อยากจะถาม คุณๆทั้งหลายคิดยังไงกับวัดธรรมกาย และ เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย

ขอแนะนำตัวเองอาทตาเป็นพระบวชใหม่ จากตอนแรกตั้งใจว่าบวชแค่15วันเท่า แต่เมื่อบวชแล้วรู้สึกเลื่อมใสจาก15 วันตอนนี้ก็ได้ร่วมๆ2เดือนแล้วซึ่งตัวพระตั้งใจจะบวชไปเลื่อยๆ เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไปตราบเท่าที่พระสามารถจะทำได้ แต่ด้วยว่าเกี่ยวกับวัดธรรมกายอาตมามีความเห็นส่วนตัวเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ทั้งคำสอนที่ว่าทำบุญด้วยปัจจัยมากก็จะได้บุญมากเหมือนเป็นเชิงธุรกิจมากกว่าหลักคำสอน อีกทั้งบิดเบื่อนพระวินัย อีกทั้งหลักคำสอนแนวทางปฎิบัติ อย่างกรณีพระธุดงในเมือง จากที่พระได้ศึกษามาบางส่วน เริ่มจากคำว่าภิกษุเลย ความหมายว่าผู้ขอแต่การขอนั้นต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ไม่เพียงแต่การขอยังรวมถึงทุกอิริญาบทต้องไม่เบียดผู้อื่นและตนเอง การเบียดเบียนตนเองยกตัวอย่างเช่น การขอหรือการกระทำใดๆที่ทำเพื่อสนองต่อกิเลสความอยากได้อยากมีหรือสนองต่อตัญหาราคะนี้ก็ถือเป็นการเบียดเบียนตนเองหลุดจากศีลจากธรรมอันดีที่ควรปฎิบัติ การเบียดเบียนผู้อื่น ก็ว่าด้วยการขอหรือการกระทำใดที่ส่งผลให้บุคคลใดๆทุกกายทุกใจไม่ว่าบุคคลนั้นจะเต็มใจหรือก็ตาม ซึ่งคำสอนของธรรมกายนั้นผิดจากคำสอนตามหลักนี้เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งใช้วิธีเชิญชวนปลูกฝั่งความงมงายเรี่ยไรปัจจัยจำนวนมาก โดยเปรียบเสมือนปัจจัยเท่ากับบุญ ทำให้พุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งลุ่มหลงมั่วเมาและทำร้ายพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งการปฎิบัติก็บิดเบื้อน ว่าด้วยพระสงฆ์จับต้องปัจจัยไม่ได้จึงชักชวนให้ญาติโยมทำบัตรเครดิตเพื่อรูดถวายปัจจัยแก่พระสงฆ์ในวัดธรรมกาย ซึ้งพุทธศาสนิกชนบางท่านก็ใช้บัตรเครดิตถวายปัจจัยแก่วัดจนเป็นหนี้เป็นสิน สิ้นเนื้อประดาตัวก็มี ในความเห็นของพระจะต่างอะไรกันสุดท้ายนั้น บัตรเครดิตที่พระสงฆ์ในวัดธรรมกายใช้จับจ่ายกันก็คือปัจจัยนั้นเองแค่เปลี่ยนรูปร่างไปเท่านั้น อีกทั้ง กรณีธุดงในเมืองซึ้งก็แน่อยู่ว่าเป็นการเบียดเบียนพุทธศาสนิกชน อึกทั้งเจ้าอาวาสวัดธรรมกายโดยส่วนพระคิดว่า บุรุษผู้นี้มิได้เป็นพระอีกต่อไปแล้วแค่คนโกนหัวห่มผ้าเหลืองเท่านั้นมิได้ต่างจากพระปลอมที่หลอกใช้ความศรัทฐาของพุทธศาสนิกชนหากินยังไงยังงั้น ปาราชิกมี4ข้อ บุรุษผู้นี้โดนแล้วแน่นอน2ข้อ ว่าด้วยข้อ2 ถือเอาทรัพที่ไม่ใช่ของตนไว้ในครอบครอง ข้อ4 อวดอุตริมนุสธรรม  ทั้งนี้ก็ความเห็นส่วนตัวของพระอยากถามญาติโยมว่าแล้วฐาติโยมละรู้ส ึกเช่นไร อาตมาไม่ได้ขอให้ใครเชื่อเพียงขอให้เมื่อได้ฟังสิ่งใดขอให้คิดไตรตรองศึกษาก่อนปักใจเชื่อสิ่งใดๆร่วมถึงความเห็นของตัวอาทตาด้วยเช่นกัน สุดท้ายนี้ขอให้ญาติโยมทั้งหลายดำเนินชีวิตอย่างมีสติ เจริญพร