หลังเกษียณ มีค่าใช้จ่ายอะไรกันบ้างครับ

คือผมกำลังวางแผนชีวิตหลังเกษียณ โดยเฉพาะเรื่องการใช้เงินครับ เลยอยากถามทุกท่านว่า พอจะทราบไหมครับ ว่าคนที่เกษียณจากการทำงานแล้ว เขามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เท่าไหร่บ้าง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่คนวัยทำงานจะนึกไม่ถึงเลย เผื่อผมจะนำไปประกอบการวางแผนด้านการเงินเผื่อไว้ครับ ใครมีญาติที่เกษียณแล้ว หรือตัวท่านเองเกษียณแล้ว รบกวนมาแชร์ให้หน่อยนะครับ กราบขอบพระคุณที่ช่วยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผมในภายภาคหน้าด้วยนะครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ผมมั่ง....
    เออร์รี่รีไทร์ปี ๒๕๕๔ (เกษียณจริง ๒๕๕๗) เป็นสมาชิก กบข. อายุราชการสามสิบหกปี รับบำนาญเดือนละสามหมื่นกลางๆ นี่กำลังจะคืนเงิน กบข. บำนาญก็จะเพิ่มมาอีกหมื่นนึง บ้านไม่ต้องส่ง รถไม่มีงวด ลูกโตทำงานทำการ ช่วยเหลือตัวเองได้หมดแล้ว
     ทำใจได้ว่า หมดเวลาของเราแล้ว ใช้เวลาที่เหลือกับการอ่านหนังสือธรรมะ ฟังเทศน์ของครูบาอาจารย์ ไปวัด(ป่า)ปฎิบัติจิตภาวนา ก็มีชีวิตอย่างเป็นสุข เรื่องสุขภาพตั้งแต่ออกจากราชการมาหมดเงินค่ารักษาตัวไม่น่าถึงห้าพันบาท ไปรับยาความดันฯหรือเจ็บป่วยจิปาถะก็โรงพยาบาลของรัฐที่เบิกตรงเดือนละครั้ง ไม่มีค่าใช้จ่าย ออกกำลังกายทุกวัน(ถ้าไม่มีกิจอื่นใดต้องปฎิบัติ) วันละสองชั่วโมง ไปวิ่งและเดินเร็วที่สวนสุขภาพประจำจังหวัด ใช้เครื่องบริหารร่างกายที่นั่น เสร็จแล้วนั่งคุยกับพรรคพวกเพื่อนพ้อง ไม่มีค่าใช้จ่ายอีก
    สั่งเสียไว้ว่าหากเจ็บป่วยถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลไม่ว่าป่วยมากน้อย ห้ามพาไปโรงพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายในการยื้อชีวิตไว้ด้วยราคาแพงเพราะยังไงๆก็ต้องตาย อยู่มาก็พอสมควรแก่เวลา ให้ส่งเข้าโรงพยาบาลของรํฐใกล้บ้าน รักษาตามพยาธิสภาพ ด้วยชีวิตนี้ใช้มาคุ้ม สิ่งที่ควรทำก็ทำแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็ทำแล้ว แถมสิ่งที่ไม่ควรทำก็(ดัน)ทำแล้ว
     ร่วมเรื่องสังคมเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม อาหารการกินไม่เน้น รับประทานมามากแล้วสารพัดอาหารทั้งใกล้และไกล ใช้ชีวิตที่เหลือแสวงหาความสงบ เช้าฟังหลวงปู่เหรียญ สายๆฟังหลวงปู่สุวัจน์ หลวงพ่อพุธ ฯ สลับไปมาได้ทั้งวัน บางวันไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย (นอกจากไปออกกำลังกาย)    ชีวิตนี้ก็มีความสุขมากกว่าตอนแต่งตัวหล่อไปทำงานมีคนหิ้วกระเป๋า ชงกาแฟ ยืนกุมไข่คุยกับเราเป็นไหนๆ
     ชีวิตหลังเกษียณไม่ใช่เรื่องยากและสิ้นเปลือง ถ้ารู้จักปล่อยวาง อย่าไปติดยึดหรือกระทำสิ่งใดเพื่อเอาไว้อวดอ้างกันในสังคม หยุดการดิ้นรน หาความสุขจากภายในด้วยความสงบ ไม่ต้องวุ่นวายอะไรกับใครแล้ว มันไม่มีประโยชน์หรอก แก่ๆกันแล้ว รอใช้สิทธิ์เที่ยวเดินทางกลับกันทุกคน เชื่อผม
ความคิดเห็นที่ 12
(ความคิดเห็นของผม ก็คล้ายกับ ความคิดเห็นที่ ๑๐ แหละครับ)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แก่แล้วต้องวาง  แก่แล้วต้องว่างมากกว่าวุ่น ไม่ใช่เกิดอาการกลัวตาย กลัวเจ็บ กลัวไม่มีคนดูแล กลัวลูกหลานทิ้ง กลัวเหี่ยว กลัวไม่ได้ไปไหน กลัวอดอยาก กลัวไม่ได้เที่ยว กลัวไม่ได้กิน กลัวไม่มีเงินใช้ กลัวไม่ได้รักษาตัว อะไรกัน
มีชีวิตมาจนแก่แล้ว ยังดูโลกและชีวิตไม่ออก จึงเกิดอาการกลัวไปหมด ใจไม่นิ่ง นักเลงไม่พอ ทั้งที่อยู่มาจนแก่แล้ว

