พี่ใจดี ๔ ตอน โอบรักข้ามเขา ..... ณ อมก๋อย

พี่ใจดี ๔ ตอน โอบรักข้ามเขา

กระทู้นี้เกิดขึ้นเพราะอยากจะให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมโมทนาบุญไปกับเรา อยากขอบคุณในน้ำใจอันบริสุทธิ์จากผู้ร่วมบริจาค และอยากจะเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำดีๆส่วนตัว และสำคัญที่สุดคืออยากจะกลับไป ไปทำอะไรเดี๋ยวรู้กัน [สมัครครั้งแรก ยืนยันตนได้รีบโพสต์เลย ผิดพลาดประการใดขออภัยนะคะ ตั้งกระทู้ครั้งแรกเลย ยิ้ม ]


เกริ่นก่อน
เดินทางไปอ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอนบ่อยมากตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ เดินทางไปที่นั่นในทุกๆปี ช่วงที่ผ่านอ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ก่อนเข้า อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จะมีทางแยก แยกนั้นมีป้ายเขียนว่า ไปอมก๋อย ได้ยินชื่อมานานมากว่า อมก๋อยหนาวมาก อมก๋อยลำบากมาก อมก๋อยอยู่ไกลมาก อ.อมก๋อย ขึ้นกับจ.เชียงใหม่ แต่อยู่ไกลจากอ.เมืองเชียงใหม่ เกือบ ๒๐๐ กิโลเมตร เราได้ยินชื่ออมก๋อยจากหน่วยงานต่างๆเยอะมากจนคิดว่าพื้นที่ในเขตอ.อมก๋อย น่าจะได้รับความช่วยเหลือจากทางเอกชนค่อนข้างจะบ่อยมาก เวลาเห็นคนไปแจกผ้าห่มก็ไปอมก๋อย คนไปแจกสิ่งของต่างๆก็ไปอมก๋อย เลยคิดว่าอมก๋อยน่าจะได้รับความช่วยเหลือมากแล้ว เราจึงยังเดินทางไปช่วยเหลือที่แม่ฮ่องสอนอยู่ตลอดและเสมอมา และปีนี้ก็เช่นกัน เราตั้งใจจะเข้าไปที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในเส้นทางที่ยาวไกล ลัดเลาะไปกับแม่น้ำสะละวิน จากการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้เสนอเราว่า เราจะเข้าไปที่อมก๋อยด้วยมั้ย ที่อมก๋อยยังลำบากมากนะ ก็ได้สอบถามเค้าว่าคนเข้าไปช่วยเหลือมากไม่ใช่เหรอ เค้าก็บอกว่า อมก๋อยมีทั้งหมด 95 หมู่บ้าน ยังไม่รวมหย่อมบ้าน แต่ละที่การเดินทางและความลำบากแตกต่างกันไป บางที่อาจจะมีคณะเข้าไปบ่อย บางพื้นที่ก็ไม่เคยมีคณะไหนเข้าไปเลย เราจึงเปิดแผนที่อำเภออมก๋อย และพิจารณาดูว่า  เส้นทางไหนอยู่ห่างไกลอำเภอมากๆ พอเปิดข้อมูลหมู่บ้านจึงพบว่า ยังมีเส้นทางที่รถเข้าไม่ถึงต้องเดินทางด้วยเท้าเท่านั้น เอาล่ะ เริ่มตัดสินใจได้แล้ว ว่าเราจะไปที่ไหนกัน



จึงสอบถามไปยังคนในพื้นที่ว่าหมู่บ้านที่เราเลือกเดินทางนั้นมันเข้าไปลำบากจริงๆมั้ย พอได้รับคำตอบเราจึงเริ่มต้นกิจกรรมในครั้งนี้



เริ่มประกาศรับบริจาคเงิน เหมือนกับที่เคยทำมาในทุกๆปี ประกาศจากหน้าเฟสบุคส่วนตัวนี่ล่ะ เงินบริจาคก็ทะยอยเดินทางเข้าสมุดบัญชีเรื่อยมาตั้งแต่เดินพฤศจิกายน ๒๕๕๗ พวกเราตั้งใจจะเดินทางกันในเดือนมกราคม เพราะว่าเป็นช่วงที่อากาศมีความหนาวเย็นมาก โดยปกติเราก็จะแปลงเงินที่รับบริจาคมาไปอยู่ในรูปของอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา รวมทั้งผ้าห่ม และขนมที่จะนำไปแจกเด็กๆด้วย  



