คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
หากว่าอยากร่วมรณรงค์ตามกระแสรักโลก และเรื่องงบไม่ใช่ปัญหา รวมถึงในใจของ จขกท. เอง ก็อยากลองใช้แอร์รุ่นใหม่ด้วย
ก็จัด R-32 ได้เลยครับ ไม่ใช่ปัญหา
แต่ถ้าถามเกี่ยวกับด้านเทคนิค ก็ขอตอบ ในฐานะที่อยู่ในแวดวงแอร์และพอมีความรู้อยู่บ้าง
R-32 ตอนนี้ถือเป็นน้องใหม่ล่าสุดที่ใช้กับแอร์บ้าน ที่วางขายในตลาดบ้านเรา ซึ่งถือได้ว่าไดกิ้นเป็นฝ่ายเริ่มเข้ามาบุกเบิกตลาดในบ้านเรา
ต้องทำความเข้าใจก่อน ว่าคุณสมบัติทางกายภาพ ของ R-32 มีข้อควรระวังหลักๆ คือแรงดันที่สูงกว่ามาก และการติดไฟ
ในตอนนี้ Daikin ได้เริ่มมีการจัดอบรมให้กับช่างและผู้แทนจำหน่ายบางส่วน ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ซึ่งเป็นการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจและการปฏิบัติงานที่ถูกต้องปลอดภัย สำหรับแอร์ที่ใช้ R-32
ร้านแอร์ใหญ่ๆหลายร้าน และช่างของร้าน ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายแอร์ของ Daikin ส่วนหนึ่งก็ได้ผ่านการอบรมที่ว่านี้มาแล้ว
จึงมีความเข้าใจ และสามารถให้บริการได้อย่างถูกต้องปลอดภัย
แต่ร้านแอร์ทั่วๆไป อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะร้านรายย่อยที่อยู่ในส่วนท้องถิ่น ยังไม่ได้ผ่านการอบรมที่ว่านี้ และไม่รู้เกี่ยวกับ R-32 มากนัก
ตอนติดตั้งผมไม่ห่วงหรอก เพราะร้านที่คุณไปซื้อ ก็เป็นร้านผู้จำหน่ายที่มีแอร์ตัวโชว์ให้ดู ซึ่งร้านที่สั่งแอร์รุ่นใหม่ ที่ใช้ R-32 มาขาย
ทางร้านและช่างของร้านมักจะผ่านการอบรมมาแล้ว จึงน่าจะไม่มีปัญหาในการติดตั้ง
แต่ เมื่อติดแอร์ไปแล้ว หากแอร์มีปัญหา ข้อควรจำในการตามช่างแอร์คือ
คุณจะต้องตามช่างจากร้านเดิม หรือร้านผู้จำหน่ายแอร์ Daikin ที่อยู่ใกล้เคียง มาตรวจสอบ หรือไม่ก็โทรเรียกช่างจากศูนย์ Daikin
มาตรวจสอบโดยตรง ต่างจาก R-22 ที่เรียกร้านแอร์ทั่วไปมาตรวจดูได้ทันที
แต่แอร์ที่ใช้ R-32 ช่างแอร์จากร้านแอร์รายย่อยทั่วๆไป อาจจะไม่กล้ารับงาน เพราะไม่ได้ผ่านการอบรม
หรืออาจจะไปเจอช่างที่อวดรู้ รับงานโดยที่รู้เกี่ยวกับ R-32 แค่งูๆปลา ซึ่งอาจจะมีอันตรายตามมาและงานบนปลายก็ได้ครับ
ส่วนแอร์ที่ใช้ R-22
ถ้าคุณติดตั้งแอร์ที่ใช้ R-22 ณ เวลานี้ ผมก็บอกได้เลยว่า น้ำยา R-22 สำหรับนำมาเติมในกรณีต้องซ่อมบำรุง จะยังคงมีอยู่ในอนาคต
มันจะยังไม่หายวับไปจากตลาดทันทีทันใด แต่ใช้การลดแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งในบ้านเราก็ต้องใช้เวลาสักพัก
