สวัสดีค่ะ ต้องขอบอกก่อนว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ถ้าผิดพลาดยังไง ต้องขออภัยด้วย มีอะไรแนะนำ บอกได้เลยนะคะ ว่าแล้วก็มาเริ่มเรื่องกันดีกว่า ขอรับรองว่าเรื่องต่อไปนี้ เกิดขึ้นกับเราจริงค่ะ
เราเป็นคนเห็นผี จำได้ว่าเห็นตั้งแต่เด็กๆ ครั้งแรกที่เห็นเป็นตอนป.4 หลังจากนั้นมาก็เห็นมาเรื่อย ไปที่ไหนก็เห็นได้หมด ต่างจังหวัด โรงพยาบาล โรงเรียน ร้านขายของ ไม่เว้นแม้กระทั่งที่"
บ้าน"
บ้านหลังนี้เป็นบ้านใหม่ค่ะ ไม่ได้ซื้อต่อจากใคร พ่อเราซื้อตั้งแต่เราเด็กๆ ไม่มีประวัติ ไม่มีใครเคยอยู่มาก่อน บ้านเป็นทาวเฮ้าส์สองชั้นธรรมดา ชั้นล่างเป็นที่รวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ นั่งคุย กินข้าว ไม่มีห้องรับแขกหรอกค่ะ ไม่ใหญ่โตขนาดนั้น เดินเข้าไปหน่อยก็จะเป็นส่วนของครัว แล้วก็ห้องน้ำชั้นล่าง ขึ้นบันไดมาชั้นสองจะเห็นประตูห้องนอนพ่อแม่เลย ถัดไปหน่อยก็จะเป็นห้องน้ำ แล้วก็เป็นอีกห้องนึง ไม่มีใครนอน ย่าเลยทำเป็นห้องพระ เราเข้ามาอยู่น่าจะซักประมาณ 2ขวบ อยู่กับพ่อแม่ ปู่ย่า รวมกัน 5 คน เราจะนอนกับปู่ย่าข้างล่างวันธรรมดา ส่วนเสาร์อาทิตย์ถึงจะขึ้นไปนอนกับพ่อแม่ข้างบน แต่โตมาก็ไม่ได้ขึ้นไปแล้ว จะอยู่กับย่าเป็นส่วนใหญ่
เรื่องแรกไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ น่าจะตอนป.5 ปกติเสาร์อาทิตย์ย่าจะให้เราถูบ้าน ให้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องพระตลอด แรกๆก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากที่เกิดเรื่องเราก็ไม่ค่อยจะอยากทำเท่าไหร่(เปล่าหรอก จริงๆขี้เกียจ ฮาาาา) เรื่องก็คือ ในห้องพระเนี่ยจะมีตู้เสื้อผ้าไม้เก่าๆของย่า วางแบ่งกั้นพื้นที่ห้องเอาไว้ มันจะหันหน้าไปทางประตู ส่วนบานตู้จะมีกระจกอยู่ด้วยเท่ากับว่า ถ้าเราหันหน้าส่องกระจก จะเห็นประตูห้องพระอยู่ด้านหลัง ประตูนี้จะไม่ปิด ไม่เคยปิดเลย เปิดค้างไว้ตลอดให้ลมระบาย แล้วเวลาเราถูพื้นเนี่ย เราจะเข้าไปถูข้างในห้องก่อน แล้วค่อยถอยหลังออกห้อง (ใช้ผ้านั่งถู ไม่ได้ใช้ไม้ถูพื้น) วันนั้นจำได้ว่ามันเป็นตอนกลางวันเนี่ยแหละ ก็ถูปกติ ไม่ได้คิดอะไร ถูถอยหลังมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าตู้เสื้อผ้า ซึ่งใกล้จะออกจะห้องแล้ว เราก็เหลือบไปเห็นในกระจก เป็นคนใส่ชุดขาวยืนอยู่ คือหน้าไม่เห็นนะ เพราะเค้า
