ตอนเด็กคิดตลอดเลยว่า อยากโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งใครหลาย ๆ คนก็คงคิดเหมือนกัน
เกิดมาเราก็ต้องเรียนรู้แล้ว เราเรียนกันมาก ตั้งแต่เข้าอนุบาล เราก็เริ่มหัดอ่านหัดเขียนเหมือนเป็นวันที่จินตนาการโลดเล่นที่สุด สนุก ไม่สนใจข่าวเศรษฐกิจ ไม่สนใจข่าวสงคราม สนใจแต่ภาพสวย ๆ นิทานน่าฟัง ๆ
โตขึ้นมาหน่อยเป็นเด็กประถม วัยที่การมองโลกเริ่มกว้างขึ้นอีกนิด ได้รู้จักสถานีอวกาศซึ่งคิดไปเองว่า คงเป็นที่ที่มนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวมานั่งกินกาแฟ ซื้อของฝากจากโลกละมั้ง และก็ยังความคิดแปลก ๆ ที่ว่า
เอ๊ะ!!! เวลาเรานอน เราหายใจไหมนะ ร่ายกาย จมูกมันคงพักไม่หายใจด้วยซินะ ตอนหลับเราคงนิ่ง ๆ ไป
มีอะไรอีกมากมายที่วัยเด็ก พาเราจินตนาการไปไกล โลดแล่นไปกับความสนุกสนานร่าเริง
พอ ป.6 ก็ยังไม่เครียดกับการสอบเท่าไหร่ สอบไม่ได้ก็ย้ายไปเรียนแถวบ้าน เข้ามัธยม อะไรๆ ก็เปลี่ยน จากห้องเรียนในโรงเรียนประถมที่เราคุ้นเคย เดินเรียนเดินเล่น กลายมาเป็นห้องเรียนมัธยมแถมรหัส 422 123 ติดหน้าห้องเต็มไปหมด
เข้าไปวันแรก ๆ หลาย ๆ คนหาห้องไม่ถูก รู้สึกได้ว่าเป็นวันที่ความรับผิดชอบต้องมากขึ้น ครูประถมชอบบอกว่า
"ครูมัธยมนะ ไม่สนใจเธอหรอก ไม่มีมาทวงงาน ไม่มีมาใส่ใจมากแล้ว ต้องเริ่มดูแลตัวเองแล้วนะ" เข้ามาเรียนจริง ๆ กลายเป็นว่า
โดนทวงงานทุกวัน การบ้านเพียบ แต่ส่วนใหญ่ก็มีแกนนำ แล้วคนอื่น ๆ ก็มาโรงเรียนเช้าหน่อย มาลอกการบ้าน สนุกกันเลยแหละ
แต่มัธยมก็ยังเป็นวัยที่เรียน ๆ เล่น ๆ มีสนุกอยู่นะ พอเตรียมขึ้น ม.ปลายก็ไม่เครียดเพราะโควต้านักเรียนเก่า เกรดถึงพอดี มามอปลายปั๊บก็ต้องเรียนหนักขึ้นหน่อย สนิทกับเพื่อนใหม่ ๆ ได้เร็ว ได้เริ่มเป็นแกนนำกีฬาสี ได้ทำหลาย ๆ อย่างที่ต้องใช้ความรับผิดชอบมากขึ้น ได้เกียรติบัตรมากมายที่การันตีสิ่งต่าง ๆ เป็นอีกวัยที่เรียกว่าสนุกเลยแหละ
รอยต่อ
มอหกกับมหาลัย เป็นอะไรที่ทั้งตื่นเต้น กลัว เศร้า มีหลาย ๆ แบบ การสอบเรียนต่อมีเข้ามามากมาย จนหลาย ๆ คน ท้อเพราะไม่ติด เพื่อน ๆ ในห้องก็ติดที่นั่นที่นี่กันหมด ลุยมาจนสนามสุดท้าย
แอดมินชั่น
จินตนาการต่าง ๆ ในวันเด็กมันได้ถูกกัดกร่อนหายไปเกือบหมด เราจะรื้อฟื้นมันได้ก็จากภาพยนตร์กับเวลาหลับมากหน่อย เพราะช่วงเวลาอื่น ๆ ก็คิดโน่นคิดนี่จนสมองไม่มีเวลาจินตนาการกับสิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่เราเคยคิดในวันเด็ก ทั้งช้างบินได้ ม้าสีรุ้ง สัตว์พูดได้ มันเลื่อนลางจนหายลับไปเรื่อย ๆ
ยิ่งมา มหาลัยเราได้เรียนรู้โลกความเป็นจริงมากขึ้นจนหลายสิ่งที่พ่อแม่บอกก่อนนอนว่า "วันนี้นางฟ้าจะมาอวยพรลูก" "วันนี้ซานต้าจะมาให้ของขวัญนะ" กลายเป็นเรื่องความทรงจำเก่าที่นำมาพูดคุยสนุก ๆ กันเฉย ๆ โดยแถบไม่หลงเหลือความเชื่อแล้ว่าสิ่งเหล่านั้นมีอยู่จริง
โลกเป็นสถานที่ พิเศษ ที่สร้างคนพิเศษและสร้างคนธรรมดามาคู่กัน
การดำเนินชีวิตผู้ใหญ่คงต้องเริ่มต้นต่อไป
จะเป็นเช่นไร ทางไหน
เราก็เรียกมัน ว่า "ชีวิต"
ตอนเด็กคิดตลอดเลยว่า อยากโตเป็นผู้ใหญ่...
