รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข้
“ ประเทศไทยมีสภาพเป็นไข้รุม ผมเขียนรัฐธรรมนูญต้องมีเป้าหมาย
เป็นไข้ต้องรักษา ความขัดแย้งต้องยุติ ประเทศจึงจะพ้นวิกฤต”
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ๑๔ กุมภา’๕๗
ถามฟังความเห็นอาจารย์บวรศักดิ์ที่ดำริจะสร้างกลไก“คณะกรรมการปฏิรูปและปรองดอง”ไว้ในรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อเป็นคนกลางดึงคู่ขัดแย้งทางการเมืองให้มาหันหน้าเข้าหากัน แล้วเห็นอย่างไร?
ตอบผมเห็นว่าความขัดแย้งหรือไข้รุมที่เขาว่า มันเป็นแค่อาการของมะเร็งที่กำลังก่อตัวเท่านั้น ที่จริงมันต้องปราบเนื้อร้าย แล้วฟื้นฟูร่างกายขึ้นมา จึงจะรอดหายนะได้ มะเร็งที่ว่านี้ อันที่จริง ดร.บวรศักดิ์ มีส่วนก่อขึ้นมาโดยตรงเลย ในคราวเป็นเลขา และผลักดันร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐
ถามอะไรคือมะเร็งที่ว่าครับ
ตอบรัฐธรรมนูญ ๔๐ ทุ่มเทวางกลไกให้พรรคการเมืองเข็มแข็งเหนือ สส. และรัฐบาลเข้มแข็งเหนือฝ่ายค้าน จากนั้นจึงมาสร้างกลไกอิสระคอยตรวจสอบ การใช้อำนาจของเสียงข้างมากด้วยมาตรการทางกฎหมาย อีกชั้นหนึ่ง
กลไกอย่างนี้มันไปเป็นประกันการลงทุนทางการเมืองของนายทุน ที่จับมือกันทุ่มทุนเป็นพันล้านสร้างเผด็จการพรรคการเมืองขึ้นมา จนกลายเป็นทรราชจากหีบเลือกตั้งที่แข็งขืนต่อกฎหมายตลอดเวลา เกิดผู้คนลุกฮือขึ้นสู้เป็นสองระลอก ทั้ง พันธมิตร และ กปปส. แล้วจบด้วยคำสัญญาของ คสช.ในวันนี้ว่าจะคืนความสุขให้เราในที่สุด
ถามมะเร็งมันก่อตัวที่ตรงไหน
ตอบความคิด ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เผด็จการพรรคการเมืองนายทุนมันอัดฉีดลงไปในสังคมไทย มันทำให้ “ความเป็นส่วนรวม” ในสังคมการเมืองไทยมันสลายตัวจนเสียไปทั้งภราดรภาพที่จะอยู่ด้วยกัน เสียทั้งความเสมอภาคในการมีส่วนร่วมและแบ่งปันกัน แล้วก็มาเสียที่เสรีภาพในการสื่อสารถึงกัน จนมาถึงการข่มเหงรังแกล่วงสิทธิพื้นฐานในความคิด ชีวิต ร่างกาย ของผู้อื่นในที่สุด ถ้าไม่ขุดรากถอนโคน ทั้งความคิดและความเคลื่อนไหวของเผด็จการนี้ เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เละอีก รุนแรงอีก
ถามขุดรากถอนโคนอย่างไร?
