เมื่อลูกน้อยวัย 3 เดือน 17 วัน ป่วยเป็นโรคข้อสะโพกหลุด

ยืม longin เพื่อนมาใช้          
           ดิฉันมีลูกสาวหนึ่งคนซึ่งน้องคลอดออกมาด้วยวิธีการผ่า เพราะว่าอายุครรภ์เกินกำหนดแล้วแต่คุณแม่ไม่มีทีท่าว่าจะคลอดน้องเลย คุณหมอเลยให้เลือกว่าจะใช้ยาเร่งหรือจะผ่า คุณแม่เลยเลือกการผ่า หลังจากผ่าคลอดเสร็จคุณแม่เกิดภาวะความดันเลือดต่ำ ตัวเย็น ตัวสั่น ต้องให้ออกซิเจนเพิ่มอยู่นานเลยทีเดียว ในหูตอนนั้นได้ยินแค่แม่ที่นั่งร้องให้อยู่ข้างเตียงแล้วภาวนาขออย่าให้หนูเป็นอะไร กับได้ยินเพื่อนๆ พูดว่าน้องปกติดีไม่ต้องห่วง หลังจากนั้นก็หลับไปแต่ไม่รู้นานแค่ไหนเนื่องจากฤทธิ์ยาสลบก่อนผ่าตัด หลังจากนั้นก็รู้สึกตัวและได้เจอหน้าน้องครั้งแรก รู้สึกดีใจมากๆๆๆๆ (ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะเข้มแข็งจนได้ออกมาลืมตาดูโลก เพราะว่าตอนท้องอยู่คุณแม่ตกเลือดตั้งแต่น้องอายุครรภ์ได้ 3 เดือน จนล่วงเลยจนอายุครรภ์จะครบ 5 เดือน เลือดถึงจะหยุดออก ช่วงแรกๆ เลือดจะออกเป็นสีแดงสด พอเกือบๆ 5 เดือน จึงกลายเป็นเลือดสีดำ ในช่วงนั้นกลัวมากๆๆ กลัวต้องเสียเขาไปภาวนาทุกวันขอให้เขาเข้มแข็ง แม่ก็จะเข้มแข็งเพื่อหนู อยู่กับแม่ก่อนอย่าเพิ่งไปไหน อยู่จนได้ออกมาลืมตาดูโลก อยู่จนหนูเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี) ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีน้องออกมาสุขภาพแข็งแรงดี แต่มีสิ่งที่ผิดปกติ คือ ข้อเท้าของน้องเอวาข้างขวาพับงอขึ้นด้านบนเหมือนกระดูกอ่อนมากๆ และมีรอยบุ๋มอยู่ที่ศรีษะด้านขวา แก้มด้านขวาใหญ่กว่าด้านซ้าย หมอเด็กมาตรวจดูก็บอกว่าเดี่ยวน้องจะเสริมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่ขาขึ้นมาทดแทนเป็นปกติได้เอง ที่น้องเป็นแบบนี้อาจจะเป็นเพราะว่าท่าที่ตอนอยู่ในท้องอาจจะผิดท่า คุณแม่ก็เลยเชื่อคุณหมอ หลังจากนั้นก็คอยเฝ้ามองดูเท้า หัว น้องทุกวันและรายงานหมอทุกครั้งเวลาไปเจอหมอว่าเท้าน้องดีขึ้นแล้วนะ แต่หัวที่บุ๋มไปไม่หายเป็นแบบนั้นตลอด แต่เท้าดีขึ้นจนเป็นปกติเหมือนเด็กทั่วไปก็เกือบๆ 2 เดือน ตอนนี้น้องก็สุขภาพดี อารมณ์ดี คุยเก๋ง อ้อแอ๋ๆ ทั้งวัน กินเก๋ง น้ำหนักขึ้นดี ตัวยาวเกินมาตรฐานแล้ว แต่แล้วด้วยความที่เราช่างสังเกตขาน้องอยู่ทุกวัน วันหนึ่งก็เริ่มสงสัยว่าทำไมขาน้องมันดูไม่ค่อยจะเท่ากันเท่าไหร่เวลาจับมาเทียบกัน  ขาซ้ายสั้นกว่าขาขวา แต่ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรมาก คงคิดว่าขาน้องยังไม่แข็งเท่าไร น้องอาจจะนอนเอียงเลยทำให้ไม่เท่า อะไรต่างๆนาๆ เพื่อเป็นเหตุผลให้ตัวเราสบายใจว่าน้องไม่น่าจะขาไม่เท่ากัน
