สวัสดีคะ
ขอโทษคะถ้ายาวไป เรารับฟังทุกความเห็นนะคะไม่ว่าจะคิดเห็นยังไงก็ตาม
ขอเล่าเรื่องเลยนะคะ เราเป็นครูจิตวิทยาและปัจจุบันเราดูแลเด็กออทิสติก ๑ คน โดยเรารู้จักกับอาของเด็กที่โรงเรียน ข้อตกลงในการไปทำงานคือดูแลเด็กให้มีพัฒนาที่ดีขึ้น และอาศัยอยู่ที่บ้านเด็กเลยเพราะสะดวกในการเดินทางและพัฒนาเด็กได้ต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันเด็กดีขึ้นมาก
สมาชิกภายในบ้านที่เกี่ยวข้องกับเด็กในทุกวันมีอาม่า อา และเราเป็นส่วนใหญ่ แต่ในบ้านมีทั้งหมด ๖ คน เกิดเรื่องขึ้นเพราะอาม่าของเด็กต้องการให้เด็กอ้วน โดยเชื่อว่าเด็กอ้วนจะแข็งแรงและบังคับให้เด็กกินทุกอย่างที่อาม่าจัดหาให้ และด้วยความรักหลานมากอาม่าจะช่วยเหลือเด็กทุกอย่าง เช่น การอาบน้ำ กินข้าว หรือเมื่อแต่การขับถ่าย ฯลฯ เด็กอายุ ๑๒ ปี แต่เพิ่งช่วยเหลือตนเองได้เมื่อ ๑ ปีครึ่งที่ผ่านมา ทำให้ขัดแย้งกันในการดูแลเสมอ
ประมาณ ๓ ปีที่ดูแลเด็กมาเมื่ออาม่าไปพอใจจะตะคอกเสียงดัง โวยวาย กระแทกของใส่เรา และประตูกระแทกเพื่อให้โดนหน้าเราหลายครั้ง เราบอกเรื่องนี้กับลูกสาวเขาก็ดีขึ้นบ้าง แต่พอไม่มีคนอยู่ก็จะทำแบบนี้กับเราอีก
เรา อาเด็ก พูดเหตุผลให้ฟังแล้วโดยช่วยกันอธิบายให้เข้าใจก็ไม่ดีขึ้นยังไม่เข้าใจจนปัจจุบันนี้ เมื่อเราถูกกระทำมากขึ้นเราจึงให้อาเด็กเป็นคนสื่อสารแทน ทำให้อาม่ายิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีกที่เราไม่พูดคุยกับเขาถือว่าไม่เคารพเขา
อาม่าแกล้งเราหนักขึ้นโดยการเอารองเท้าของเราไปทิ้งไว้ซอกชั้นวางเท้า โดยแต่ละข้างอยู่คนละทิศ ทำแบบนี้ประมาณ เป็น๑๐ ครั้งจนจับได้ว่าเป็นอาม่าที่ทำ แต่ไม่ยอมรับเลยว่าตนเองทำ เห็นกับตาก็จะเดินหนีไปเลย หรือโกหกขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งเรื่องเลย
เอาเสื้อผ้า ชุดชั้นในของเราที่ซักแล้วยังเปียกอยู่เอาออกมาแล้ววางทับกันไว้ รูด กกน. เราที่เปียกจนสุดราวตากเสื้อผ้า
โทรไปว่าเรากับญาติอาม่าว่าเราบังคับเด็กให้ไม่กินข้าว และแต่งเรื่องขึ้นอีกเยอะมากที่เราไม่ได้ทำ ชี้หน้าด่าเราหน้าบ้านว่าเราไม่ปิดน้ำแต่จริงๆ แล้วเด็กเป็นคนเปิด ทุกวันนี้ของใช้จะหายไปที่ละชิ้นต้องเก็บรักษาให้ดี
เคยแม้กระทั่งยืนด่าเรากับเพื่อนบ้านต่อหน้าต่อตาเราและมีเรื่องอีกเยอะมากที่เราถูกแกล้ง
สิ่งที่เราขออย่างเดียวคืออย่ายุ่งกับเราได้มั้ย ขอเราทำงานงานเงียบๆ ซึ่งเขาทำโดยการไม่ยุ่งกับตัวเอง แต่เขายุ่งกับของของเราแทน