ไม่มีหัว ตกใจมาก แต่เราเป็นคนที่เห็นแล้วจะไม่ทำให้เค้ารู้ว่าเราเห็น เรารีบก้มลงถูพื้นต่อให้เสร็จแล้วรีบลงมาข้างล้างทันที ยังไม่กล้าบอกใครเพราะยังไม่แน่ใจ จนเห็นเค้าอีกหลายๆครั้ง น่าจะเป็นคนเดียวกัน เพราะไม่มีหัวเหมือนกัน ครั้งสุดท้ายที่เห็นคนใส่ชุดขาวนี้ คือเค้ามีหัวปกติ เค้ายิ้มให้ (อย่างเป็นมิตร) และเค้าเป็นผู้หญิง
เรื่องที่สอง พอโตมาหน่อย ย่ากับปู่เราไปอยู่ที่อื่น เหลือแค่เรากับพ่อ แม่ ตอนนั้นน่าจะซักประมาณมอต้น เราย้ายเข้าไปนอนในห้องพระ เวลาจะทำการบ้านจะลงมาทำที่โต๊ะหนังสือข้างล่าง จัดตารางสอนหรืออะไรก็แล้วแต่จะทำข้างล่าง วันนั้นพ่อกับแม่ออกไปข้างนอก เราอยู่ข้างล่างคนเดียว เปิดทีวีไว้แล้วมานั่งจัดตารางสอน โต๊ะเราจะอยู่ใกล้ๆบันได หันหลังให้บันไดเลย เรานั่งจัดกระเป๋าอยู่ก็ได้ยินเสียงบันไดดัง (บันไดไม้เวลาคนเดินมันจะดัง) ตอนนั้นก็คิดปลอบใจตัวเองว่าไม่มีอะไรมั้ง แต่มันก็ไม่หยุดดัง เราทำเป็นหันไปดูทีวี ไม่สนใจอะไร ปรากฎว่า ตอนหันไปหางตาไปเห็นขากำลังเดินลงบันไดมา เลยหันไปมอง ที่เห็นคือเป็นขาคน ซีดๆ เหมือนเปียกน้ำ แต่ไม่ชัดจริงๆว่ามันเป็นแบบไหน เห็นแค่ว่าขาคู่นั้นเดินลงบันไดมาช้าๆ ค่อยๆก้าวลงมา พอลงมาถึงช่วงเข่า มันกลับสุดแค่นั้น ไม่มีมากกว่านั้น แต่เค้ายังเดินลงมาเรื่อย ภาพสุดท้ายที่เราเห็นคือ ตั้งแต่เท้าถึงเข่าสองข้าง กำลังเดินลงมาจากข้างบน แล้วก็เหมือนทุกครั้ง ไม่ทำให้เค้ารู้ตัวว่าเราเห็น เราหันกลับมาจัดตารางสอนต่อ ทำเป็นไม่สนใจ แม้จะตาเหลือกไปแล้วก็ตาม แล้วก็แค่นั้น เค้าแค่มาให้เห็น
จากสองเรื่องที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า พวกเค้าแค่มาให้เห็น ไม่ได้มาทำร้ายอะไรเรา เราก็โอเค เห็นก็ไปทำบุญให้ตามที่ใครๆแนะนำว่าเค้าอาจจะมาขอส่วนบุญ แต่เรารู้สึกว่า ยิ่งเราทำบุญมากเท่าไหร่ การเจอผีของเรายิ่งรุนแรง ไม่นับที่มหาลัยฯ ที่อื่นๆ แต่เอาแค่ที่บ้าน บ้านของเราเอง คือมันแย่มาก
คนเจอผีคงจะเข้าใจความรู้สึกคนโดนผีอำ เบสิคเลยก็
1.มันจะขยับตัวไม่ได้
2.พูดดังแค่ไหนเสียงก็จะไม่ออก
3.บางรายปวดหัวขั้นรุนแรง (เราเป็นต้น)
4.ลืมตาได้ แต่ไม่สุด
คนที่ไม่เชื่อก็จะบอกว่า นอนทับเส้นนะไม่มีอะไรหรอก เอาจริงๆ คนไม่เจอกับตัว ไม่รู้หรอกค่ะว่าพวกเรารู้สึกยังไง เราโดนผีอำบ่อย บ่อยจนตอนนี้รู้แล้วว่าต้องทำยังไงถึงจะไม่โดน ถ้าโดนทำยังไงถึงหาย