และตลอดในช่วงระหว่างอายุการใช้งาน ของแอร์ R-22 ที่ติดตอนนี้ไปจนถึงจุดคุ้มทุน (ขั้นต่ำประมาณ 10-12 ปี)
และถึงจุดใช้ต่อไปก็ไม่คุ้ม จนต้องปลดประจำการ
ในตอนนั้นน้ำยา R-22 ในบ้านเรา ก็ยังคงไม่หายไปหมดแน่ครับ แต่อาจจะมีราคาที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามมาตรการในอนาคต
ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะโดยปกติเราก็ไม่ได้เติมน้ำยาแอร์กันบ่อยๆหรอกครับ ถ้าไม่รั่วไม่ซึมใช้จนแอร์พังก็ไม่ต้องเติม
ตอนนี้ ความเห็นส่วนตัว ผมยังไม่ค่อยสนับสนุนให้เลือกแอร์ R-32 เป็นอันดับต้นๆหรอกนะ
หลายๆแบรนด์ยังไม่เล่นด้วยในตอนนี้ ดูๆเหมือน Daikin เพิ่งเริ่มนำมาลองตลาดในบ้านเรา
และช่างที่รู้เกี่ยวกับ R-32 ยังไม่แพร่หลายในบ้านเรา ที่เป็นการใช้งานในประเทศกำลังพัฒนา
ต่างจากการใช้ในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งพวกนั้น เขาให้ความสำคัญด้านสภาพแวดล้อมมากกว่า และมีความพร้อมในหลายๆด้าน
แต่ถ้าอยากจะใช้ รวมถึงมีร้านและช่างผู้ให้บริการมาตรฐาน อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ก็ติดได้เลยครับ
เพราะข้อดีด้านประสิทธิภาพใน R-32 มันก็มีหลายด้านเหมือนกัน
ก็จัด R-32 ได้เลยครับ ไม่ใช่ปัญหา
แต่ถ้าถามเกี่ยวกับด้านเทคนิค ก็ขอตอบ ในฐานะที่อยู่ในแวดวงแอร์และพอมีความรู้อยู่บ้าง
R-32 ตอนนี้ถือเป็นน้องใหม่ล่าสุดที่ใช้กับแอร์บ้าน ที่วางขายในตลาดบ้านเรา ซึ่งถือได้ว่าไดกิ้นเป็นฝ่ายเริ่มเข้ามาบุกเบิกตลาดในบ้านเรา
ต้องทำความเข้าใจก่อน ว่าคุณสมบัติทางกายภาพ ของ R-32 มีข้อควรระวังหลักๆ คือแรงดันที่สูงกว่ามาก และการติดไฟ
ในตอนนี้ Daikin ได้เริ่มมีการจัดอบรมให้กับช่างและผู้แทนจำหน่ายบางส่วน ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ซึ่งเป็นการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจและการปฏิบัติงานที่ถูกต้องปลอดภัย สำหรับแอร์ที่ใช้ R-32
ร้านแอร์ใหญ่ๆหลายร้าน และช่างของร้าน ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายแอร์ของ Daikin ส่วนหนึ่งก็ได้ผ่านการอบรมที่ว่านี้มาแล้ว
จึงมีความเข้าใจ และสามารถให้บริการได้อย่างถูกต้องปลอดภัย
แต่ร้านแอร์ทั่วๆไป อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะร้านรายย่อยที่อยู่ในส่วนท้องถิ่น ยังไม่ได้ผ่านการอบรมที่ว่านี้ และไม่รู้เกี่ยวกับ R-32 มากนัก
ตอนติดตั้งผมไม่ห่วงหรอก เพราะร้านที่คุณไปซื้อ ก็เป็นร้านผู้จำหน่ายที่มีแอร์ตัวโชว์ให้ดู ซึ่งร้านที่สั่งแอร์รุ่นใหม่ ที่ใช้ R-32 มาขาย
ทางร้านและช่างของร้านมักจะผ่านการอบรมมาแล้ว จึงน่าจะไม่มีปัญหาในการติดตั้ง
