ผมเคยเชื่อในความรักครับ...และคิดว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่เพื่อเป็นคนดี จริงอยู่เมื่อก่อนผมเคยทำตัวแย่ๆๆๆ มาก่อน
แต่กับความรักครั้งนี้ เมื่อตอนผมอายุ22 ผมรู้ตัวแล้ว ว่าผมอยากเป็นคนดีเพื่อคนๆนี้ คนที่จะอยู่ข้างๆผมไปตลอด
เมื่อ10ปีที่แล้ว ผมเป็นเด็กที่เรียนไม่จบ ตัวคนเดียว ใช้ชีวิต วันต่อวัน ไปเรื่อยๆ คิดแต่ว่า สักวัน...เราคงมีโอกาสดีดี
แต่ผมก็ไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน
จนกระทั้งผมได้มาเจอ คนๆนึง เราเริ่มจากเป็นเพื่อนร่วมงานกันครับ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นเกย์ และผมก็ไม่เคยบอกใครว่าผมเป็น
เราสองคนไปไหนด้วยกัน เหมือนปาต๋องโก๋ ครับ...ทำงานนั้งมองหน้ากัน กินข้าวเที่ยงด้วยกัน เลิกงานก็ไปกินเหล้ากัน ใช้ชีวิตแบบนี้มา 1ปี
(ผมแอบรับช่วงนี้ไป1ปีนะครับ) ผมรู้แต่ว่าผมไปไหน อยากให้มันไปด้วยเสมอ เมาไหน ต้องเห็นหน้ามัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะรักมันเป็นแฟน
จนกระทั้งวันนึงผมได้เจอ เกย์คนนึง ผมตัดสินใจเรียนรู้คบเขา ซึ่งเพื่อนผมคนนี้ก็เริ่มสังเกตุพฤกติกรรมแปลกๆของผม จนกระทั้งวันนึง จำได้ว่าผมเมามาก
มันก็ดูแลผมดีเช่นเคย และ มันก็ไปนอนบ้านผมเหมอืนเช่นเคย แต่คืนนี้มันมาแปลก .... มันทำสิ่งที่ผมไม่อยากเชื่อ อยู่ๆมันมากอดผม แน่นมากก
ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากมัน ผมหันหน้าจะไปถาม "เฮ้ย เมิงเป็นอะไรวะ สาดด" แต่พูดได้แค่คำนี้เท่านั้นละ เขาก็เอาปากปิดปากผมทันที
_____XXXX____
เช้าวันขึ้นมา ผมทำตัวไม่ถูกครับ นั้งเรือเจ้าพระยาไปทำงานด้วยกัน จำได้เลยว่าผมนิ่งไป ผมคิดๆๆๆ เอาไงดีวะงานเข้า
ผมห่างจากเพื่อนไอ้ตัวดีของผมไปสักพัก มันก็ยังคงแอบมองผมอยู่แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ผม
แต่สิ่งที่ผมหายไปทำคือ ผมไปบอกเลิกคนที่ผมกำลังจะคบด้วย จากนั้นผมก็กลับมาหาเพื่อนตัวดีของผม และ สิ่งที่ผมถามคือ
"วันนั้นเมิงทำกับกูแบบนั้นทำไม" "เมิงชอบกูหรอ" เพื่อนผมพยักหน้า 2ที แล้วเงียบ
ผมก็เลยพูดว่า "เออ กูจะดูแลเมิงเอง"
สมองผมสั่งการแต่ว่า ผมไม่รู้ว่ารักเพื่อนผมไหม แต่ผมรู้จักนิสัยมันดีมากๆ และก็คิดว่าผมคงเป็นผู้ชายคนแรกที่มันกอดและจูบ
สิ่งที่มันทำ มาจากใจที่ไม่อยากให้ผมจากไป...... ผมเลยเริ่มเรียนรู้จะรัก ผู้ชายคนนี้
เวลาผ่านไป เราสองคนก็ย้ายจากบ้านออกมาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน แรกๆก็มีทะเลาะกันบ้าง แต่น้อยครับ
เรายังคงทำงานที่เดียวกัน ไปไหนไปด้วยกัน มันเป็นระดับหัวหน้า ผมยังเป็นลูกน้อง เพื่อนยังคงไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
เวลาผ่านไปอีก3 ปี (รวมเป็น4ปีละ)
ผมตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อนประกอบธุรกิจส่วนตัว ผมอยากให้ที่บ้านแฟนผมยอมรับผมได้ (ผมรู้ว่าครอบครัวเขามองผมเป็นเพื่อน แต่ผมก็มองไกลๆยังไงผมก็ไม่อยากเป็นคนกระโหลกกระลา) แต่การตัดสินใจที่ผม ทิ้งงานประจำออกมาทำมันผิดพลาดครับ แถมผมก็เลี้ยงหมาน้อยๆด้วยอีกตัว
ชีวิตตอนนั้นผมแทบพัง ล้มลุกคลุกงาน แฟนผมก็ยังประคอง หาเงินมาช่วยผม ดูแลผม เป็นอย่างดี จนผมตัดสินใจปิดกิจการ
ผมพูดกับแฟนผมคำนึงในวันที่ผมเห็นเขารีบกลับมาจากงานประจำมาช่วยงานที่ร้านผมอย่างเหน็ดเหนื่อย
"เฮ้ย...เมิงรอกูก่อนนะ วันนี้กูอาจจะไม่ดีพอ แต่อีกไม่นาน เมิงทนหน่อย กูจะทำเพื่อเมิง จะมีทุกอย่างเพื่อเมิงนะโว้ย"
ผมจำได้ว่า ผมรีบไปช่วยมันล้างจาน เราสองคนนั้งร้องไห้กัน *ผมโครตโชคดีเลย ที่มีแฟนดีดีแบบนี้ดูแลผม
ครับผมปิดกิจการ ผมมีหมาตัวนึงต้องดูแล ผมเหลือเงินนิดเดียว....แต่ผมดื้อไม่ยอมทิ้งหมาที่ผมเลี้ยง ผมเลือกจะดุแลมัน เป็นเหตุผลข้อเดียวของผมคือ
"ชีวิตผมเคยเจอแม่ทิ้งมาตั้งแต่เด็ก ผมจะไม่ทิ้งมัน จะลำบากก็ลำบากด้วยกัน" ผมตั้งใจของผมแบบนี้
เรากลับมาเช่าห้องเล็กๆที่เดิม ที่เคยอยู่สมัยทำงานด้วยกัน เจ้าของใจดีให้เลี้ยงหมาได้ครับ ผมตัดสินใจเลือกทำงาน เป็นพนักงานเปิดปิดประตูในโรงแรม
(door man) เพราะคิดว่าคงหางานง่ายดี และก็เลือกโรงแรมเล็กๆทำ แต่ฝ่ายบุคคลตาดี ส่งผมไปทำเซล
ผมตั้งใจทำงานมากๆครับ มากเสียจนผมลืมตัวเอง ผมใช้เวลาการทำงานโรงแรมอีก3ปี (ตอนนี้ก็ประมาณ7-8ปีละครับ)
และผมก็ทำสิ่งที่ผมอยากทำได้คือ ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดโรงแรมใหญ่ โรงแรมนึง มันเท่มากคร้าบ การเงินผมดีขึ้น ชีวิตผมดีขึ้นผมเริ่มจ่ายหนี้สินของผมที่เคยมีตอนทำร้าน
แต่ตอนนั้นผมลืม ผมลืมตัวเองครับ ผมลืมดูแลแฟน....ผมกลับดึก ทำแต่งานเพียงหวังว่าจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นและรักษาสัญญาที่ผมเคยพูดไว้ให้ได้
สมองผมมันจำแค่คำๆนั้นและทุกวันที่ผมทำงานผมก็ทำ คนอื่นออกหาลูกค้าวันละ5เจ้า ผมไป10เจ้า คนอื่นเลิกงาน 5โมง ผมเลิก2ทุ่ม
ผมทำทุกอย่างมากกว่าคนอืนๆ
แต่บทสรุปที่ผมได้รับคือแฟนผมมีกิ๊กครับ ผมจับได้ เขาคบกันมา1ปี ในช่วงที่ผมทำงานหนักๆ แฟนผมให้เหตุผลว่า ผมไม่ได้ดูแลเขาเลย
และผมก็ไม่เคยโทษผิดใคร ผมโทษตัวเองครับ ผมให้เขาเลือกจะทำไงกันต่อไป ผมยอมหมด... แต่แฟนผมก็เลือกผม
จากนั้นมาเราคบกันต่ออีก 3ปี เราดูแลกันมากขึ้น ไปไหนกันมากขึ้น เริ่มไปตปท. ตจว. ไปทุกอย่างที่อยากไป ผมบอกแฟนผมประจำว่า ผมอยากทำอะไรกับแฟนผมเยอะๆเท่าที่เวลาผมมี และผมก็เริ่มทำมัน แต่ติดอยู่ข้อนึงครับ จากเหตุการณ์ที่แฟนผมมีคนใหม่ เราไม่สามารถมีอะไรกันได้เหมือนเดิม
เรายังคงกอดกัน ดูแลกัน หอมกันเหมอืนคู่รัก แต่เราไม่มีอะไรกันเลย...นั้นคือฉนวนใช้ไหม???