ตอบ“พรรคการเมือง”ต้องไม่ใช่ลิ่มตอกประเทศให้แตกออกจากกัน เป็นภาคนั้นภาคนี้ ต้องไม่ใช่คลังสินค้าประชานิยม เอาเงินส่วนรวมมาแปลงเป็นสินบนทางการเมืองให้ผู้คนในรูปต่างๆ จนประชาธิปไตยกลายเป็นการอุปถัมภ์อย่างเป็นระบบ และการเงินการคลังเสียหายเป็นล้านล้านบาทอย่างทุกวันนี้ ที่สำคัญพรรคการเมืองจะต้องไม่จัดตั้งขบวนการมวลชน และใช้ตำรวจกับอันธพาลทำร้ายฆ่าฟันผู้คนด้วย
ทั้งหมดนี้คือ “เผด็จการพรรคการเมือง” ที่ ดร.บวรศักดิ์ เขียนรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ประกันการลงทุนของพวกนายทุนสามานย์ไว้ พอปีศาจตัวนี้กำเริบขึ้นมาในเสื้อคลุมประชาธิปไตย ก็อาละวาดทำประเทศ

มาจนทุกวันนี้ แล้วปีนี้คนฉลาดที่ผิดพลาดไปแล้วคนนี้ ก็มาเสนอหน้าจะเขียนรัฐธรรมนูญ ให้ปรองดองกันอีก
ถามตกลงอาจารย์ไม่ต้องการเห็นการปรองดอง
ตอบเราต้องเห็นไปถึงเบื้องลึกของความแตกแยกว่า มันไม่ใช่ความจงเกลียดจงชังระหว่างคนขาวคนดำ ระหว่างฮินดูกับมุสลิม ระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิม แต่มันมาจากความคิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไม่ถูกต้องในทศวรรษที่ผ่านมา ในภาวะอย่างนี้ คสช.ต้องสนับสนุนคุ้มครองให้กลไกกฎหมายทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ต้องตีแผ่กระจายข้อมูลความคิดความรู้เท่าทันเผด็จการนี้ไปทั้งประเทศ แล้วจึงสร้างกฎหมายที่รัดกุมไม่ให้เผด็จการนี้ก่อตัวขึ้นอีก ปรับปรุงทั้งระบบพรรคการเมือง ระบบเลือกตั้ง ระบบรัฐบาล การใช้สื่อมวลชน ให้ครบวงจรเลย
ถ้ารักษาได้ถึงสมมุติฐานตามนี้ อาการไข้หรือความแตกแยกบนผิวพื้นจะลดลง คนเลวควรจะต้องคดีหมด ส่วนพรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเข้าที่เข้าทางเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้ คนดีคนเก่งของเขาก็ยังมีอยู่ไม่น้อย
ถามพลเอกประยุทธ์บอกว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ตัว คสช.นั้นไม่ทะเลาะกับใคร
ตอบคสช.ควรต้องยืนให้ชัดว่า ตนกำลังจะไล่เผด็จการออกจากประชาธิปไตย ซึ่งหนึ่งมาตรการสำคัญในนั้น ก็คือการใช้กฎมายอย่างเฉียบขาด ทั่วถึง และฉับพลัน ไม่ใช่เอาแต่อ้าปากบอกผู้คนให้ยึดถือกฎหมายกันเท่านั้น ยิ่งคดีคอร์รัปชั่นนี่ต้องสปีดสูงสุดเลย เพราะถ้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว พยานจะกลับคำหรือหายหน้าไปหมด
ถามคดีของอาจารย์สมัยเป็น คตส.ก็โดนมาแล้วใช่ไหม
ตอบพอยิ่งลักษณ์ขึ้นเป็น นายกฯ ในปี ๕๓ พยานสำคัญในคดี คตส.หลายคดี ก็กลับคำกันเป็นแถว ข้าราชการดีๆเก่งๆ ที่มาช่วยงาน คตส.พอกลับกรมกอง ก็โดนรังแกเหยียบย่ำสิ้นอนาคตไปหลายคน ผมวิ่งเต้นบอกใครเท่าใดก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ มันชัดเจนว่าบ้านเรานี้ ถ้าฝ่ายเผด็จการมีแรง กฎหมายก็หมดแรงทุกทีไป มาปัจจุบันงานกฎหมายจัดการเผด็จการในยุค คสช.นี่ก็ล้มเหลวชัดเจนแล้ว ยืนดูปล่อย ปปช.กระ

กระสนอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น มันไปไหนไม่ได้หรอกครับ
ถามนายกฯตู่ คงกลัวจะถูกต่างชาติหาว่า ใช้กฎหมายรังแกฝ่ายต่อต้าน
ตอบถ้า คสช.ประกาศภารกิจของตนว่า ตนเป็นประชาธิปไตย เข้ามาขับไล่เผด็จการพรรคการเมืองออกจากระบบผู้แทนไทยให้ชัดเจนเสียแต่แรก แล้วเชิญทูตทุกประเทศไปดูข้าวเน่าตามโกดังทั่วประเทศ ไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ จัดSymposium นานาชาติว่าด้วยเผด็จการจากหีบเลือกตั้ง ฯลฯ ทำให้ชัดเจนเป็นที่เข้าใจเสียแต่แรกเลยอย่างนี้ สถานการณ์สากลของเราจะดีกว่านี้มาก
ถามSymposium นั้นชื่ออะไร?
