป็น “คนเต็มคน”
คนเต็ม...มิใช่พร่อง...หรือเกิน...จากความเป็นคน
(ที่มา : สมุดอนุทิน ที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฏาคม ๒๕๓๐ ใน หนังสือ “อันเนื่องกับทางไท : ว่าด้วยอารยธรรมตะวันออก-ตะวันตก
ศาสนศิลป์วรรณา ข้อพินิจในศิลปวิทรรศนา” โดย เขมานันทะ, พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๕๓๘, หน้า ๑๒๐)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13948