เรื่องที่สามจะเป็นรวมเรื่องพีคของการโดนผีอำ(เฉพาะที่บ้านตัวเอง) ต้องบอกก่อนว่าเราเรียนศิลปะ ทำงานส่งอาจารย์ทีไม่ค่อยมีเวลานอนค่ะ กลางวันเรียน ตอนเย็นเลิกเรียนจะหลับซักพัก ตื่นมากลางคืนทำโปรเจค ส่งงานอาจารย์ทีถึงจะมีเวลานอน ทำให้เวลาในการนอนเปลี่ยนไป ว่างเมื่อไหร่ ไม่มีงานทำจะนอน อยู่หอเป็นแบบไหน กลับบ้านมาก็เป็นแบบนั้น เรากลายเป็นคนนอนตอนเย็น ซึ่งแม่ไม่ชอบให้นอน เพราะรู้ว่าเราเป็นแบบไหน แม่บอกช่วงเวลา 4-5 โมงเย็นเนี่ย มันเวลาผีตากผ้าอ้อม แต่คนมันง่วงจริงๆ ก็นอนอะ ไม่ได้สนใจอะไรหรอก จนวันนั้น เราก็นอนตอนเย็น แม่ไปข้างนอก อยู่บ้านคนเดียว นอนอยู่ข้างล่างปกติ จนได้ยินเหมือนคนคุยกัน ผู้หญิงคนนึง ผู้ชายคนนึง ประมาณว่า
ญ : อย่าทำแบบนี้เลย
ช : ก็เพราะมันถึงเป็นแบบนี้
แล้วก็เถียงกันไปมา เราก็ได้ยินนะ ไม่ได้แอบฟัง ตอนนั้นครึ่งหลับครึ่งตื่น เพราะได้ยินเสียงเค้าคุยกันแหละ จนกระทั่งอยู่ดีๆก็ปวดหัวหนัก เหมือนมีคนมาบีบ ขยับตัวไม่ได้ แล้วก็ยังได้ยินเสียงเค้าคุยกันอยู่ แต่เสียงผู้ชายดูโกรธจัด เราก็พยายามดิ้น พยายามทำทุกอย่างให้หาย ตะโกนให้แม่ช่วยแต่ไม่มีเสียงอะไรออกจากปากเราเลย เป็นอยู่อย่างนั้นจนเราได้ยินเสียงคนเปิดประตูบ้านเข้ามา เราก็หายอาการทั้งหมดทันที เราลืมตาขึ้นดูว่าเป็นใครที่เข้ามา ปรากฎว่าไม่มีใครเลย บอกแม่ตอนหลังแม่บอกว่าคงเป็นตายาย (บ้านเรามีศาล) ยังไงก็ขอบคุณมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพราะไอตอนปวดหัวเนี่ย มันโคตรแย่
อีกครั้งนึงก็เหมือนเดิม นอนเวลาเดิม ที่เดิม ครั้งนี้เราก็รู้ตัวนะว่าจะโดนอำ แต่ด้วยความง่วง ก็พยายามสู้อยู่(มันสู้ได้จริงๆนะ) ตอนนั้นเราได้ยินเสียงบันไดดัง เหมือนมีคนเดินลงมา เวลาเราจะโดนอำเนี่ย สติเราจะไม่ครบร้อยนะ มันเหมือนความกลัวเราจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว จำได้ว่าตอนนั้นกลัว เพราะรู้ตัวว่าเอาอีกแล้วกู นี่บ้านกูนะ ทำกูทำไมเนี่ย เสียงบันไดดังลงมาเรื่อยๆจนหยุด เหมือนเป็นช่วงที่เค้าเดินมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว เราลืมตาดู ภาพที่เห็นคือผู้หญิงใส่ชุดขาวยืนมองเราอยู่ที่ปลายเท้า แต่เราคิดว่าไม่น่าจะใช่คนเดียวกับที่เห็นตอนเด็ก เพราะคนนั้นเค้าดูไม่ทำร้ายใคร ดูใจดี แต่นี่ไม่ใช่ ถึงชุดจะสีขาวแต่มันเลอะเทอะ เนื้อตัวเละ หน้าตาน่ากลัว น่ากลัวจริงๆ คือผีเลยอะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจ เค้ามองเรา เราก็มอง ไม่กล้าทำอะไร คือถ้าปกติก็จะทำเป็นไม่สนใจ แต่นี่อย่างที่บอก สติไม่เต็ม100 เค้ามองจนกระทั่งเค้ากรีดร้องแล้วกระโจนใส่เรา เสียงนั้นเราอธิบายไม่ได้จริงๆว่ามันน่ากลัวแค่ไหน มันเกินคำบรรยายมาก เป็นเสียงที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน และก็ไม่อยากได้ยินอีก เค้ากระโจนเข้ามาจนเราเข้าอาการเดิม คือปวดหัวมากๆ ขยับตัวไม่ได้ ลืมตาไม่สุด ตะโกนไม่มีเสียง รู้แค่ว่าร้องไห้ เพราะกลัวมาก เราไม่รู้จะทำยังไง ปวดหัวจนโกรธ ไม่คิดสวดมนต์เพราะเคยสวด ไม่ช่วยเลยค่ะ สวดไม่เคยจบ เรานอนอยู่แบบนั้นจนเค้าออกไปเอง ลุกมาน้ำตาไหลและครั้งนั้นคือรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเจอที่บ้านมา