          แต่แล้ววันหนึ่งก็ต้องยอมรับความจริงเมื่อน้องอายุครบ 3 เดือน ขาที่ดูเหมือนที่ไม่เท่ากันตอนแรก มันดันไม่เท่ากันเห็นได้ชัดเจน ตอนนั้นเริ่มใจไม่ดี เริ่มหาข้อมูลต่างเกี่ยวกับเด็กขาไม่เท่ากันเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง ซึ่งตอนนั้นตัวคุณแม่เองไม่คิดถึงเรื่องข้องสะโพกหลุดแม้แต่น้อย ก็อ่านๆ ดูไป อ่านไปอ่านมาเขาก็มีวิธีแก้คือ เสริมรองเท้าให้เท่ากันบ้าง  เสริมความยาวกระดูกบ้างว่าไป คือเหมือนคนจิตตก ถ้ามีเวลาอยู่หน้าคอมเมื่อไหร่ก็ต้องหาข้องมูลอ่านเกี่ยวกับเด็กขาไม่เท่าตลอด จนทนไม่ไหวไปปรึกษาคุณหมอดีกว่า พอไปถึงคุณหมอ (คุณหมอเด็กที่ตรวจน้องประจำ) ก็จับน้องถอดผ้าแล้วจับน้องชันเข่าขึ้น สังเกตอยู่สักพักหนึ่ง เหมือนด้วยความไม่แน่ใจว่าเท่าหรือไม่เท่ากันแน่ แต่คุณหมอก็พูดออกมาว่าเหมือนไม่เท่า เลยนัดให้พาน้องมา X-ray ดูอีกครั้งว่าถ้าไม่เท่าจริงๆ มันเกิดจากอะไร แล้ววันนั้นกลับบ้านด้วยความกังวลใจและอยากให้วันถัดไปเป็นวันที่คุณหมอนัดเลย คุณหมอนัดวัน 19 ก.พ 2558 วันที่ไปหาคุณหมอเป็นวันที่ 16 ก.พ 2558 ก็รอแล้วรอๆๆๆจนถึงวันที่ 19 วันตรุษจีน ก็ภาวนาขอให้เฮงๆๆๆ ขอให้ผล X-ray ปกติ แต่ก็หนีความจริงไม่พ้นเมื่อผล X-ray ออก แว๊ปแรกที่เห็นภาพ X-ray จากหน้าจอคอมคุณหมอคือ ข้อสะโพกของน้องเอวาด้านซ้ายมือมันร่อนขึ้นไปอยู่สูงกว่าด้านขวามืออย่างชัดเจน โดยไม่ต้องรอให้คุณหมอพิจารณาวิเคราะห์วิจารณ์ว่าเป็นอย่างงี้ๆๆๆๆ นะขาน้อง แต่คุณหมอเป็นหมอเด็กเลยต้องนัดหมอกระดูกเพื่อดูขาน้องเอวาอีกครั้งหนึ่งวันที่ 25 ก.พ 2558 ณ ขณะ นั้น รู้สึกสงสารน้องขึ้นมาจับใจ มึน งง หูอือ หมอพูดอะไรก็เออ ออ ไปหมด หลังจากกำหนดวันนัดหมายก็อุ้มน้องออกจากห้องคุณหมอมายืดใบประวัติและรอปริ้นใบนัด  น้ำตาแทบแตก แต่ก็กลัวอายคนอื่นเขา ส่วนน้องก็ร้องไห้ ด้วยความที่คนเยอะ อึดอัดและก็ร้อน น้องก็ร้องๆอยู่สักพักหนึ่งแล้วก็นิ่งไปที่นิ่งไปเพราะน้องร้องไห้จนหลับคาอกคุณแม่ไปนั้นเอง หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างก็อุ้มน้องทั้งหลับออกมานั่งรับลม แล้วรอคุณป้ามารับกลับบ้าน กลับมาถึงบ้านคุณยายก็อาบน้ำให้ ส่วนหนูก็ต้องไปทำงานต่อ พอว่าว่างก็หาข้อมูลว่าควรทำอย่างไร หาไปร้องไห้ไป จนไปเจอกระทู้จากคุณแม่มุก และคุณแม่น้องซาอีดา ก็เป็นโรคข้อสะโพดหลุดเหมือนกัน คุณแม่ทั้งสองเขียนแชร์ไว้ดีมากๆ ทำให้หนูมีกำลังใจ และมีสติ แล้วก็มีแนวทางในการรักษาน้องเอวาต่อไป
           ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดนี้หากว่าอ่านๆๆแล้ว งง อะไรอย่างไร ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ เพราะเพิ่งเขียนเป็นครั้งแรก และหากคุณแม่ คุณหมอ หรือใครก็แล้วที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้หนูขอรบกวน แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ ประสบการณ์ ขอคำปรึกษา ข้อเสนอ แนวทางการรักษา ให้ความรู้ หรือให้กำลังใจคุณแม่คนนี้ด้วยนะค่ะ
                                                                                    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
                                                      



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่