พระวินัยระบุว่า ถ้าพระภิกษุชนะคดีชาวบ้านในโรงศาล ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิก ครับท่าน
http://pantip.com/topic/33280444
ภิกษุตู่เอาที่วัด ต้องอาบัติทุกกฏ ยังความสงสัยให้เกิดแก่เจ้าของ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
เจ้าของทอดธุระว่าจักไม่เป็นของเรา ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุฟ้องร้องยังโรงศาล ยังเจ้าของให้แพ้ ต้องอาบัติปาราชิก ภิกษุผู้ฟ้องร้องยังโรงศาล
แพ้เจ้าของ ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
http://84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=01&A=6336&Z=6581#attha
ภิกษุตู่เอาที่นา ต้องอาบัติทุกกฏ ยังความสงสัยให้เกิดแก่เจ้าของ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
เจ้าของทอดธุระว่าจักไม่เป็นของเรา ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุฟ้องร้องยังโรงศาล ยังเจ้าของให้แพ้ ต้องอาบัติปาราชิก ภิกษุผู้ฟ้องร้องยังโรงศาล
แพ้เจ้าของ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ก็พระวินัย ท่านระบุเอาไว้อย่างนี้จริงๆ นี่ครับ ซึ่งผมก็แค่แสดงความเห็นว่า
เหตุที่พระท่านยอมยุติคดี ไม่ใช่เพราะพระท่านกลัวแพ้ เป็นเพราะท่านกลัวชนะคดีเสียมากกว่า
ท่านดูเอาเองสิครับ พระวินัยระบุว่า หากเรื่องถึงโรงถึงศาล ถ้าพระแพ้คดี ก็อาบัติเบา หากชนะ ต้องอาบัติปาราชิก ครับท่าน
แต่คนบางคน เขาอคติมาก จะให้ผิด จะให้พระปาราชิกให้ได้ ถึงขนาดปฏิเสธพระวินัยหน้าตาเฉย ก็ยังกล้าทำ เขาบอกผมอย่างนี้ว่า
- ถ้าพระธัมมชโยแพ้คดี และ ทรัพย์หรือทรัพย์สินนั้นโกงมาหรือยักโอนไปไม่ถูกต้องและกรรมสิทธิที่โอนให้คนนอกไปได้คืนให้แก่วัดก็ถือว่าปาราชิกแล้ว ไม่ได้เข้าข้อยกเว้นตามพระวินัยที่ว่าคืนแล้วจะเป็นแค่ถุลลัจจัย เพราะที่ศึกษามาเขาเอาทรัพย์ของวัดไปซื้อที่ดิน หยุดแค่ตรงนี้พอ แค่นี้ก็ปาราชิกแล้ว
http://pantip.com/topic/33280444/comment27
คำถามก็คือ ในเมื่อ พระวินัยระบุว่า กรณีนี้ พระอาบัติถุลลัจจัย
แล้วเขาอาศัยอะไร จึงกล้าปฏิเสธ พระพุทธบัญญัติเล่าครับ ?
อย่างนี้ ถือว่าเป็นการกล่าวตู่บิดเบือนพระธรรมวินัย หรือไม่ครับท่าน ?
เกลียดชัง ท่านพระธัมมชโย จนถึงขนาด ปฏิเสธพระวินัย เพื่อเอาผิดพระ เชียวหรือครับท่าน ?
http://pantip.com/topic/33280444
ภิกษุตู่เอาที่วัด ต้องอาบัติทุกกฏ ยังความสงสัยให้เกิดแก่เจ้าของ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
เจ้าของทอดธุระว่าจักไม่เป็นของเรา ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุฟ้องร้องยังโรงศาล ยังเจ้าของให้แพ้ ต้องอาบัติปาราชิก ภิกษุผู้ฟ้องร้องยังโรงศาล
แพ้เจ้าของ ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
http://84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=01&A=6336&Z=6581#attha
ภิกษุตู่เอาที่นา ต้องอาบัติทุกกฏ ยังความสงสัยให้เกิดแก่เจ้าของ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
เจ้าของทอดธุระว่าจักไม่เป็นของเรา ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุฟ้องร้องยังโรงศาล ยังเจ้าของให้แพ้ ต้องอาบัติปาราชิก ภิกษุผู้ฟ้องร้องยังโรงศาล
แพ้เจ้าของ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ก็พระวินัย ท่านระบุเอาไว้อย่างนี้จริงๆ นี่ครับ ซึ่งผมก็แค่แสดงความเห็นว่า
เหตุที่พระท่านยอมยุติคดี ไม่ใช่เพราะพระท่านกลัวแพ้ เป็นเพราะท่านกลัวชนะคดีเสียมากกว่า
ท่านดูเอาเองสิครับ พระวินัยระบุว่า หากเรื่องถึงโรงถึงศาล ถ้าพระแพ้คดี ก็อาบัติเบา หากชนะ ต้องอาบัติปาราชิก ครับท่าน
แต่คนบางคน เขาอคติมาก จะให้ผิด จะให้พระปาราชิกให้ได้ ถึงขนาดปฏิเสธพระวินัยหน้าตาเฉย ก็ยังกล้าทำ เขาบอกผมอย่างนี้ว่า
- ถ้าพระธัมมชโยแพ้คดี และ ทรัพย์หรือทรัพย์สินนั้นโกงมาหรือยักโอนไปไม่ถูกต้องและกรรมสิทธิที่โอนให้คนนอกไปได้คืนให้แก่วัดก็ถือว่าปาราชิกแล้ว ไม่ได้เข้าข้อยกเว้นตามพระวินัยที่ว่าคืนแล้วจะเป็นแค่ถุลลัจจัย เพราะที่ศึกษามาเขาเอาทรัพย์ของวัดไปซื้อที่ดิน หยุดแค่ตรงนี้พอ แค่นี้ก็ปาราชิกแล้ว
http://pantip.com/topic/33280444/comment27
คำถามก็คือ ในเมื่อ พระวินัยระบุว่า กรณีนี้ พระอาบัติถุลลัจจัย
แล้วเขาอาศัยอะไร จึงกล้าปฏิเสธ พระพุทธบัญญัติเล่าครับ ?
อย่างนี้ ถือว่าเป็นการกล่าวตู่บิดเบือนพระธรรมวินัย หรือไม่ครับท่าน ?