ก็เริ่มหาทางติดต่อประสานงานกับครูในพื้นที่นั้นๆ ครูที่เราติดต่อเรียกว่า ครูนิเทศก์ ครูนิเทศก์หนึ่งคนจะมีโรงเรียนในกลุ่มที่ตัวเองต้องช่วยดูและประสานงานระหว่างบนดอยกับพื้นราบประมาณ ๖ โรงเรียน ในตอนแรกที่เราได้เบอร์ครูนิเทศก์มานั้นเราไม่สามารถทำการติดต่อครูได้เลย เพราะครูอยู่บนดอย โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเลย ต้องโทรไปเรื่อยๆจนกว่าครูจะลงจากดอยเราถึงจะติดต่อกันได้ พอเราติดต่อครูได้แล้ว จึงได้ทราบว่าในเดือนมกราคมนี้ทางอมก๋อยค่อนข้างจะยุ่งมาก เนื่องจากต้องรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ พระองค์จะเข้าไปเยี่ยมชาวบ้านที่หมู่บ้านต่างๆในอำเภออมก๋อย เราจึงเลื่อนการเดินทางมาเป็นเดือนกุมภาพันธ์



ระยะเวลาการรับบริจาคเงินของเราจึงมีมากขึ้น จากการประสานงานกับครูแล้วทำให้เราทราบว่า ของที่จำเป็นมันไม่ได้มีแค่พวกอุปกรณ์การเรียน มันยังมีอุปกรณ์การเกษตร และเครื่องครัวก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน เราจึงแจ้งครูว่า ฝากครูประสานกับครูดอยในกลุ่มให้หน่อยได้มั้ย ว่าเค้าขาดอะไรและต้องการใช้สิ่งใดบ้าง หากเราช่วยเหลือได้ เราจะจัดเตรียมไปให้ ระหว่างนั้นเราก็เตรียมงานอื่นไปพลาง เพราะต้องรอจนกว่าครูนิเทศก์จะกลับขึ้นดอยไปอีกครั้ง และลงจากดอยมาเพื่อโทรมาบอกเรา



นอกเหนือจากรับบริจาคเป็นเงินแล้ว เรายังรับบริจาคของเล่น เสื้อผ้า หรืออะไรก็ตามที่ทุกท่านยินดีที่จะสละให้เราได้ทำหน้าที่เป็นสะพานเพื่อเชื่อมโยงส่งต่อไปยังเด็กน้อยและชาวบ้านบนดอยอันไกลโพ้น มีคนติดต่อสอบถามเข้ามาตลอดเวลาว่า รับสิ่งนี้มั้ย รับสิ่งนั้นมั้ย เราพิจารณาแล้วทุกสิ่งที่พี่ๆเหลือใช้นั้นจำเป็นสำหรับเด็กๆบนดอยมาก จากนั้นก็นัดวันเพื่อรับสิ่งของเหล่านั้นมาจัดระเบียบเรียบร้อย จัดเตรียมแยกกล่อง จะจัดหมวดหมู่ เช่น เสื้อกันหนาว เสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้าเด็ก หรือ อุปกรณ์กีฬา ดินสอ สี ของเล่น ตุ๊กตา รองเท้า เป็นต้น



ในช่วงที่ประสานงานกับครูนิเทศก์เป็นระยะๆนั้น ครูก็ได้สอบถามว่า ทางคณะที่เราจะเดินทางไปสามารถจัดหายาสามัญประจำบ้านมาด้วยได้หรือไม่ เนื่องจากไม่มียาที่จำเป็นเพียงพอสำหรับคนป่วยบนดอยแห่งนี้ ด้วยความที่เราเป็นเภสัชกร ฟังประโยคแบบนี้แล้วจึงไม่รอช้า ประกาศอีกครั้งทางเฟสบุคว่า ขอรับบริจาคยา หากยินดีส่งมาให้เรา เราจะรวบรวมไว้ให้ หากไม่สะดวกส่งมาเราจะเดินทางไปรับด้วยตัวเอง ภารกิจต่อมาของเราก็คือ ตระเวนรับยาจากหลายๆพื้นที่ ตามแต่ว่าจะมีที่ไหนยินดีบริจาคให้เราบ้าง เพื่อนๆเภสัชหลายท่านที่มีธุรกิจร้านยาให้การสนับสนุนเราด้วยยาเป็นจำนวนมาก มากมายเกินกว่าที่พวกเราคิดมาก