คำโบราณ "รัตตัญญู"  (รัต-ตัน-ยู)  คือ    ผู้รู้ราตรีนาน      (คำนี้เจอครั้งแรก จาก อาจารย์เขมานันทะ)
หมายความว่า อยู่มานานมากแล้ว รู้หมดแล้ว  เข้าใจแล้ว ไม่กลัวอะไรแล้ว ไม่อยากอะไรแล้ว ไม่สนประกันอะไรแล้ว ไม่รักษาแล้ว ไม่อยากไปไหนๆแล้ว

คนแก่นั้น เทวดา (คือตัวธรรมชาติ) เขาบอกให้หยุดทุกๆอย่าง ให้นั่งดูคนอื่นๆที่เขายังไม่แก่เล่นละครกัน
เทวดาบอกอะไร........................................... (ตัวอย่าง เช่น)

๑. หงอกขาว หน้าเหี่ยว หมดหล่อหมดสวย = ให้หยุด เรื่องอยาก  เรื่องเพศราคะ เรื่องกาม

๒. ฟันไม่ดี หักไปจนหมดปาก = ให้หยุดเรื่องกิน คือ กินพออิ่ม ไม่ยุ่งยากเรื่องกิน อะไรก็ได้
ไม่ใช่เห็นอะไรก็จะกินไปหมด ทั้งที่ผมบนหัวขาวไปหมดแล้ว ..... ถ้าไม่มีเงิน ก็อดบ้าง แก่แล้ว กินมามากแล้ว อดบ้างจะเป็นไร
เด็กๆและคนยากจนจำนวนมาก อดมื้อกินมื้อ ยังลำบากกว่าเราที่กินมาจนแก่แล้ว

๓. กระเพาะอาหารไม่ดี  = อาหารไม่ย่อย แต่ยังอยากกินโน่นกินนี่ ร้านดังโน่นร้านดังนี่ ถนัดกินจัง

๔. ไขข้อไม่ดี  = เดินเหินไม่คล่อง ให้หยุดเฉยๆ ไม่ใช่นั่งรถเข็นไปกินเอ็มเค นั่งรถเข็นไปทัวร์

๕. ตาไม่ดี ไม่ชัด =  ให้ดูตัวเองให้มากๆ ไม่ใช่ไปดูคนอื่นที่อื่น ไม่ให้บ้าท่องเที่ยว

๖. หูไม่ดี ตึง = ให้ พูดน้อยลง เพราะไม่ได้ยิน เพื่อหยุดฟังคนอื่น แต่ให้ฟังตัวเองให้มากๆ โดยเฉพาะเสียงจากจิตจากใจของตัวเอง

๗. โรคทั้งตัว  = เทวดาบอกว่า ธรรมดานะ สังขารเสื่อม เจ็บไข้เป็นธรรมดา หนีไม่พ้น
ไม่ต้องไปเข้าโรงหมอโรงพยาบาลมากนัก อยู่แบบประคองตัวใจสงบ อยู่ให้เบากายสบายจิต

