##สำนักพุทธฯ อ้างเถรสมาคมไม่มีมติ ปม'ธัมมชโย'ปาราชิก##

อ้างอิง

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/636222
-----------
สำนักพุทธฯ อ้างมส.ไม่เคยมีมติให้พระธัมมชโยพ้นมลทินกรณีปาราชิก และไม่มีการโหวตในที่ประชุมตามที่เป็นข่าว

ด้านหลวงปู่พุทธะอิสระเดินสายยื่น 7 ข้อเรียกร้อง จี้รัฐบาล-ดีเอสไอสอบทรัพย์สินธรรมกายและกรรมการมหาเถรฯ

จากกรณีที่มหาเถรสมาคม (มส.) มีมติให้พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ปาราชิก ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก โดยตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการเคลื่อนไหวจากกลุ่มคัดค้านจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะพระพุทธะอิสระ ผู้ก่อตั้งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม นั้น

นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวเมื่อวานนี้ (23 ก.พ.) ว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวออกไปว่าการประชุม มส. เมื่อวันที่ 20 ก.พ. มีมติว่า เหตุการณ์ของวัดพระธรรมกาย เมื่อปี 2542 ซึ่งในขณะนั้นพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) หรือ หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ดำรงสมณศักดิ์ที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ไม่ได้มีความผิดถึงขั้นต้องอาบัติปาราชิกนั้น ขอชี้แจงว่าได้เข้าประชุม มส. ในวันดังกล่าวด้วยในฐานะเลขาธิการ มส. และยืนยันว่า มส.ไม่ได้มีมติเกี่ยวกับพระเทพญาณมหามุนี

อีกทั้ง มส.ยังไม่ได้พิจารณาด้วยว่าปาราชิก หรือไม่ปาราชิก มีแต่เพียงการนำผลการชี้แจงที่นายสมเกียรติ ธงศรี ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมที่นำมติ มส. ปี 2549 เกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกายที่นำไปชี้แจงยังคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนามารายงานให้ มส.ได้รับทราบเท่านั้น

นายพนม กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีผู้เผยแพร่ข้อความผ่านต่างสื่อออนไลน์ว่า ในการประชุม มส. วันที่ 20 ก.พ. มีการเปิดให้กรรมการ มส.โหวตว่าพระเทพญาณมหามุนีปาราชิกหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่าการประชุม มส.ในวันดังกล่าวไม่ได้มีการเปิดโหวตแต่อย่างใด โดยจะมีการสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมดรายงานนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ต่อไป
ปัดเสนอตำแหน่งแลกหยุดเคลื่อนไหว

วันเดียวกัน พระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีใครของวัดปากน้ำ โทรหาพระพุทธอิสระ โดยเฉพาะการเสนอตำแหน่งให้มีการหยุดเคลื่อนไหว ซึ่งทางวัดปากน้ำ ขอปฏิเสธว่า ไม่มีการทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันมีการกล่าวพาดพิงในการหารือเมื่อวันที่ 21 ก.พ.หลายเรื่อง แต่ทำไมพระพุทธอิสระไม่พูดให้สังคมได้ทราบกันบ้างว่า ตนและพระพุทธอิสระ ได้พูดคุยถึงเรื่องความคิดเห็นสองฝ่ายอาจจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนา

ชี้แจงที่มางบมหาวิทยาลัยสงฆ์
ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่งด้วยนั้น พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า มจร.จัดตั้งขึ้นตามพ.ร.บ.มหาวิทยาลัย พ.ศ.2540 เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยรายได้มหาวิทยาลัยมาจาก 3 ส่วน ได้แก่ 1.รัฐจัดสรรให้ 2.ผู้มีจิตศรัทธา และ 3.รายได้อื่นๆ เช่น ค่าเทอม เป็นต้น
เมื่อรัฐจัดสรรงบประมาณมาให้แล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบทั้งส่วนกลางและวิทยาเขตทุกปี รวมทั้งตรวจรายได้อื่นๆ ของมหาวิทยาลัยด้วย ไม่ว่าจะเป็น ใบอนุโมทนาบัตรเงินบริจาค ตู้บริจาคของมหาวิทยาลัยก็ต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบด้วย

รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่มหาวิทยาลัยใช้งบประมาณหลายสิบล้านบาทไปต่างประเทศนั้น มหาวิทยาลัยมีสถาบันสมทบในต่างประเทศถึง 7 แห่ง อาทิ ศรีลังกา ฮังการี สิงคโปร์ เกาหลี เป็นต้น แต่ละปีผู้ที่จบปริญญาตรีจากสถาบันสมทบจะต้องมารับปริญญาในประเทศไทย ในส่วนของผู้บริหาร อาจารย์และนักวิชาการของมหาวิทยาลัยก็ต้องเดินทางไปประชุมร่วมกับสถาบันสมทบในต่างประเทศ
ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยก็มีความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ ก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิชาการกับมหาวิทยาลัย

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมีสมาคมวิสาขบูชานานาชาติ ซึ่งมีสมาชิกทั่วโลกต้องมีการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองว่า การไปแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิชาการกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาทางวิชาการ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่