มาเล่า จัดฟันแบบดามอน ครับ (กรณีผมไม่ต้องถอนฟัน)

กระทู้คำถาม
มาเล่า จัดฟันแบบดามอน ครับ ฟันผมเป็นแบบฟันสบลึกครับ

รอคิวจัดฟันนานประมาณ 3 เดือน
ทุกวันที่รอ จะคิดซ้ำไปซ้ำมาว่า จะต้องถอนกี่ซี่ ผ่าฟันคุดกี่ซี่ (ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนผมหรือเปล่านะครับ 555)
ผมคิดซ้ำไปซ้ำมาบ่อยๆ ว่า ถ้าถอนเยอะ ผ่าฟันคุดเยอะ ผมไม่จัดฟันครับ 555 (ป๊อดครับ)
คิดวนเวียนแบบนี้ตลอด 3 เดือนเลยครับ 555

และแล้ววันที่คุณหมอนัดผมก็มาถึง



วันแรก
คุณหมอก็เช็คๆๆๆ ในปากผม เท่าที่ผมสังเกตุ คือคุณหมอดูทีนึง จดทีนึง (พอดีเค้าปิดตาผมไม่มิด ผมเลยเห็นบ้างว่าคุณหมอทำอะไร) แล้วคุณหมอก็บอกผมว่า กรณีผม ไม่ต้องถอนฟัน พอได้ยินแบบนี้แล้วผมรู้สึกหายกังวลไปเยอะเลยครับ (ตอนแรกกะว่าถ้าถอนถอนแค่ 2 ซี่ ผมจะยอมจัดฟันครับ แต่ถ้าเกิน 2 ซี่ไม่จัดฟันแน่นอนครับ 555)

ผมถามคุณหมอว่าทำไมกรณีผมไม่ต้องถอน คุณหมอให้คำตอบว่า ฟันผมค่อนข้างพอดีกับปากครับ (ผมงี้ โล่งใจเลย)

คุณหมอให้ถามๆๆๆ อยากรู้อะไรถาม คุณหมอก็ตอบๆๆๆ (คุณหมออัธยาศัยดีครับ ยิ้มตลอดเลย)
แล้วคุณหมอก็ให้ไปเคลียร์ช่องปาก (ซึ่งนัดทำวันหลัง)
จากนั้นก็ไปถ่ายรูป มีอุปกรณ์ถ่างปาก เหมือนพลาสติก เค้าก็ถ่ายหลายมุมครับ (เมื่อยปากมาก) แล้วก็มาจบที่ ถ่ายยิ้มหน้าตรง และด้านข้าง
แล้วก็ให้ไป x-ray เพื่อดูฟันคุด ช่วง x-ray เค้าก็จะให้เราเข้าไปยืนตรงกลาง แล้วก็มีอะไรซักอย่างหมุนรอบเรา ถ่ายทั้งหมด 2 ครั้ง



วันเคลียร์ช่องปาก
กรณีผม ก็แค่ขูดเห็นปูนครับ แป๊บเดียวเสร็จ
คุณหมอบอกว่าไม่ต้องผ่าฟันคุด (ตอนนั้นผมหายกลัว หายกังวลไปเลยครับ จัดฟันๆๆๆๆๆ )



วันติดเครื่องมือ
คุณหมอติดเหล็กฟันบนก่อนครับ (ฟันล่างยังไม่ติดเหล็ก) คุณหมอบอกว่าฟันหน้าผมซ้อนกัน (ฟันซี่ที่ 2 ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา โดนฟันหน้าบังเล็กน้อย) ยังไงก็ต้องขยายฟันบนออกเพื่อให้เรียงกัน อีกเหตุผลนึงคือ เพื่อให้ฟันล่างมีพื้นที่ในการติดเครื่องมือ และฟันล่างมีพื้นที่ให้เคลื่อนที่ (ถ้าผมจำไม่ผิด และเข้าใจไม่ผิดนะครับ)