เริ่มตั้งแต่อายุ 60  ที่เทวดา (ตัวธรรมชาติแท้ๆ) มาบอก มาเตือน  มาแสดงให้ดู โดยมีตัวคนแก่เองนะแหละ เป็๋นผู้แสดงเอง
นี่คือเรื่องจริงที่คนแก่ทุกคนต้องเตรียมตัว เพื่อลมหายใจครั้งสุดท้าย

มีคำกล่าว ถามว่า "อะไรสำคัญที่สุดในชีวิต"
คำตอบคือ "ลมหายใจ" เพราะ หยุดหายใจ 5 นาที ตายทันที ดังนั้น แก่แล้วต้องหาความสุขด้วยการ "เจริญลมหายใจ"
แต่คนแก่สมัยนี้ กลับถือว่า เอ็มเค ทัวร์ ถนัดกิน เข้าสปา กลัวตาย สำคัญที่สุด

คนแก่สมัยนี้ หลงครับ หลงสังขาร
เดินไม่ค่อยได้ ยังซื้อทัวร์ให้ลูกหลานจูงไปกระย่องกระแย่ง
ที่ร้ายกว่านั้นคือ บางคนเดินไม่ได้เลย ไปทัวร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนั่งรถเข็น ต้องมีคนอุ้มขึ้นลงรถเข็นด้วย

โอ้...... ไม่เจียมสังขาร ลำบากทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องกินเรื่องนอนเรื่องเยี่ยวเรื่องขี้
ถึงแม้ลูกหลานจะทำให้ หรือมีเงินจ้างคน ก็ไม่เอา ต้องเจียมตัว รู้ใจตัวเอง ว่า เราแก่แล้ว อย่าเลย เทวดาห้าม (ธรรมชาติเขาห้ามเรา)

ถ้าคุณไม่เชื่อผม เวลาคุณแก่ คุณจะเจอ ข้อ ๑ - ข้อ ๗ ค่อยๆมาทีละข้อ ทีละข้อ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อภิณหปัจจเวกขณ์ (อภิณห = เนืองๆ ,   ปัจจเวกขณ์ = พิจารณา)

ชราธัมโมมหิ  ชะรัง อะนะตีโต   ..................     เรามีความแก่เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
พะยาธิธัมโมมหิ  พะยาธิง  อะนะตีโต  ..........     เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้
มะระณะธัมโมมหิ  มะระณัง  อะนะตีโต ...........    เรามีความตายเป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
สัพเพหิ  เม  ปิเยหิ  มะนาเปหิ  นานาภาโว  วินาภาโว..........     เราจักพลัดพรากจากของที่รัก ของชอบใจทั้งหลาย

(((((หมายเหตุ.... ถ้ามีแต่ แก่ เจ็บ ตาย พลัดพราก ทำให้เรามองแต่ด้านลบ  เราจะทำดีไปทำไม  ทำอะไรก็ได้ ชั่วๆก็ได้
ดังนั้น ท่านจึงเพิ่มเรื่องกรรมเข้ามา ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนะ
)))))

กัมมัสสะโกมหิ  กัมมะทายาโท ...........    เรามีกรรมเป็นของๆตน  เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
กัมมะโยนิ   กัมมะพันธุ .....................    เรามีกรรมเป็นแดนเกิด  เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์
กัมมะปะฏิสะระโน   ยัง กัมมัง กะริสสามิ ............     เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย  เราทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ..................    เป็นกรรมดีก็ตาม  เป็นกรรมชั่วก็ตาม
ตัสสะ  ทายาโท  ภะวิสสามิ ...............    เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น
เอวัง  อัมเหหิ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง .........    เราทั้งหลายพึงพิจารณาเนืองๆอย่างนี้แล.
ความคิดเห็นที่ 2
จากประสบการณ์จริงของดิฉัน

อันดับแรก คือ ค่ารักษาตัวเองค่ะ  
พออายุเยอะขึ้น ความเสื่อมของร่างกายจะตามมา  เป็นโน่นนี่นั่นสารพัด
ปัจจุบันค่าตรวจรักษาใน รพ. แพงขึ้นมาก
ค่ายา บวกค่าบริการยุ่บยั่บไปหมด
(หมวดนี้ต้องเก็บเยอะเป็นพิเศษ หลักล้านไปเลยค่ะ)