ครูได้สอบถามว่า จ่ายยาให้คนไข้ด้วยได้มั้ย .... ตามบทบาทหน้าที่ของเรา เราทำการรักษาไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นหมอ วิชาชีพเภสัชจะทำการตรวจรักษาคนไข้ไม่ได้ ไม่อยากทำบุญแล้วทำผิดกฎหมาย ด้วยความไม่สบายใจเราจึงลองประกาศรับสมัครหมออาสาร่วมเดินทางไปกับเราในครั้งนี้ผ่านทางทวิตเตอร์ คนก็ RT เยอะ แต่ก็เข้าใจมันอาจจะไปได้ไม่ทั่วถึง อีกทั้งเค้ายังไม่รู้จักเราด้วย ใครจะกล้าไปล่ะจริงมั้ย .... ทริปนี้จึงประกอบไปด้วยเภสัชกรทั้งสิ้น ๓ คนถ้วน เราคิดว่าเราคงจะทำเพียงแค่ประเมินอาการของโรคในเบื้องต้น และพิจารณาว่าเหมาะสมที่จะจ่ายยาอะไร ทำหน้าที่เหมือนเภสัชกรในร้านขายยาทั่วไป คงจะไม่ผิดในวิชาชีพเราก็เท่านั้น ....



ปัญหาอย่างนึงที่ต้องพยายามหาทางแก้ไขก็คือ เราจะต้องหารถ 4wd เพื่อรับเราและสิ่งของจากตัวเมืองอ.อมก๋อย เพื่อไปส่งเรายังพื้นที่ในต.สบโขง ในขั้นต้นเราลองประสานงานติดต่อไปยังหน่วยงานทหาร ทำเรื่องส่งหนังสือไปยังกองพลทหารราบที่ ๗ จังหวัดเชียงใหม่ ว่าท่านมีรถที่สามารถพาเราเข้าไปยังพื้นที่ได้หรือไม่ ทหารก็ได้โทรกลับมาบอกเราว่า ในพื้นที่ที่ทางคณะจะเข้าไปนั้นมีความลำบากเรื่องการเดินทางค่อนข้างมาก รถที่เค้ามีไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่นั้นได้แต่ทางเค้ายินที่ที่จะรับพวกเราจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปส่งยังตัวอำเภออมก๋อยในกรณีที่เราเดินทางไปด้วยรถสาธารณะ หรือเครื่องบิน แต่เผอิญว่าการเดินทางของพวกเรานั้นเราเช่ารถตู้จากกรุงเทพไปยังเชียงใหม่ เราจึงได้ขอบคุณทหาร และเปลี่ยนสถานที่ติดต่อ เราได้ติดต่อไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลสบโขง ติดต่อไปยังผู้อำนวยการ กศน.อมก๋อย รวมไปถึงนายอำเภอ อำเภออมก๋อย การประสานงานเรื่องรถยาวนานหลายอาทิตย์ จนในที่สุด เราได้รถที่จะมาช่วยเหลือจากอบต.สบโขง กราบของพระคุณมากๆค่ะ และทางครูนิเทศก์ประสานกับคนในพื้นที่เพื่อหารถเช่าให้เราเพิ่ม กว่าจะจบปัญหาเรื่องรถก็ใกล้วันเดินทางเข้ามามากแล้ว