ตอบน่าจะชื่อว่า
“ ความล่มสลายของประชาธิปไตย : จากเอเธนส์ ถึงรัตนโกสินทร์ ” ครับ มีสาระว่าเมื่อใดคนส่วนใหญ่ถูกทำให้เห็นว่าการปกครองคือการส่งผู้แทนไปยักยอกประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นของตนแล้ว ผู้คนในแผ่นดินจะแตกแยกเป็นเสี่ยง คนฉวยโอกาสจะขึ้นเป็นใหญ่ คนตลบตะแลงจะรุ่งเรือง อันธพาลจะกำเริบ คนดีต้องหลบเดินตรอก คนขี้ครอกจะกร่างคับถนน...รัตนโกสินทร์จะเสื่อมลง เหมือนเอเธนส์ของกรีกโบราณที่สลายไปเมื่อพันปีก่อน นั่นเอง
ถาม“ความเห็นแก่ตัว”นี่หรือครับคือ “มะเร็ง”ที่แท้จริงในการปกครองไทยปัจจุบัน
ตอบครับ...มะเร็งตัวนี้ทำบ้านเมืองทำอาณาจักรสลายไปได้ มาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว คุณไปอ่าน “วัฏจักรจักรวรรดิ์” ของศาสตราจารย์ Alexander Tyler ท่านว่าไว้ตั้งแต่ปี คศ.๑๘๘๗ สิครับ ว่าอาณาจักรที่รุ่งเรือง จะเริ่มจากระยะดักดาน มาสู่ความตื่นตัวของจิตวิญญาณก่อน แล้วก็เกิดความกล้าหาญสร้างบ้านแปงเมือง จนรุ่งเรืองสมบูรณ์พูนสุข พอมีสุขผู้คนก็จะเริ่มปลีกตัวจากส่วนรวม เมินเฉยไม่เสียสละ จนความเจริญเสื่อมลง แล้วทุกคนก็พากันหันมาฝากชีวิตแย่งชิงประโยชน์เป็นส่วนตนจากส่วนรวมที่ไร้อนาคต และในที่สุดก็พากันจมสู่ความดักดาน เพื่อเริ่มวงจรชีวิตของอาณาจักรใหม่ต่อไปในที่สุด
ถ้าบ้านเราเป็นมะเร็งอย่างนี้....คุณว่ารัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข้ของท่านบวรศักดิ์จะช่วยอะไรได้ ?
..................
แก้วสรร อติโพธิ
บทความโดยอ.แก้วสรร อติโพธิ
“ ประเทศไทยมีสภาพเป็นไข้รุม ผมเขียนรัฐธรรมนูญต้องมีเป้าหมาย
เป็นไข้ต้องรักษา ความขัดแย้งต้องยุติ ประเทศจึงจะพ้นวิกฤต”
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ๑๔ กุมภา’๕๗
ถามฟังความเห็นอาจารย์บวรศักดิ์ที่ดำริจะสร้างกลไก“คณะกรรมการปฏิรูปและปรองดอง”ไว้ในรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อเป็นคนกลางดึงคู่ขัดแย้งทางการเมืองให้มาหันหน้าเข้าหากัน แล้วเห็นอย่างไร?