อาม่าจะวุ่นวายและจะอยากรู้ว่าทุกคนในบ้านทำอะไรเสมอแต่เขาจะไม่เคยว่าหรือแกล้งลูกเขาเลยสักคนเดียว ถูกลูกว่ายังไง หรือลูกบางคนถึงกับไม่พูดด้วยก็จะไม่เคยถูกแกล้งในบ้านเราโดนคนเดียว เหตุผลเพราะไม่ชอบเราและไม่พูดคุยกับเขา
อาม่าต้องไปหาหมอเป็นประจำลูกสาวปรึกษาหมอบอกว่าเป็นย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งเราเคยบอกที่บ้านเขาไปแล้ว คุณหมอให้ยามาก็ไม่ยอมกินเพราะเขาคิดว่าเขาไม่ได้เป็นโรคอะไร ญาติหลอกว่าเป็นวิตามินก็ไม่กิน ถ้าลูกสาวหรือญาติพูดไม่ถูกใจเขา เขาก็จะตะคอก ไม่คุยด้วยหรือวางโทรศัพท์เสมอ
วิธีการที่เราใช้กับอาม่าตั้งแต่ต้น
๑. อธิบายด้วยเหตุผลเป็น ๑๐๐รอบ ไม่เข้าใจและไม่ดีขึ้นเลย
๒. ให้ลูกสาวเขาช่วยพูดเป็น ๑๐๐รอบ ไม่เข้าใจแต่ดีขึ้นเล็กน้อย
๓. เราพูดเท่าที่เขาถามและหลีกเลี่ยงการปะทะ ไม่เข้าใจและไม่ดีขึ้นเลย
๔. นิ่งเฉย ซึ่งยิ่งนิ่งจะยิ่งแกล้ง
ทุกครั้งที่แกล้งเรา อาม่าจะทำตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้านทุกครั้ง
ลูกสาวเมื่อรู้ที่แม่ตนเองทำก็เอาแต่ร้องไห้ ช่วยเหลือเราไม่ได้เลยคะ
เรายังต้องอดทนทำงานเพราะเราเพิ่งซื้อบ้าน
เราควรทำยังไง
เราถูกแกล้งแบบนี้เราควรทำยังไง
ขอโทษคะถ้ายาวไป เรารับฟังทุกความเห็นนะคะไม่ว่าจะคิดเห็นยังไงก็ตาม
ขอเล่าเรื่องเลยนะคะ เราเป็นครูจิตวิทยาและปัจจุบันเราดูแลเด็กออทิสติก ๑ คน โดยเรารู้จักกับอาของเด็กที่โรงเรียน ข้อตกลงในการไปทำงานคือดูแลเด็กให้มีพัฒนาที่ดีขึ้น และอาศัยอยู่ที่บ้านเด็กเลยเพราะสะดวกในการเดินทางและพัฒนาเด็กได้ต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันเด็กดีขึ้นมาก
สมาชิกภายในบ้านที่เกี่ยวข้องกับเด็กในทุกวันมีอาม่า อา และเราเป็นส่วนใหญ่ แต่ในบ้านมีทั้งหมด ๖ คน เกิดเรื่องขึ้นเพราะอาม่าของเด็กต้องการให้เด็กอ้วน โดยเชื่อว่าเด็กอ้วนจะแข็งแรงและบังคับให้เด็กกินทุกอย่างที่อาม่าจัดหาให้ และด้วยความรักหลานมากอาม่าจะช่วยเหลือเด็กทุกอย่าง เช่น การอาบน้ำ กินข้าว หรือเมื่อแต่การขับถ่าย ฯลฯ เด็กอายุ ๑๒ ปี แต่เพิ่งช่วยเหลือตนเองได้เมื่อ ๑ ปีครึ่งที่ผ่านมา ทำให้ขัดแย้งกันในการดูแลเสมอ
ประมาณ ๓ ปีที่ดูแลเด็กมาเมื่ออาม่าไปพอใจจะตะคอกเสียงดัง โวยวาย กระแทกของใส่เรา และประตูกระแทกเพื่อให้โดนหน้าเราหลายครั้ง เราบอกเรื่องนี้กับลูกสาวเขาก็ดีขึ้นบ้าง แต่พอไม่มีคนอยู่ก็จะทำแบบนี้กับเราอีก