เรื่องเราก็มีประมาณนี้ จริงๆมีอีกหลายเรื่อง ให้เล่าทั้งวันก็ไม่หมด ที่มาเล่าคืออยากถามทุกคนว่า คุณเคยเจอเรื่องแบบนี้ที่บ้านตัวเองมั้ย เราไม่รู้จะไปถามใครว่าที่บ้านมันเกิดอะไรขึ้น เพราะคนในครอบครัวก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเค้าไม่เจอด้วย เราเจออยู่คนเดียว ต้องแก้ที่อะไร แก้ที่บ้าน หรือแก้ที่เรา ไม่ใช่ว่าอยู่แล้วมันไม่มีความสุขนะคะ แต่มันก็มีระแวงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตอนไหน เจอผีนี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเราไปแล้ว แต่ที่บ้านนี่ เวลากลับบ้านมาพ่อก็จะถามตลอด เจออะไรอีกมั้ย พ่อดูตื่นเต้นที่ลูกเจอสิ่งผิดปกติ ฮาาาา จริงๆแล้วก็คงไม่มีใครอยากเห็นผีหรอกมั้งคะ หรือพวกคุณว่ามันมีข้อดียังไง แสดงความคิดเห็นกันได้ค่ะ กระทู้นี้กระทู้แรก แนะนำกันเข้ามาได้เลยนะคะ ไว้ว่างๆจะเข้ามาเล่าเหตุการณ์ที่เจอที่อื่นบ้าง เช่น มหาวิทยาลัยสยองขวัญ
โดนผีหลอกที่บ้าน จนแอบคิดว่านี่ใช่บ้านตัวเองรึเปล่าวะ
เราเป็นคนเห็นผี จำได้ว่าเห็นตั้งแต่เด็กๆ ครั้งแรกที่เห็นเป็นตอนป.4 หลังจากนั้นมาก็เห็นมาเรื่อย ไปที่ไหนก็เห็นได้หมด ต่างจังหวัด โรงพยาบาล โรงเรียน ร้านขายของ ไม่เว้นแม้กระทั่งที่"บ้าน"
บ้านหลังนี้เป็นบ้านใหม่ค่ะ ไม่ได้ซื้อต่อจากใคร พ่อเราซื้อตั้งแต่เราเด็กๆ ไม่มีประวัติ ไม่มีใครเคยอยู่มาก่อน บ้านเป็นทาวเฮ้าส์สองชั้นธรรมดา ชั้นล่างเป็นที่รวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ นั่งคุย กินข้าว ไม่มีห้องรับแขกหรอกค่ะ ไม่ใหญ่โตขนาดนั้น เดินเข้าไปหน่อยก็จะเป็นส่วนของครัว แล้วก็ห้องน้ำชั้นล่าง ขึ้นบันไดมาชั้นสองจะเห็นประตูห้องนอนพ่อแม่เลย ถัดไปหน่อยก็จะเป็นห้องน้ำ แล้วก็เป็นอีกห้องนึง ไม่มีใครนอน ย่าเลยทำเป็นห้องพระ เราเข้ามาอยู่น่าจะซักประมาณ 2ขวบ อยู่กับพ่อแม่ ปู่ย่า รวมกัน 5 คน เราจะนอนกับปู่ย่าข้างล่างวันธรรมดา ส่วนเสาร์อาทิตย์ถึงจะขึ้นไปนอนกับพ่อแม่ข้างบน แต่โตมาก็ไม่ได้ขึ้นไปแล้ว จะอยู่กับย่าเป็นส่วนใหญ่