ต่อมา ก็เป็นค่าบริการต่างๆ
ตอนนี้เดินทางไปไหนมาไหนไม่ค่อยไหว
จ้างเด็กๆ ทำแทน
ทุกวันนี้อาศัย internet ทำให้
เช่น ซื้อของออนไลน์อย่าง อาหาร เครื่องใช้ที่จำเป็น ก็มีค่าบริการ  ค่ารถ เพิ่มขึ้น
จ้างมอเตอร์ไซค์แถวบ้านไปรับของ
(เมื่อก่อนไปเองได้  แก่แล้วไปไม่ไหว)

ยังไม่รวมค่าบำรุงรักษาบ้านที่อยู่อาศัย
ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่เพิ่มขึ้นทุกปีนะคะ

เงินเก็บและทรัพย์สินพวกบ้านที่ดินไว้ต่อรองกับลูกหลานด้วยค่ะ
คนแก่ไม่มีเงิน  จะเป็นภาระสำหรับคนรุ่นหลัง
พวกเขาจะส่งเราไปอยู่บ้านพักคนชรา 555

เก็บเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าเอาจริง ๆ ตามปัจจัยสี่เลย  บ้าน เป็นของตนเอง หมดภาระการผ่อนแล้ว  
เสื้อผ้า   เกษียณแล้ว  ชุดอยู่บ้านใส่สบายใช้มากที่สุด  ชุดออกไปข้างนอกก็มีไว้บ้างไม่ต้องเยอะเหมือนตอนทำงาน
รายจ่ายข้างต้น  ตัดทิ้งไปเลย  แทบจะไม่มีแล้ว

อาหาร  ปกติถ้าใครทำอาหารเอง จะได้เปรียบทั้งเรื่องความสะอาด  สุขภาพที่ดีสำหรับวัยนี้    ลดเค็มมันหวานได้
จ่ายตลาดเอง  ทำกับข้าวเอง เปิดดูเมนูใหม่ ๆ เมนูที่อยากทำในกูเกิ้ล   ปลูกผักสวนครัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้บ้าง
ก็มีความสุขกับชีวิตง่าย ๆ   ว่าง ๆ ก็มีกลุ่มไลน์เพื่อนสมัยเรียนไว้คุยแก้เหงา สมัยนี้มีเน็ต ก็ทำได้สารพัดดูละครย้อนหลัง
ฟังเพลง รายการต่าง ๆ  เยอะแยะสะดวกสบายมาก อ่านนิยายที่ซื้อสะสมไว้ตั้งแต่ตอนทำงานแต่ไม่มีเวลาอ่าน  ทำงานบ้าน
เวลาเหงาแทบไม่มีเลย
ค่าใช้จ่ายกลุ่มนี้ เป็นค่าใช้จ่ายจริง ๆ สำหรับเราตอนนี้ วางแผนดีก็ประหยัดพร้อมกับได้สุขภาพที่ดีด้วย  

ยารักษาโรค  ค่าโรงพยาบาล  อันนี้เราอายุ 50 ขึ้นแล้ว  เมื่อก่อนมีประกันสังคมก็แทบไม่เคยไปหาหมอเลย  ตอนนี้ลาออกมา
สองปีแล้ว ก็ยังไม่เคยไปเหมือนกัน  เลยยังไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้  เน้นออกกำลังกายด้วยการวิ่งทุกวัน  แล้วก็ทำบัตรทอง
บัตรสถานพยาบาลของรัฐที่ใกล้บ้าน และไปสะดวกไว้เผื่อต้องใช้  ถ้ามีอะไรที่จะภาวนาแล้วเป็นจริงได้ตอนนี้ ก็อยากให้นอนหลับ
อย่างมีความสุขแล้วไม่ต้องตื่นอีกเลย เมื่อยามที่เราแก่ชราอายุ 70-80 แล้ว  ไม่ต้องมีโรคภัยไข้เจ็บให้ทรมาน

ค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวันทั่วไป ก็ค่าน้ำ ไฟ อินเตอร์เน็ต  อาหาร  สำหรับคนเดียวเราว่า 10,000  ก็เหลือ ๆ แล้ว จากชีวิตจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้ค่ะ
ออกกำลังกาย และ ดูแลตัวเองได้ตั้งแต่วันนี้เลย  อย่ารอจนเกษียณให้โรคภัยถามหาก่อน  ทำก่อนได้ก่อน แล้วเราจะเกษียณได้อย่างมีความสุข
ตามอัตภาพค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่