เรา อาเด็ก พูดเหตุผลให้ฟังแล้วโดยช่วยกันอธิบายให้เข้าใจก็ไม่ดีขึ้นยังไม่เข้าใจจนปัจจุบันนี้ เมื่อเราถูกกระทำมากขึ้นเราจึงให้อาเด็กเป็นคนสื่อสารแทน ทำให้อาม่ายิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีกที่เราไม่พูดคุยกับเขาถือว่าไม่เคารพเขา
อาม่าแกล้งเราหนักขึ้นโดยการเอารองเท้าของเราไปทิ้งไว้ซอกชั้นวางเท้า โดยแต่ละข้างอยู่คนละทิศ ทำแบบนี้ประมาณ เป็น๑๐ ครั้งจนจับได้ว่าเป็นอาม่าที่ทำ แต่ไม่ยอมรับเลยว่าตนเองทำ เห็นกับตาก็จะเดินหนีไปเลย หรือโกหกขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งเรื่องเลย
เอาเสื้อผ้า ชุดชั้นในของเราที่ซักแล้วยังเปียกอยู่เอาออกมาแล้ววางทับกันไว้ รูด กกน. เราที่เปียกจนสุดราวตากเสื้อผ้า
โทรไปว่าเรากับญาติอาม่าว่าเราบังคับเด็กให้ไม่กินข้าว และแต่งเรื่องขึ้นอีกเยอะมากที่เราไม่ได้ทำ ชี้หน้าด่าเราหน้าบ้านว่าเราไม่ปิดน้ำแต่จริงๆ แล้วเด็กเป็นคนเปิด ทุกวันนี้ของใช้จะหายไปที่ละชิ้นต้องเก็บรักษาให้ดี
เคยแม้กระทั่งยืนด่าเรากับเพื่อนบ้านต่อหน้าต่อตาเราและมีเรื่องอีกเยอะมากที่เราถูกแกล้ง
สิ่งที่เราขออย่างเดียวคืออย่ายุ่งกับเราได้มั้ย ขอเราทำงานงานเงียบๆ ซึ่งเขาทำโดยการไม่ยุ่งกับตัวเอง แต่เขายุ่งกับของของเราแทน
อาม่าจะวุ่นวายและจะอยากรู้ว่าทุกคนในบ้านทำอะไรเสมอแต่เขาจะไม่เคยว่าหรือแกล้งลูกเขาเลยสักคนเดียว ถูกลูกว่ายังไง หรือลูกบางคนถึงกับไม่พูดด้วยก็จะไม่เคยถูกแกล้งในบ้านเราโดนคนเดียว เหตุผลเพราะไม่ชอบเราและไม่พูดคุยกับเขา
อาม่าต้องไปหาหมอเป็นประจำลูกสาวปรึกษาหมอบอกว่าเป็นย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งเราเคยบอกที่บ้านเขาไปแล้ว คุณหมอให้ยามาก็ไม่ยอมกินเพราะเขาคิดว่าเขาไม่ได้เป็นโรคอะไร ญาติหลอกว่าเป็นวิตามินก็ไม่กิน ถ้าลูกสาวหรือญาติพูดไม่ถูกใจเขา เขาก็จะตะคอก ไม่คุยด้วยหรือวางโทรศัพท์เสมอ
วิธีการที่เราใช้กับอาม่าตั้งแต่ต้น
๑. อธิบายด้วยเหตุผลเป็น ๑๐๐รอบ ไม่เข้าใจและไม่ดีขึ้นเลย
๒. ให้ลูกสาวเขาช่วยพูดเป็น ๑๐๐รอบ ไม่เข้าใจแต่ดีขึ้นเล็กน้อย
๓. เราพูดเท่าที่เขาถามและหลีกเลี่ยงการปะทะ ไม่เข้าใจและไม่ดีขึ้นเลย
๔. นิ่งเฉย ซึ่งยิ่งนิ่งจะยิ่งแกล้ง
ทุกครั้งที่แกล้งเรา อาม่าจะทำตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้านทุกครั้ง
ลูกสาวเมื่อรู้ที่แม่ตนเองทำก็เอาแต่ร้องไห้ ช่วยเหลือเราไม่ได้เลยคะ
เรายังต้องอดทนทำงานเพราะเราเพิ่งซื้อบ้าน
เราควรทำยังไง