เรื่องแรกไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ น่าจะตอนป.5 ปกติเสาร์อาทิตย์ย่าจะให้เราถูบ้าน ให้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องพระตลอด แรกๆก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากที่เกิดเรื่องเราก็ไม่ค่อยจะอยากทำเท่าไหร่(เปล่าหรอก จริงๆขี้เกียจ ฮาาาา) เรื่องก็คือ ในห้องพระเนี่ยจะมีตู้เสื้อผ้าไม้เก่าๆของย่า วางแบ่งกั้นพื้นที่ห้องเอาไว้ มันจะหันหน้าไปทางประตู ส่วนบานตู้จะมีกระจกอยู่ด้วยเท่ากับว่า ถ้าเราหันหน้าส่องกระจก จะเห็นประตูห้องพระอยู่ด้านหลัง ประตูนี้จะไม่ปิด ไม่เคยปิดเลย เปิดค้างไว้ตลอดให้ลมระบาย แล้วเวลาเราถูพื้นเนี่ย เราจะเข้าไปถูข้างในห้องก่อน แล้วค่อยถอยหลังออกห้อง (ใช้ผ้านั่งถู ไม่ได้ใช้ไม้ถูพื้น) วันนั้นจำได้ว่ามันเป็นตอนกลางวันเนี่ยแหละ ก็ถูปกติ ไม่ได้คิดอะไร ถูถอยหลังมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าตู้เสื้อผ้า ซึ่งใกล้จะออกจะห้องแล้ว เราก็เหลือบไปเห็นในกระจก เป็นคนใส่ชุดขาวยืนอยู่ คือหน้าไม่เห็นนะ เพราะเค้าไม่มีหัว ตกใจมาก แต่เราเป็นคนที่เห็นแล้วจะไม่ทำให้เค้ารู้ว่าเราเห็น เรารีบก้มลงถูพื้นต่อให้เสร็จแล้วรีบลงมาข้างล้างทันที ยังไม่กล้าบอกใครเพราะยังไม่แน่ใจ จนเห็นเค้าอีกหลายๆครั้ง น่าจะเป็นคนเดียวกัน เพราะไม่มีหัวเหมือนกัน ครั้งสุดท้ายที่เห็นคนใส่ชุดขาวนี้ คือเค้ามีหัวปกติ เค้ายิ้มให้ (อย่างเป็นมิตร) และเค้าเป็นผู้หญิง
เรื่องที่สอง พอโตมาหน่อย ย่ากับปู่เราไปอยู่ที่อื่น เหลือแค่เรากับพ่อ แม่ ตอนนั้นน่าจะซักประมาณมอต้น เราย้ายเข้าไปนอนในห้องพระ เวลาจะทำการบ้านจะลงมาทำที่โต๊ะหนังสือข้างล่าง จัดตารางสอนหรืออะไรก็แล้วแต่จะทำข้างล่าง วันนั้นพ่อกับแม่ออกไปข้างนอก เราอยู่ข้างล่างคนเดียว เปิดทีวีไว้แล้วมานั่งจัดตารางสอน โต๊ะเราจะอยู่ใกล้ๆบันได หันหลังให้บันไดเลย เรานั่งจัดกระเป๋าอยู่ก็ได้ยินเสียงบันไดดัง (บันไดไม้เวลาคนเดินมันจะดัง) ตอนนั้นก็คิดปลอบใจตัวเองว่าไม่มีอะไรมั้ง แต่มันก็ไม่หยุดดัง เราทำเป็นหันไปดูทีวี ไม่สนใจอะไร ปรากฎว่า ตอนหันไปหางตาไปเห็นขากำลังเดินลงบันไดมา เลยหันไปมอง ที่เห็นคือเป็นขาคน ซีดๆ เหมือนเปียกน้ำ แต่ไม่ชัดจริงๆว่ามันเป็นแบบไหน เห็นแค่ว่าขาคู่นั้นเดินลงบันไดมาช้าๆ ค่อยๆก้าวลงมา พอลงมาถึงช่วงเข่า มันกลับสุดแค่นั้น ไม่มีมากกว่านั้น แต่เค้ายังเดินลงมาเรื่อย ภาพสุดท้ายที่เราเห็นคือ ตั้งแต่เท้าถึงเข่าสองข้าง กำลังเดินลงมาจากข้างบน แล้วก็เหมือนทุกครั้ง ไม่ทำให้เค้ารู้ตัวว่าเราเห็น เราหันกลับมาจัดตารางสอนต่อ ทำเป็นไม่สนใจ แม้จะตาเหลือกไปแล้วก็ตาม แล้วก็แค่นั้น เค้าแค่มาให้เห็น