ผมรู้มาตลอดครับ ว่ามีปัญหาระหว่างความรักของเรา แต่ก็คิดว่า เราจะจับมือกันไปแบบนี้ตามคำสัญญาที่ผมเคยพูดไว้ ผมยังดูแลแฟนผมไม่ดีเลย
ผมต้องทำอะไรอีกมากมาย ผมรู้แค่นี้
ผมตัดสินใจว่าถ้าผมไม่เสียงทำอะไรสักอย่าง เราจะอยู่กันแบบนี้ไม่ได้ เมื่อผมล้างหนี้สินผมเสร็จผมก็ตัดสินใจซื้อรถ เพื่อที่จะได้พาแฟนผมไปไหนง่ายขึ้น
และผมก็ตัดสินใจซื้อบ้าน ผมเลือกบ้านใกล้ๆบ้านแฟน เพียงเพราะอยากให้เขาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ทุกบ้านแฟนผมยินดี ดีใจกับผมทุกคน โดยผมไม่รู้เลยว่า ผมกำลังเลือกทางผิด
หลังจากที่ผมเข้าอยู่บ้านใหม่ได้15 วัน แม่แฟนผมช่วงหลังๆแกเป็นร่างทรงครับ และ ปู่ฤาษีที่เป็นองค์ของแม่ (ผมไม่อยากเล่ามา เป็นเรื่องความเชื่อครับ)
ก็เข้าร่างแม่แฟนทุกวัน ให้แฟนผมกลับบ้านๆๆ แฟนผมกดดันมาก จนแฟนผมมาขอผมกลับบ้าน ผมจำได้ว่า ผมอึ้งไปเลยคร้าบแต่ผมก็ช่วยแฟนผมเก็บของและไปส่งถึงบ้าน ทุกคนในบ้านยินดีที่แฟนผมกลับไป แต่ผมละ......ผมต้องฝืนยิ้ม และก็พูดอะไรไม่ได้ เรียกร้องอะไรไม่ได้
ผมเข้าวัดบ่อยมากครับ หลังจากนั้น ผมถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดผมทำอะไรผิด ผมทำผิดอะไร 11 ปีที่เรารักกันไม่มีวันไหนที่ผมไม่ประหยัด ไม่มีวันไหนที่ผมไม่พยายามทำอนาคตเราให้ดีขึ้น และตอนนี้ผม ยืนเทียบเท่าแฟนผมแล้ว ฐานะผมจะเท่าแฟนผมแล้ว ผมพิสูตรตัวเองแล้วรึเปล่า
อะไรที่ไม่เป็นที่ยอมรับ อะไรที่ผมทำพลาดไป ทำไมทำลายเวลาดีดีของเรา เรากำลังจะแก้ไขสิ่งต่างๆแล้วรึเปล่า ผมถามแบบนี้ตลอด นั้งร้องไห้หน้าบ้านกะหมาของผมที่ผมไม่เคยปล่อยมือจากมันไป ทุกวัน แฟนผมไม่มาเยี่ยมผมเลย เป็นเวลา2เดือน ผมตัดสินใจลาออกจากงานโรงแรม เพราะผมอยากดีขึ้นกว่าเดิม ผมอยากทำงานมากๆ ผมไม่รู้ผมเลือกทางผิดไหม แต่ตอนนี้ผมต้องดูแลชีวิตตัวเองดีดี ผมไม่มีแฟนคอยให้คำปรึกษา หรือช่วยเหลือเหมือนก่อน
มันเป็นทางเดิน ที่ผมต้องเดินคนเดียว.... กะบ้าน และ รถ ที่ผมตั้งใจจะมีให้แฟนผมมาตลอด
สำหรับเกย์ ผมไม่รู้ว่าจะทำไงให้โลกยอมรับ ผมตีความของผมเองว่า ถ้าเรามี เราเป็นคนดี เรามีอนาคต ผู้ใหญ่คงจะยอมรับในตัวเรา
วันแรกที่แม่แฟนผมเจอผม ท่านพูดว่า "นี้มีเพื่อนติดยา หรือ ลูก" แต่วันนี้ผมมีครบแล้วนะครับ ทำไมยังไม่ยอมรับผมอีก???