เริ่มแรกก็คุณหมอใช้เครื่องมืออะไรซักอย่างใส่ที่ปากครับ ทำให้ปากอ้าตลอด ริมฝีปากทั้งข้างบน-ล่าง ก็เปิดตลอด (รู้สึกเมื่อยมากก)
แล้วคุณหมอก็ขูดหินปูนอีกรอบ
จากนั้นเท่าที่รู้สึกได้ คือ คุณหมอเอาน้ำอะไรมาฉีดไม่รู้ครับ เหมือนน้ำมันแรง ก็เลยกระฉอกเลอะแก้มเลยหละครับ 555
แล้วก็เหมือนคุณหมอใช้เครื่องมืออะไรซักอย่าง มีเสียง "บิ๊บ บิ๊บ บิ๊บ" มาทำอะไรกับฟัน (ผมไม่รู้หรอกครับว่าคืออะไร เพราะมองไม่เห็น แบบว่าโดนปิดตาไว้)
จากนั้นคุณหมอก็ค่อยๆ ติดเหล็กทีละอัน ความรู้สึกเหมือนเอาอะไรมาเกลี่ยๆ ที่ฟัน (คุณหมอก็เริ่มจากฟันด้านในก่อน)
แล้วก็จบที่การเอาลวดมาใส่ ตอนใส่ลวดนี่แป๊บเดียวครับ เหมือนคุณหมอใช้นิ้วมือเนี่ยแหละเอาลวดใส่ไปที่เหล็กติดฟัน (ผมเดานะครับ เพราะผมมองไม่เห็น)
รวมๆ ประมาณ 30 นาทีครับ

แล้วก็มีคนพาไปสอนแปรงฟัน การแปรงฟันก็ใช้แปรงสีฟันแบบเฉพาะครับ ปลายขนแปรงมันจะยาวไม่เท่ากัน
เวลาแปลงให้แปลง 45 องศา มุมเงย กับมุมเสย

ระหว่างเดินทางกลับบ้านรู้สึกได้เลยว่า ฟันตึงๆ นิดๆ ครับ เวลาฟันบนโดนฟันล่าง จะรู้สึกตึงมากขึ้น ผมไม่รู้สึกปวด ไม่รู้สึกเจ็บเลย

พอถึงบ้านก็หัวค่ำแล้วครับ ก็เป็นเวลามื้อเย็น คราวนี้รู้เลยว่าเคี้ยวไม่ได้ครับ (คายทิ้งเลยคำแรก) เวลาฟันบนโดนฟันล่าง (เวลาเคี้ยว) จะรู้สึกว่าตึงครับ เหมือนฟันโดนดึง (บอกไม่ถูก)
สุดท้ายก็ต้องไปซื้อโจ้กครับ ร้านแรกซื้อมา หมู(สับ) ไม่นิ่มครับ กินไม่ได้อีก ...จริงๆ กินได้ครับ แต่ต้องค่อยๆ เคี้ยวครับ รู้สึกเสียเวลาครับ (หิวววมากกกแล้ววว)

สุดท้ายไม่กินครับ หันไปดูที่ตู้ มีมาม่า เลยมาม่าเลยครับ ต้มเละๆ ใส่ไข่เละๆ  เหยาะซีอิ้วหน่อย
ชั่วโมงนี้อร่อยมากครับ

พอวันรุ่งขึ้นกินง่ายกว่าเดิมครับ ผมไม่รู้สึกปวด ไม่รู้สึกเจ็บ  ตอนเคี้ยวไม่รู้สึกตึงเหมือนวันแรก
ตอนนี้ผมยังไม่กล้ากินข้าวครับ ยังรู้สึกตึงๆ เวลาเคี้ยวอยู่ครับ
แล้วผมก็ค้นพบว่า ร้านโจ้กบางกอกหมูนิ่มกว่า ร้านโจ้กทั่วไป เคี้ยวง่าย
นอกจากนี้ ยังค้นพบว่า กินกับโจ้ก ใส่ไข่ต้ม กับ หมูหยอง เนี่ย อร่อยสุดแล้วครับ

กระพุ้งแก้มเริ่มรู้สึกเป็นรอยถลอกจากลวดแล้วครับ
แก้ไขเบื้องต้นด้วยการเอาขี้ผึ้งมาแปะ (เค้าให้ขึ้ผึ้งสีขาวๆ มาครับ)


ตอนนี้ก็รออีก 2 เดือนครับ ค่อยไปให้คุณหมอดูใหม่
ขอจบการเล่าไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ วันหลังมาเล่าใหม่ครับ

(กำลังเรียบเรียงอยู่ แก้ไปแก้มา)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่