จากสองเรื่องที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า พวกเค้าแค่มาให้เห็น ไม่ได้มาทำร้ายอะไรเรา เราก็โอเค เห็นก็ไปทำบุญให้ตามที่ใครๆแนะนำว่าเค้าอาจจะมาขอส่วนบุญ แต่เรารู้สึกว่า ยิ่งเราทำบุญมากเท่าไหร่ การเจอผีของเรายิ่งรุนแรง ไม่นับที่มหาลัยฯ ที่อื่นๆ แต่เอาแค่ที่บ้าน บ้านของเราเอง คือมันแย่มาก
คนเจอผีคงจะเข้าใจความรู้สึกคนโดนผีอำ เบสิคเลยก็
1.มันจะขยับตัวไม่ได้
2.พูดดังแค่ไหนเสียงก็จะไม่ออก
3.บางรายปวดหัวขั้นรุนแรง (เราเป็นต้น)
4.ลืมตาได้ แต่ไม่สุด
คนที่ไม่เชื่อก็จะบอกว่า นอนทับเส้นนะไม่มีอะไรหรอก เอาจริงๆ คนไม่เจอกับตัว ไม่รู้หรอกค่ะว่าพวกเรารู้สึกยังไง เราโดนผีอำบ่อย บ่อยจนตอนนี้รู้แล้วว่าต้องทำยังไงถึงจะไม่โดน ถ้าโดนทำยังไงถึงหาย
เรื่องที่สามจะเป็นรวมเรื่องพีคของการโดนผีอำ(เฉพาะที่บ้านตัวเอง) ต้องบอกก่อนว่าเราเรียนศิลปะ ทำงานส่งอาจารย์ทีไม่ค่อยมีเวลานอนค่ะ กลางวันเรียน ตอนเย็นเลิกเรียนจะหลับซักพัก ตื่นมากลางคืนทำโปรเจค ส่งงานอาจารย์ทีถึงจะมีเวลานอน ทำให้เวลาในการนอนเปลี่ยนไป ว่างเมื่อไหร่ ไม่มีงานทำจะนอน อยู่หอเป็นแบบไหน กลับบ้านมาก็เป็นแบบนั้น เรากลายเป็นคนนอนตอนเย็น ซึ่งแม่ไม่ชอบให้นอน เพราะรู้ว่าเราเป็นแบบไหน แม่บอกช่วงเวลา 4-5 โมงเย็นเนี่ย มันเวลาผีตากผ้าอ้อม แต่คนมันง่วงจริงๆ ก็นอนอะ ไม่ได้สนใจอะไรหรอก จนวันนั้น เราก็นอนตอนเย็น แม่ไปข้างนอก อยู่บ้านคนเดียว นอนอยู่ข้างล่างปกติ จนได้ยินเหมือนคนคุยกัน ผู้หญิงคนนึง ผู้ชายคนนึง ประมาณว่า
ญ : อย่าทำแบบนี้เลย
ช : ก็เพราะมันถึงเป็นแบบนี้
แล้วก็เถียงกันไปมา เราก็ได้ยินนะ ไม่ได้แอบฟัง ตอนนั้นครึ่งหลับครึ่งตื่น เพราะได้ยินเสียงเค้าคุยกันแหละ จนกระทั่งอยู่ดีๆก็ปวดหัวหนัก เหมือนมีคนมาบีบ ขยับตัวไม่ได้ แล้วก็ยังได้ยินเสียงเค้าคุยกันอยู่ แต่เสียงผู้ชายดูโกรธจัด เราก็พยายามดิ้น พยายามทำทุกอย่างให้หาย ตะโกนให้แม่ช่วยแต่ไม่มีเสียงอะไรออกจากปากเราเลย เป็นอยู่อย่างนั้นจนเราได้ยินเสียงคนเปิดประตูบ้านเข้ามา เราก็หายอาการทั้งหมดทันที เราลืมตาขึ้นดูว่าเป็นใครที่เข้ามา ปรากฎว่าไม่มีใครเลย บอกแม่ตอนหลังแม่บอกว่าคงเป็นตายาย (บ้านเรามีศาล) ยังไงก็ขอบคุณมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพราะไอตอนปวดหัวเนี่ย มันโคตรแย่
