ดูละครบางระจัน ตอนที่สไบโดดน้ำฆ่าตัวตายแล้วสงสารสไบจัง เข้าใจความรู้สึกเลยอะ เป็นความรักที่เจ็บปวดที่สุด T_T
... ดูละครแล้วย้อนดูตัว ...
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ในวันที่คนที่เรารักเขาหมดใจตัดสินใจเลิกกับเราอย่างเด็ดขาด ในขณะที่เราก็ยังไม่สามารถทำใจได้
เขาเคยบอกว่าจะเลิกกับเราหลายครั้ง แต่เราก็ยังยื้อเขาไว้
และแล้ววันหนึ่ง
เมื่อเขาบล็อกเบอร์ บล็อกเฟส บล็อกทุกอย่างไม่ให้เราติดต่อเขาได้
เราไปราชการที่อยุธยา ขากลับก็ซื้อโรตีสายไหมมาฝากเขา (ฝากยามที่หอเขาด้วย)
พอกลับมาเราก็รีบขับรถไปหาเขาที่หอ ใช้โทรศัพท์ข้างล่างหอ โทรขึ้นไปเบอร์ห้อง เขารับสาย
แต่พอได้ยินเสียงเราเขาก็วางสายและยกหูโทรศัพท์ออก
ในเมื่อติดต่อเขาไม่ได้ เราจึงเอาโรตีสายไหมฝากยามถุงนึงและฝากให้เขาถุงนึง
แต่แทนที่เราจะกลับ... เราไปนั่งรอในรถ น้ำตาไหลพรากทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองระเบียงห้อง มองจนเขาปิดไฟ เรานั่งร้องไห้ในรถอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้า
เรารอจนเขาลงมา พอเขาจะขับรถออกไปข้างนอกเราก็รีบวิ่งไปที่รถเขา นั่งลงแล้วเอาเท้าสอดเข้าไปใต้ท้องรถ ถ้าเขาขับออกไปก็ทับขาเราหักแน่ๆอะ เขาก็ทำเป็นไม่สนใจเรา (แบบว่าอยากจะนั่งก็นั่งไป เขานั่งในรถสบายๆอยู่แระ) คงอยากจะตัดขาดจากเราจริงๆ ยื้ออยู่นานจนเริ่มมีสติ เริ่มอาย ร้อนด้วย แดดเปรี้ยงๆเลย เราก็บอกให้เขาลงมาคุยกันก่อน เขาก็ลงมาคุย ไปนั่งคุยกันหลังรถนั่นแหละ เขาก็ขำว่าเราเป็นบ้าหรือเปล่า เรานี่ขำไม่ออกอะอายมากกว่า อายมาจนถึงทุกวันนี้เลย
นอกจากนี้ เรายังทำเรื่องงี่เง่าหลายอย่างที่ ณ ตอนนั้น ใจนึงก็บอกว่าไม่สมควรทำ แต่อีกใจกลับบอกว่าไหนๆเขาก็ไม่รักแล้วทำให้เขาเกลียดไปเลยสะใจดี
เป็นประสบการณ์ เป็นความทรงจำที่เจ็บดีเหมือนกัน ต้องขอบคุณที่เรามีแม่ (ชีวิตนี้ถ้าจะมีดีซักหนึ่งเรื่องก็คงเป็นเรื่องที่ทุกวันนี้มีเงินเดือนส่งให้แม่ทุกเดือน) ถ้าตัวคนเดียวนี่อาจจะมีฆ่าตัวตายเหมือนพี่สไบในละครบางระจันไปแล้วแน่ๆ 555 ตลกดีเน๊อะ...ชีวิต
ฉันถูกคนที่ฉันรักที่สุดทรยศ แล้วฉันจะอยู่ยังไง?
... ดูละครแล้วย้อนดูตัว ...
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ในวันที่คนที่เรารักเขาหมดใจตัดสินใจเลิกกับเราอย่างเด็ดขาด ในขณะที่เราก็ยังไม่สามารถทำใจได้
เขาเคยบอกว่าจะเลิกกับเราหลายครั้ง แต่เราก็ยังยื้อเขาไว้
และแล้ววันหนึ่ง
เมื่อเขาบล็อกเบอร์ บล็อกเฟส บล็อกทุกอย่างไม่ให้เราติดต่อเขาได้
เราไปราชการที่อยุธยา ขากลับก็ซื้อโรตีสายไหมมาฝากเขา (ฝากยามที่หอเขาด้วย)
พอกลับมาเราก็รีบขับรถไปหาเขาที่หอ ใช้โทรศัพท์ข้างล่างหอ โทรขึ้นไปเบอร์ห้อง เขารับสาย
แต่พอได้ยินเสียงเราเขาก็วางสายและยกหูโทรศัพท์ออก
ในเมื่อติดต่อเขาไม่ได้ เราจึงเอาโรตีสายไหมฝากยามถุงนึงและฝากให้เขาถุงนึง
แต่แทนที่เราจะกลับ... เราไปนั่งรอในรถ น้ำตาไหลพรากทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองระเบียงห้อง มองจนเขาปิดไฟ เรานั่งร้องไห้ในรถอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้า
เรารอจนเขาลงมา พอเขาจะขับรถออกไปข้างนอกเราก็รีบวิ่งไปที่รถเขา นั่งลงแล้วเอาเท้าสอดเข้าไปใต้ท้องรถ ถ้าเขาขับออกไปก็ทับขาเราหักแน่ๆอะ เขาก็ทำเป็นไม่สนใจเรา (แบบว่าอยากจะนั่งก็นั่งไป เขานั่งในรถสบายๆอยู่แระ) คงอยากจะตัดขาดจากเราจริงๆ ยื้ออยู่นานจนเริ่มมีสติ เริ่มอาย ร้อนด้วย แดดเปรี้ยงๆเลย เราก็บอกให้เขาลงมาคุยกันก่อน เขาก็ลงมาคุย ไปนั่งคุยกันหลังรถนั่นแหละ เขาก็ขำว่าเราเป็นบ้าหรือเปล่า เรานี่ขำไม่ออกอะอายมากกว่า อายมาจนถึงทุกวันนี้เลย
นอกจากนี้ เรายังทำเรื่องงี่เง่าหลายอย่างที่ ณ ตอนนั้น ใจนึงก็บอกว่าไม่สมควรทำ แต่อีกใจกลับบอกว่าไหนๆเขาก็ไม่รักแล้วทำให้เขาเกลียดไปเลยสะใจดี
เป็นประสบการณ์ เป็นความทรงจำที่เจ็บดีเหมือนกัน ต้องขอบคุณที่เรามีแม่ (ชีวิตนี้ถ้าจะมีดีซักหนึ่งเรื่องก็คงเป็นเรื่องที่ทุกวันนี้มีเงินเดือนส่งให้แม่ทุกเดือน) ถ้าตัวคนเดียวนี่อาจจะมีฆ่าตัวตายเหมือนพี่สไบในละครบางระจันไปแล้วแน่ๆ 555 ตลกดีเน๊อะ...ชีวิต