เดือนที่ 3 แฟนผมติดต่อมาเหมือนจะคิดถึงผมมากๆ แฟนผมเล่าให้ผมฟังว่า หลายๆครั้งจะติดต่อผม จะมาหาผม แต่ทุกครั้งที่กำลังจะมาหา ปูฤาษีประทับร่างตลอด บอกว่าจะไปไหน ไม่ให้ไป อย่าเจอผม และก็บอกว่าผมเล่นของใส่แฟนผม
หึหึหึ ผมได้แต่หัวเราะ และพูดว่าไม่เป็นไร ผมทำอะไร แฟนผมรู้ดี และผมเชื่อแฟนผมรู้ดี ผมบอกแฟนผมว่า ปล่อยมือผมเหอะผมไม่รู้จะสู้อะไรได้อีกแล้ว
ผมพิสูตรตัวเองมา11ปี ผมทำได้ แต่กับสิ่งที่ผมไม่รู้ผมคงสู้อะไรไม่ได้ ถ้าแฟนผมไม่ร่วมสู้ไปกับผม
แฟนผมบอกว่าเขาอยากสู้อยากดูแลผม แต่ปู่ฤาษีบอกว่าถ้าอยู่กับผมชีวิตจะมีอันตราย....
ผมไม่มีคำตอบอะไร และไม่รู้จะทำอะไรได้อีก ได้แต่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ^U^
หลังจากนั้นเราก็ Line คุยกันแทนการโทร ได้เจอกันกะเพื่อนๆในกลุ่มเดือนละครั้ง
แฟนผม เอะ เรียกว่าแฟนเก่าผมดีกว่า เขาก็แวะมาหาผมและหมาของเรา ทุกวันเสาร์ วันละแป๊บๆ แค่นั้นผมก็ดีใจแล้ว
ผมปลื้มใจทุกครั้งที่เห็นเขาเล่นกะหมาของเรา เขายังคงซื้อของกินที่ผมชอบมาให้ผมกิน ผมไม่ซื้อคลีมทาหน้ามาใช้เพราะประหยัด เขาก็หาซื้อมาให้
ตอนนี้เราแยกก้นอยู่มาได้ 6 เดือนแล้วครับ
ผมรู้แล้วว่าเราควรจะเป็นเพื่อนทีดีต่อกัน นั้นคือทางที่ดีที่สุดที่แม่แฟนผมเลือกให้ผม ผมยอมรับมันครับและผมก็ได้พูดกับแฟนผมคำนึงว่า
"อย่างน้อยก็ดีกว่าเรา ต้องตายจากกันไปใช้ไหม"
ขอให้ทุกคนเชื่อในความรักครับ
แต่สำหรับผม *ความรักของเกย์แบบสมบูรณ์ที่ไม่เลิกกันเหมือนคนปกติ ช-ญ ไม่มีจริงอยู่ในหัวใจผม แต่ผมก็ยังเชื่อว่าความรักที่ดีดี เกิดขึ้นได้กับผมอีกครั้งแน่นอน ผมคงไม่ต้องอยู่คนเดียว ถ้าผมยังยึดมันในความดี ตั้งใจทำมาหากิน เหมือนเดิม*
บทสรุปของความรัก 11ปีของผม (ช-ช)คือแบบนี้หรอ??? โลกแตกยับ ลองอ่านดูนะครับ สาบานนี้ละชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย
แต่กับความรักครั้งนี้ เมื่อตอนผมอายุ22 ผมรู้ตัวแล้ว ว่าผมอยากเป็นคนดีเพื่อคนๆนี้ คนที่จะอยู่ข้างๆผมไปตลอด
เมื่อ10ปีที่แล้ว ผมเป็นเด็กที่เรียนไม่จบ ตัวคนเดียว ใช้ชีวิต วันต่อวัน ไปเรื่อยๆ คิดแต่ว่า สักวัน...เราคงมีโอกาสดีดี
แต่ผมก็ไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน
จนกระทั้งผมได้มาเจอ คนๆนึง เราเริ่มจากเป็นเพื่อนร่วมงานกันครับ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นเกย์ และผมก็ไม่เคยบอกใครว่าผมเป็น