วันเวลาล่วงเลยมาเรื่อยๆ เวลาก็ผ่านไปกับการรับสิ่งของบริจาคมารวบรวม เปลี่ยนเงินเป็นสิ่งของต่างๆที่จำเป็นสำหรับเด็กน้อยและคุณครู อาหารสำหรับชาวบ้าน เกลือก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับชีวิตคนบนดอย และสิ่งสำคัญของกิจกรรมเราตลอดมาก็คือผ้าห่ม พอเริ่มซื้อของปัญหาที่เราพบก็คือ การขนส่งปลาไปยังอ.อมก๋อยด้วยระบบห้องเย็นนั้นไม่สามารถทำได้ การซื้อของแต่ละชนิดเราประเมินสิ่งของนั้นๆในการเลือกบริษัทที่จะส่ง เช่น เราส่งผ้าห่มผ่านทางนิ่มซีเส็ง ผ้าห่มจะไปได้ถึงแค่ที่สาขากองลอยเท่านั้น ไม่มีการขนส่งไปยังตัวอำเภออมก๋อย  หากจะส่งปลาด้วยห้องเย็น ปลาจะเดินทางไปถึงแค่แยกแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ จากนั้นเราต้องจัดการนำปลาจากเชียงใหม่ไปยังอมก๋อยเอง งานยากก็มา เพราะว่าพวกเราตั้งต้นเดินทางจากกรุงเทพไปยังอมก๋อย ในเส้นทางการเดินทางนั้นเราไม่ย้อนไปยังตัวเมืองเชียงใหม่ และเราเดินทางด้วยรถตู้ มันคงจะไม่เหมาะหากจะเอาปลาทั้งหมดใส่ในรถตู้ เราจึงตัดสินใจประสานไปยังกองพลทหารราบที่ ๗ อีกครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือในการรับสิ่งของต่างๆจากนิ่มซีเส็ง สาขาแม่โจ้ เพื่อไปส่งให้เรายังกศน.อมก๋อยพื้นที่ที่เราจะใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทาง ทันทีที่ติดต่อไป ทางทหารก็ยินดีให้การสนับสนุนเรา เป็นอันว่าจบปัญหาเรื่องการขนส่งอาหาร



ของบริจาคที่เรารวบรวมได้นั้นมีจำนวนมากมายจริงๆค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

ประกอบไปด้วย เสื้อผ้า ของเล่น เครื่องเขียน หนังสืออ่านนอกเวลา สมุด เครื่องกีฬา



กลุ่มของยารักษาโรคก็มากมาย ครอบคลุมในกลุ่มการรักษาที่จำเป็น รวมทั้งยาสามัญประจำบ้าน



เกริ่นยาวเลยอะ เขียนมายาวก็เพราะว่าอยากจะจำความรู้สึกขณะนั้นๆไว้ให้มากที่สุด เอาล่ะ เริ่มเดินทางกันดีกว่า
เราเดินทางกันในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ นัดรวมตัวกันสองทุ่ม ในเช้าวันเดียวกันนั้นเราได้เดินทางไปรับปลาที่สั่ง และไปส่งยังนิ่มซีเส็งที่สาขามหาชัย เราส่งปลาจำนวน ๔๒๐ กก. เกลือ ๗๒๐ กก. ในรถของเราขณะนั้นในวันที่ไปส่งของที่ห้องเย็น มีลังหนังสือและเครื่องเขียนอยู่อีกสองลัง จึงได้สอบถามว่าส่งไปพร้อมกันได้มั้ย จนท.ก็บอกว่าถ้าสิ่งของนั้นไม่พังในขณะเดินทางด้วยอุณภูมิ 5 องศาก็ส่งได้ เราจึงประเมินจากของ ซึ่งเป็นหนังสือนอกเวลา สมุด และเครื่องเขียน เลยคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงส่งรวมไปเลย เพื่อลดภาระเราในการเดินทางอีกด้วย ส่วนผ้าห่มและสิ่งของอื่นๆที่ไม่ใช่อาหารนั้นเราส่งล่วงหน้าไปไว้ที่กองลอยหลายวันแล้ว ทั้งหมดจึงเดินทางไปถึงก่อนหน้าเราประมาณ1 อาทิตย์





ใครจะรู้ว่าจนกระทั่งวันเดินทางเรายังเดินสายรับของบริจาคอยู่เลย ของบริจาคมีหลั่งไหลเข้ามาในทุกๆวัน เราก็อยากที่จะรับของทั้งหมดเพื่อนำไปมอบให้กับผู้รับจริงๆ ของที่เรารับหลังจากจัดการส่งขนส่งไปทั้งหมดนั้น เราจำเป็นที่จะต้องจับมันอัดแน่นเข้าไปในรถตู้ที่เราใช้เดินทาง และแล้วเวลาแห่งการเดินทางก็มาถึง



ของทั้งหมดที่เราจะต้องขนไปด้วยนั้น หนักอึ้งเต็มแน่นในรถตู้ แต่ในที่สุดเราก็จับมันใส่รถมาหมดจนได้ ไม่ว่ามันจะอยู่ใต้เบาะที่เรานั่ง หรือที่ที่เราควรได้วางขา 5555

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่