แต่ เมื่อติดแอร์ไปแล้ว หากแอร์มีปัญหา ข้อควรจำในการตามช่างแอร์คือ
คุณจะต้องตามช่างจากร้านเดิม หรือร้านผู้จำหน่ายแอร์ Daikin ที่อยู่ใกล้เคียง มาตรวจสอบ หรือไม่ก็โทรเรียกช่างจากศูนย์ Daikin
มาตรวจสอบโดยตรง ต่างจาก R-22 ที่เรียกร้านแอร์ทั่วไปมาตรวจดูได้ทันที
แต่แอร์ที่ใช้ R-32 ช่างแอร์จากร้านแอร์รายย่อยทั่วๆไป อาจจะไม่กล้ารับงาน เพราะไม่ได้ผ่านการอบรม
หรืออาจจะไปเจอช่างที่อวดรู้ รับงานโดยที่รู้เกี่ยวกับ R-32 แค่งูๆปลา ซึ่งอาจจะมีอันตรายตามมาและงานบนปลายก็ได้ครับ
ส่วนแอร์ที่ใช้ R-22
ถ้าคุณติดตั้งแอร์ที่ใช้ R-22 ณ เวลานี้ ผมก็บอกได้เลยว่า น้ำยา R-22 สำหรับนำมาเติมในกรณีต้องซ่อมบำรุง จะยังคงมีอยู่ในอนาคต
มันจะยังไม่หายวับไปจากตลาดทันทีทันใด แต่ใช้การลดแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งในบ้านเราก็ต้องใช้เวลาสักพัก
และตลอดในช่วงระหว่างอายุการใช้งาน ของแอร์ R-22 ที่ติดตอนนี้ไปจนถึงจุดคุ้มทุน (ขั้นต่ำประมาณ 10-12 ปี)
และถึงจุดใช้ต่อไปก็ไม่คุ้ม จนต้องปลดประจำการ
ในตอนนั้นน้ำยา R-22 ในบ้านเรา ก็ยังคงไม่หายไปหมดแน่ครับ แต่อาจจะมีราคาที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามมาตรการในอนาคต
ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะโดยปกติเราก็ไม่ได้เติมน้ำยาแอร์กันบ่อยๆหรอกครับ ถ้าไม่รั่วไม่ซึมใช้จนแอร์พังก็ไม่ต้องเติม
ตอนนี้ ความเห็นส่วนตัว ผมยังไม่ค่อยสนับสนุนให้เลือกแอร์ R-32 เป็นอันดับต้นๆหรอกนะ
หลายๆแบรนด์ยังไม่เล่นด้วยในตอนนี้ ดูๆเหมือน Daikin เพิ่งเริ่มนำมาลองตลาดในบ้านเรา
และช่างที่รู้เกี่ยวกับ R-32 ยังไม่แพร่หลายในบ้านเรา ที่เป็นการใช้งานในประเทศกำลังพัฒนา
ต่างจากการใช้ในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งพวกนั้น เขาให้ความสำคัญด้านสภาพแวดล้อมมากกว่า และมีความพร้อมในหลายๆด้าน
แต่ถ้าอยากจะใช้ รวมถึงมีร้านและช่างผู้ให้บริการมาตรฐาน อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ก็ติดได้เลยครับ
เพราะข้อดีด้านประสิทธิภาพใน R-32 มันก็มีหลายด้านเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
ถ้าจะติดแอร์ใหม่ตอนนี้ R22 หรือ R35 ดีครับ
เลยจะเปลี่ยนใหม่ แต่ติดที่ว่ามันมีตัว R32 ออกมาแล้ว
เลยอยากจะทราบว่า ถ้าจะติดใหม่วันนี้ เล่นตัว R22 หรือ R32 ดีกว่าครับ
R22 จะอยู่ได้อีกนานมั้ย เพราะแอร์บ้านผม เป็น R22 หมดเลย 5 ตัว
เวลาเซอร์วิสผมทำเองหมดเลย กลัวว่าR32 จะดูแลยากกว่า หรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