เราสองคนไปไหนด้วยกัน เหมือนปาต๋องโก๋ ครับ...ทำงานนั้งมองหน้ากัน กินข้าวเที่ยงด้วยกัน เลิกงานก็ไปกินเหล้ากัน ใช้ชีวิตแบบนี้มา 1ปี
(ผมแอบรับช่วงนี้ไป1ปีนะครับ) ผมรู้แต่ว่าผมไปไหน อยากให้มันไปด้วยเสมอ เมาไหน ต้องเห็นหน้ามัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะรักมันเป็นแฟน
จนกระทั้งวันนึงผมได้เจอ เกย์คนนึง ผมตัดสินใจเรียนรู้คบเขา ซึ่งเพื่อนผมคนนี้ก็เริ่มสังเกตุพฤกติกรรมแปลกๆของผม จนกระทั้งวันนึง จำได้ว่าผมเมามาก
มันก็ดูแลผมดีเช่นเคย และ มันก็ไปนอนบ้านผมเหมอืนเช่นเคย แต่คืนนี้มันมาแปลก .... มันทำสิ่งที่ผมไม่อยากเชื่อ อยู่ๆมันมากอดผม แน่นมากก
ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากมัน ผมหันหน้าจะไปถาม "เฮ้ย เมิงเป็นอะไรวะ สาดด" แต่พูดได้แค่คำนี้เท่านั้นละ เขาก็เอาปากปิดปากผมทันที
_____XXXX____
เช้าวันขึ้นมา ผมทำตัวไม่ถูกครับ นั้งเรือเจ้าพระยาไปทำงานด้วยกัน จำได้เลยว่าผมนิ่งไป ผมคิดๆๆๆ เอาไงดีวะงานเข้า
ผมห่างจากเพื่อนไอ้ตัวดีของผมไปสักพัก มันก็ยังคงแอบมองผมอยู่แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ผม
แต่สิ่งที่ผมหายไปทำคือ ผมไปบอกเลิกคนที่ผมกำลังจะคบด้วย จากนั้นผมก็กลับมาหาเพื่อนตัวดีของผม และ สิ่งที่ผมถามคือ
"วันนั้นเมิงทำกับกูแบบนั้นทำไม" "เมิงชอบกูหรอ" เพื่อนผมพยักหน้า 2ที แล้วเงียบ
ผมก็เลยพูดว่า "เออ กูจะดูแลเมิงเอง"
สมองผมสั่งการแต่ว่า ผมไม่รู้ว่ารักเพื่อนผมไหม แต่ผมรู้จักนิสัยมันดีมากๆ และก็คิดว่าผมคงเป็นผู้ชายคนแรกที่มันกอดและจูบ
สิ่งที่มันทำ มาจากใจที่ไม่อยากให้ผมจากไป...... ผมเลยเริ่มเรียนรู้จะรัก ผู้ชายคนนี้
เวลาผ่านไป เราสองคนก็ย้ายจากบ้านออกมาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน แรกๆก็มีทะเลาะกันบ้าง แต่น้อยครับ
เรายังคงทำงานที่เดียวกัน ไปไหนไปด้วยกัน มันเป็นระดับหัวหน้า ผมยังเป็นลูกน้อง เพื่อนยังคงไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
เวลาผ่านไปอีก3 ปี (รวมเป็น4ปีละ)
ผมตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อนประกอบธุรกิจส่วนตัว ผมอยากให้ที่บ้านแฟนผมยอมรับผมได้ (ผมรู้ว่าครอบครัวเขามองผมเป็นเพื่อน แต่ผมก็มองไกลๆยังไงผมก็ไม่อยากเป็นคนกระโหลกกระลา) แต่การตัดสินใจที่ผม ทิ้งงานประจำออกมาทำมันผิดพลาดครับ แถมผมก็เลี้ยงหมาน้อยๆด้วยอีกตัว