เกิดมาเราก็ต้องเรียนรู้แล้ว เราเรียนกันมาก ตั้งแต่เข้าอนุบาล เราก็เริ่มหัดอ่านหัดเขียนเหมือนเป็นวันที่จินตนาการโลดเล่นที่สุด สนุก ไม่สนใจข่าวเศรษฐกิจ ไม่สนใจข่าวสงคราม สนใจแต่ภาพสวย ๆ นิทานน่าฟัง ๆ
โตขึ้นมาหน่อยเป็นเด็กประถม วัยที่การมองโลกเริ่มกว้างขึ้นอีกนิด ได้รู้จักสถานีอวกาศซึ่งคิดไปเองว่า คงเป็นที่ที่มนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวมานั่งกินกาแฟ ซื้อของฝากจากโลกละมั้ง และก็ยังความคิดแปลก ๆ ที่ว่า
เอ๊ะ!!! เวลาเรานอน เราหายใจไหมนะ ร่ายกาย จมูกมันคงพักไม่หายใจด้วยซินะ ตอนหลับเราคงนิ่ง ๆ ไป
มีอะไรอีกมากมายที่วัยเด็ก พาเราจินตนาการไปไกล โลดแล่นไปกับความสนุกสนานร่าเริง
พอ ป.6 ก็ยังไม่เครียดกับการสอบเท่าไหร่ สอบไม่ได้ก็ย้ายไปเรียนแถวบ้าน เข้ามัธยม อะไรๆ ก็เปลี่ยน จากห้องเรียนในโรงเรียนประถมที่เราคุ้นเคย เดินเรียนเดินเล่น กลายมาเป็นห้องเรียนมัธยมแถมรหัส 422 123 ติดหน้าห้องเต็มไปหมด
เข้าไปวันแรก ๆ หลาย ๆ คนหาห้องไม่ถูก รู้สึกได้ว่าเป็นวันที่ความรับผิดชอบต้องมากขึ้น ครูประถมชอบบอกว่า "ครูมัธยมนะ ไม่สนใจเธอหรอก ไม่มีมาทวงงาน ไม่มีมาใส่ใจมากแล้ว ต้องเริ่มดูแลตัวเองแล้วนะ" เข้ามาเรียนจริง ๆ กลายเป็นว่า โดนทวงงานทุกวัน การบ้านเพียบ แต่ส่วนใหญ่ก็มีแกนนำ แล้วคนอื่น ๆ ก็มาโรงเรียนเช้าหน่อย มาลอกการบ้าน สนุกกันเลยแหละ
แต่มัธยมก็ยังเป็นวัยที่เรียน ๆ เล่น ๆ มีสนุกอยู่นะ พอเตรียมขึ้น ม.ปลายก็ไม่เครียดเพราะโควต้านักเรียนเก่า เกรดถึงพอดี มามอปลายปั๊บก็ต้องเรียนหนักขึ้นหน่อย สนิทกับเพื่อนใหม่ ๆ ได้เร็ว ได้เริ่มเป็นแกนนำกีฬาสี ได้ทำหลาย ๆ อย่างที่ต้องใช้ความรับผิดชอบมากขึ้น ได้เกียรติบัตรมากมายที่การันตีสิ่งต่าง ๆ เป็นอีกวัยที่เรียกว่าสนุกเลยแหละ
รอยต่อมอหกกับมหาลัย เป็นอะไรที่ทั้งตื่นเต้น กลัว เศร้า มีหลาย ๆ แบบ การสอบเรียนต่อมีเข้ามามากมาย จนหลาย ๆ คน ท้อเพราะไม่ติด เพื่อน ๆ ในห้องก็ติดที่นั่นที่นี่กันหมด ลุยมาจนสนามสุดท้าย แอดมินชั่น
จินตนาการต่าง ๆ ในวันเด็กมันได้ถูกกัดกร่อนหายไปเกือบหมด เราจะรื้อฟื้นมันได้ก็จากภาพยนตร์กับเวลาหลับมากหน่อย เพราะช่วงเวลาอื่น ๆ ก็คิดโน่นคิดนี่จนสมองไม่มีเวลาจินตนาการกับสิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่เราเคยคิดในวันเด็ก ทั้งช้างบินได้ ม้าสีรุ้ง สัตว์พูดได้ มันเลื่อนลางจนหายลับไปเรื่อย ๆ
ยิ่งมา มหาลัยเราได้เรียนรู้โลกความเป็นจริงมากขึ้นจนหลายสิ่งที่พ่อแม่บอกก่อนนอนว่า "วันนี้นางฟ้าจะมาอวยพรลูก" "วันนี้ซานต้าจะมาให้ของขวัญนะ" กลายเป็นเรื่องความทรงจำเก่าที่นำมาพูดคุยสนุก ๆ กันเฉย ๆ โดยแถบไม่หลงเหลือความเชื่อแล้ว่าสิ่งเหล่านั้นมีอยู่จริง
การดำเนินชีวิตผู้ใหญ่คงต้องเริ่มต้นต่อไป
จะเป็นเช่นไร ทางไหน
เราก็เรียกมัน ว่า "ชีวิต"