อีกครั้งนึงก็เหมือนเดิม นอนเวลาเดิม ที่เดิม ครั้งนี้เราก็รู้ตัวนะว่าจะโดนอำ แต่ด้วยความง่วง ก็พยายามสู้อยู่(มันสู้ได้จริงๆนะ) ตอนนั้นเราได้ยินเสียงบันไดดัง เหมือนมีคนเดินลงมา เวลาเราจะโดนอำเนี่ย สติเราจะไม่ครบร้อยนะ มันเหมือนความกลัวเราจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว จำได้ว่าตอนนั้นกลัว เพราะรู้ตัวว่าเอาอีกแล้วกู นี่บ้านกูนะ ทำกูทำไมเนี่ย เสียงบันไดดังลงมาเรื่อยๆจนหยุด เหมือนเป็นช่วงที่เค้าเดินมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว เราลืมตาดู ภาพที่เห็นคือผู้หญิงใส่ชุดขาวยืนมองเราอยู่ที่ปลายเท้า แต่เราคิดว่าไม่น่าจะใช่คนเดียวกับที่เห็นตอนเด็ก เพราะคนนั้นเค้าดูไม่ทำร้ายใคร ดูใจดี แต่นี่ไม่ใช่ ถึงชุดจะสีขาวแต่มันเลอะเทอะ เนื้อตัวเละ หน้าตาน่ากลัว น่ากลัวจริงๆ คือผีเลยอะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจ เค้ามองเรา เราก็มอง ไม่กล้าทำอะไร คือถ้าปกติก็จะทำเป็นไม่สนใจ แต่นี่อย่างที่บอก สติไม่เต็ม100 เค้ามองจนกระทั่งเค้ากรีดร้องแล้วกระโจนใส่เรา เสียงนั้นเราอธิบายไม่ได้จริงๆว่ามันน่ากลัวแค่ไหน มันเกินคำบรรยายมาก เป็นเสียงที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน และก็ไม่อยากได้ยินอีก เค้ากระโจนเข้ามาจนเราเข้าอาการเดิม คือปวดหัวมากๆ ขยับตัวไม่ได้ ลืมตาไม่สุด ตะโกนไม่มีเสียง รู้แค่ว่าร้องไห้ เพราะกลัวมาก เราไม่รู้จะทำยังไง ปวดหัวจนโกรธ ไม่คิดสวดมนต์เพราะเคยสวด ไม่ช่วยเลยค่ะ สวดไม่เคยจบ เรานอนอยู่แบบนั้นจนเค้าออกไปเอง ลุกมาน้ำตาไหลและครั้งนั้นคือรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเจอที่บ้านมา
เรื่องเราก็มีประมาณนี้ จริงๆมีอีกหลายเรื่อง ให้เล่าทั้งวันก็ไม่หมด ที่มาเล่าคืออยากถามทุกคนว่า คุณเคยเจอเรื่องแบบนี้ที่บ้านตัวเองมั้ย เราไม่รู้จะไปถามใครว่าที่บ้านมันเกิดอะไรขึ้น เพราะคนในครอบครัวก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเค้าไม่เจอด้วย เราเจออยู่คนเดียว ต้องแก้ที่อะไร แก้ที่บ้าน หรือแก้ที่เรา ไม่ใช่ว่าอยู่แล้วมันไม่มีความสุขนะคะ แต่มันก็มีระแวงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตอนไหน เจอผีนี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเราไปแล้ว แต่ที่บ้านนี่ เวลากลับบ้านมาพ่อก็จะถามตลอด เจออะไรอีกมั้ย พ่อดูตื่นเต้นที่ลูกเจอสิ่งผิดปกติ ฮาาาา จริงๆแล้วก็คงไม่มีใครอยากเห็นผีหรอกมั้งคะ หรือพวกคุณว่ามันมีข้อดียังไง แสดงความคิดเห็นกันได้ค่ะ กระทู้นี้กระทู้แรก แนะนำกันเข้ามาได้เลยนะคะ ไว้ว่างๆจะเข้ามาเล่าเหตุการณ์ที่เจอที่อื่นบ้าง เช่น มหาวิทยาลัยสยองขวัญ