ชีวิตตอนนั้นผมแทบพัง ล้มลุกคลุกงาน แฟนผมก็ยังประคอง หาเงินมาช่วยผม ดูแลผม เป็นอย่างดี จนผมตัดสินใจปิดกิจการ
ผมพูดกับแฟนผมคำนึงในวันที่ผมเห็นเขารีบกลับมาจากงานประจำมาช่วยงานที่ร้านผมอย่างเหน็ดเหนื่อย
"เฮ้ย...เมิงรอกูก่อนนะ วันนี้กูอาจจะไม่ดีพอ แต่อีกไม่นาน เมิงทนหน่อย กูจะทำเพื่อเมิง จะมีทุกอย่างเพื่อเมิงนะโว้ย"
ผมจำได้ว่า ผมรีบไปช่วยมันล้างจาน เราสองคนนั้งร้องไห้กัน *ผมโครตโชคดีเลย ที่มีแฟนดีดีแบบนี้ดูแลผม
ครับผมปิดกิจการ ผมมีหมาตัวนึงต้องดูแล ผมเหลือเงินนิดเดียว....แต่ผมดื้อไม่ยอมทิ้งหมาที่ผมเลี้ยง ผมเลือกจะดุแลมัน เป็นเหตุผลข้อเดียวของผมคือ
"ชีวิตผมเคยเจอแม่ทิ้งมาตั้งแต่เด็ก ผมจะไม่ทิ้งมัน จะลำบากก็ลำบากด้วยกัน" ผมตั้งใจของผมแบบนี้
เรากลับมาเช่าห้องเล็กๆที่เดิม ที่เคยอยู่สมัยทำงานด้วยกัน เจ้าของใจดีให้เลี้ยงหมาได้ครับ ผมตัดสินใจเลือกทำงาน เป็นพนักงานเปิดปิดประตูในโรงแรม
(door man) เพราะคิดว่าคงหางานง่ายดี และก็เลือกโรงแรมเล็กๆทำ แต่ฝ่ายบุคคลตาดี ส่งผมไปทำเซล
ผมตั้งใจทำงานมากๆครับ มากเสียจนผมลืมตัวเอง ผมใช้เวลาการทำงานโรงแรมอีก3ปี (ตอนนี้ก็ประมาณ7-8ปีละครับ)
และผมก็ทำสิ่งที่ผมอยากทำได้คือ ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดโรงแรมใหญ่ โรงแรมนึง มันเท่มากคร้าบ การเงินผมดีขึ้น ชีวิตผมดีขึ้นผมเริ่มจ่ายหนี้สินของผมที่เคยมีตอนทำร้าน
แต่ตอนนั้นผมลืม ผมลืมตัวเองครับ ผมลืมดูแลแฟน....ผมกลับดึก ทำแต่งานเพียงหวังว่าจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นและรักษาสัญญาที่ผมเคยพูดไว้ให้ได้
สมองผมมันจำแค่คำๆนั้นและทุกวันที่ผมทำงานผมก็ทำ คนอื่นออกหาลูกค้าวันละ5เจ้า ผมไป10เจ้า คนอื่นเลิกงาน 5โมง ผมเลิก2ทุ่ม
ผมทำทุกอย่างมากกว่าคนอืนๆ
แต่บทสรุปที่ผมได้รับคือแฟนผมมีกิ๊กครับ ผมจับได้ เขาคบกันมา1ปี ในช่วงที่ผมทำงานหนักๆ แฟนผมให้เหตุผลว่า ผมไม่ได้ดูแลเขาเลย
และผมก็ไม่เคยโทษผิดใคร ผมโทษตัวเองครับ ผมให้เขาเลือกจะทำไงกันต่อไป ผมยอมหมด... แต่แฟนผมก็เลือกผม
จากนั้นมาเราคบกันต่ออีก 3ปี เราดูแลกันมากขึ้น ไปไหนกันมากขึ้น เริ่มไปตปท. ตจว. ไปทุกอย่างที่อยากไป ผมบอกแฟนผมประจำว่า ผมอยากทำอะไรกับแฟนผมเยอะๆเท่าที่เวลาผมมี และผมก็เริ่มทำมัน แต่ติดอยู่ข้อนึงครับ จากเหตุการณ์ที่แฟนผมมีคนใหม่ เราไม่สามารถมีอะไรกันได้เหมือนเดิม
เรายังคงกอดกัน ดูแลกัน หอมกันเหมอืนคู่รัก แต่เราไม่มีอะไรกันเลย...นั้นคือฉนวนใช้ไหม???
ผมรู้มาตลอดครับ ว่ามีปัญหาระหว่างความรักของเรา แต่ก็คิดว่า เราจะจับมือกันไปแบบนี้ตามคำสัญญาที่ผมเคยพูดไว้ ผมยังดูแลแฟนผมไม่ดีเลย
ผมต้องทำอะไรอีกมากมาย ผมรู้แค่นี้
ผมตัดสินใจว่าถ้าผมไม่เสียงทำอะไรสักอย่าง เราจะอยู่กันแบบนี้ไม่ได้ เมื่อผมล้างหนี้สินผมเสร็จผมก็ตัดสินใจซื้อรถ เพื่อที่จะได้พาแฟนผมไปไหนง่ายขึ้น
และผมก็ตัดสินใจซื้อบ้าน ผมเลือกบ้านใกล้ๆบ้านแฟน เพียงเพราะอยากให้เขาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ทุกบ้านแฟนผมยินดี ดีใจกับผมทุกคน โดยผมไม่รู้เลยว่า ผมกำลังเลือกทางผิด
หลังจากที่ผมเข้าอยู่บ้านใหม่ได้15 วัน แม่แฟนผมช่วงหลังๆแกเป็นร่างทรงครับ และ ปู่ฤาษีที่เป็นองค์ของแม่ (ผมไม่อยากเล่ามา เป็นเรื่องความเชื่อครับ)
ก็เข้าร่างแม่แฟนทุกวัน ให้แฟนผมกลับบ้านๆๆ แฟนผมกดดันมาก จนแฟนผมมาขอผมกลับบ้าน ผมจำได้ว่า ผมอึ้งไปเลยคร้าบแต่ผมก็ช่วยแฟนผมเก็บของและไปส่งถึงบ้าน ทุกคนในบ้านยินดีที่แฟนผมกลับไป แต่ผมละ......ผมต้องฝืนยิ้ม และก็พูดอะไรไม่ได้ เรียกร้องอะไรไม่ได้
ผมเข้าวัดบ่อยมากครับ หลังจากนั้น ผมถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดผมทำอะไรผิด ผมทำผิดอะไร 11 ปีที่เรารักกันไม่มีวันไหนที่ผมไม่ประหยัด ไม่มีวันไหนที่ผมไม่พยายามทำอนาคตเราให้ดีขึ้น และตอนนี้ผม ยืนเทียบเท่าแฟนผมแล้ว ฐานะผมจะเท่าแฟนผมแล้ว ผมพิสูตรตัวเองแล้วรึเปล่า
อะไรที่ไม่เป็นที่ยอมรับ อะไรที่ผมทำพลาดไป ทำไมทำลายเวลาดีดีของเรา เรากำลังจะแก้ไขสิ่งต่างๆแล้วรึเปล่า ผมถามแบบนี้ตลอด นั้งร้องไห้หน้าบ้านกะหมาของผมที่ผมไม่เคยปล่อยมือจากมันไป ทุกวัน แฟนผมไม่มาเยี่ยมผมเลย เป็นเวลา2เดือน ผมตัดสินใจลาออกจากงานโรงแรม เพราะผมอยากดีขึ้นกว่าเดิม ผมอยากทำงานมากๆ ผมไม่รู้ผมเลือกทางผิดไหม แต่ตอนนี้ผมต้องดูแลชีวิตตัวเองดีดี ผมไม่มีแฟนคอยให้คำปรึกษา หรือช่วยเหลือเหมือนก่อน
มันเป็นทางเดิน ที่ผมต้องเดินคนเดียว.... กะบ้าน และ รถ ที่ผมตั้งใจจะมีให้แฟนผมมาตลอด
สำหรับเกย์ ผมไม่รู้ว่าจะทำไงให้โลกยอมรับ ผมตีความของผมเองว่า ถ้าเรามี เราเป็นคนดี เรามีอนาคต ผู้ใหญ่คงจะยอมรับในตัวเรา
วันแรกที่แม่แฟนผมเจอผม ท่านพูดว่า "นี้มีเพื่อนติดยา หรือ ลูก" แต่วันนี้ผมมีครบแล้วนะครับ ทำไมยังไม่ยอมรับผมอีก???
เดือนที่ 3 แฟนผมติดต่อมาเหมือนจะคิดถึงผมมากๆ แฟนผมเล่าให้ผมฟังว่า หลายๆครั้งจะติดต่อผม จะมาหาผม แต่ทุกครั้งที่กำลังจะมาหา ปูฤาษีประทับร่างตลอด บอกว่าจะไปไหน ไม่ให้ไป อย่าเจอผม และก็บอกว่าผมเล่นของใส่แฟนผม
หึหึหึ ผมได้แต่หัวเราะ และพูดว่าไม่เป็นไร ผมทำอะไร แฟนผมรู้ดี และผมเชื่อแฟนผมรู้ดี ผมบอกแฟนผมว่า ปล่อยมือผมเหอะผมไม่รู้จะสู้อะไรได้อีกแล้ว
ผมพิสูตรตัวเองมา11ปี ผมทำได้ แต่กับสิ่งที่ผมไม่รู้ผมคงสู้อะไรไม่ได้ ถ้าแฟนผมไม่ร่วมสู้ไปกับผม
แฟนผมบอกว่าเขาอยากสู้อยากดูแลผม แต่ปู่ฤาษีบอกว่าถ้าอยู่กับผมชีวิตจะมีอันตราย....
ผมไม่มีคำตอบอะไร และไม่รู้จะทำอะไรได้อีก ได้แต่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ^U^
หลังจากนั้นเราก็ Line คุยกันแทนการโทร ได้เจอกันกะเพื่อนๆในกลุ่มเดือนละครั้ง
แฟนผม เอะ เรียกว่าแฟนเก่าผมดีกว่า เขาก็แวะมาหาผมและหมาของเรา ทุกวันเสาร์ วันละแป๊บๆ แค่นั้นผมก็ดีใจแล้ว
ผมปลื้มใจทุกครั้งที่เห็นเขาเล่นกะหมาของเรา เขายังคงซื้อของกินที่ผมชอบมาให้ผมกิน ผมไม่ซื้อคลีมทาหน้ามาใช้เพราะประหยัด เขาก็หาซื้อมาให้
ตอนนี้เราแยกก้นอยู่มาได้ 6 เดือนแล้วครับ
ผมรู้แล้วว่าเราควรจะเป็นเพื่อนทีดีต่อกัน นั้นคือทางที่ดีที่สุดที่แม่แฟนผมเลือกให้ผม ผมยอมรับมันครับและผมก็ได้พูดกับแฟนผมคำนึงว่า
"อย่างน้อยก็ดีกว่าเรา ต้องตายจากกันไปใช้ไหม"
ขอให้ทุกคนเชื่อในความรักครับ
แต่สำหรับผม *ความรักของเกย์แบบสมบูรณ์ที่ไม่เลิกกันเหมือนคนปกติ ช-ญ ไม่มีจริงอยู่ในหัวใจผม แต่ผมก็ยังเชื่อว่าความรักที่ดีดี เกิดขึ้นได้กับผมอีกครั้งแน่นอน ผมคงไม่ต้องอยู่คนเดียว ถ้าผมยังยึดมันในความดี ตั้งใจทำมาหากิน เหมือนเดิม*