ตอบผมเห็นว่าความขัดแย้งหรือไข้รุมที่เขาว่า มันเป็นแค่อาการของมะเร็งที่กำลังก่อตัวเท่านั้น ที่จริงมันต้องปราบเนื้อร้าย แล้วฟื้นฟูร่างกายขึ้นมา จึงจะรอดหายนะได้ มะเร็งที่ว่านี้ อันที่จริง ดร.บวรศักดิ์ มีส่วนก่อขึ้นมาโดยตรงเลย ในคราวเป็นเลขา และผลักดันร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐
ถามอะไรคือมะเร็งที่ว่าครับ
ตอบรัฐธรรมนูญ ๔๐ ทุ่มเทวางกลไกให้พรรคการเมืองเข็มแข็งเหนือ สส. และรัฐบาลเข้มแข็งเหนือฝ่ายค้าน จากนั้นจึงมาสร้างกลไกอิสระคอยตรวจสอบ การใช้อำนาจของเสียงข้างมากด้วยมาตรการทางกฎหมาย อีกชั้นหนึ่ง
กลไกอย่างนี้มันไปเป็นประกันการลงทุนทางการเมืองของนายทุน ที่จับมือกันทุ่มทุนเป็นพันล้านสร้างเผด็จการพรรคการเมืองขึ้นมา จนกลายเป็นทรราชจากหีบเลือกตั้งที่แข็งขืนต่อกฎหมายตลอดเวลา เกิดผู้คนลุกฮือขึ้นสู้เป็นสองระลอก ทั้ง พันธมิตร และ กปปส. แล้วจบด้วยคำสัญญาของ คสช.ในวันนี้ว่าจะคืนความสุขให้เราในที่สุด
ถามมะเร็งมันก่อตัวที่ตรงไหน
ตอบความคิด ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เผด็จการพรรคการเมืองนายทุนมันอัดฉีดลงไปในสังคมไทย มันทำให้ “ความเป็นส่วนรวม” ในสังคมการเมืองไทยมันสลายตัวจนเสียไปทั้งภราดรภาพที่จะอยู่ด้วยกัน เสียทั้งความเสมอภาคในการมีส่วนร่วมและแบ่งปันกัน แล้วก็มาเสียที่เสรีภาพในการสื่อสารถึงกัน จนมาถึงการข่มเหงรังแกล่วงสิทธิพื้นฐานในความคิด ชีวิต ร่างกาย ของผู้อื่นในที่สุด ถ้าไม่ขุดรากถอนโคน ทั้งความคิดและความเคลื่อนไหวของเผด็จการนี้ เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เละอีก รุนแรงอีก
ถามขุดรากถอนโคนอย่างไร?
ตอบ“พรรคการเมือง”ต้องไม่ใช่ลิ่มตอกประเทศให้แตกออกจากกัน เป็นภาคนั้นภาคนี้ ต้องไม่ใช่คลังสินค้าประชานิยม เอาเงินส่วนรวมมาแปลงเป็นสินบนทางการเมืองให้ผู้คนในรูปต่างๆ จนประชาธิปไตยกลายเป็นการอุปถัมภ์อย่างเป็นระบบ และการเงินการคลังเสียหายเป็นล้านล้านบาทอย่างทุกวันนี้ ที่สำคัญพรรคการเมืองจะต้องไม่จัดตั้งขบวนการมวลชน และใช้ตำรวจกับอันธพาลทำร้ายฆ่าฟันผู้คนด้วย
ทั้งหมดนี้คือ “เผด็จการพรรคการเมือง” ที่ ดร.บวรศักดิ์ เขียนรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ประกันการลงทุนของพวกนายทุนสามานย์ไว้ พอปีศาจตัวนี้กำเริบขึ้นมาในเสื้อคลุมประชาธิปไตย ก็อาละวาดทำประเทศ
ถามตกลงอาจารย์ไม่ต้องการเห็นการปรองดอง
ตอบเราต้องเห็นไปถึงเบื้องลึกของความแตกแยกว่า มันไม่ใช่ความจงเกลียดจงชังระหว่างคนขาวคนดำ ระหว่างฮินดูกับมุสลิม ระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิม แต่มันมาจากความคิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไม่ถูกต้องในทศวรรษที่ผ่านมา ในภาวะอย่างนี้ คสช.ต้องสนับสนุนคุ้มครองให้กลไกกฎหมายทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ต้องตีแผ่กระจายข้อมูลความคิดความรู้เท่าทันเผด็จการนี้ไปทั้งประเทศ แล้วจึงสร้างกฎหมายที่รัดกุมไม่ให้เผด็จการนี้ก่อตัวขึ้นอีก ปรับปรุงทั้งระบบพรรคการเมือง ระบบเลือกตั้ง ระบบรัฐบาล การใช้สื่อมวลชน ให้ครบวงจรเลย
ถ้ารักษาได้ถึงสมมุติฐานตามนี้ อาการไข้หรือความแตกแยกบนผิวพื้นจะลดลง คนเลวควรจะต้องคดีหมด ส่วนพรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเข้าที่เข้าทางเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้ คนดีคนเก่งของเขาก็ยังมีอยู่ไม่น้อย
ถามพลเอกประยุทธ์บอกว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ตัว คสช.นั้นไม่ทะเลาะกับใคร
ตอบคสช.ควรต้องยืนให้ชัดว่า ตนกำลังจะไล่เผด็จการออกจากประชาธิปไตย ซึ่งหนึ่งมาตรการสำคัญในนั้น ก็คือการใช้กฎมายอย่างเฉียบขาด ทั่วถึง และฉับพลัน ไม่ใช่เอาแต่อ้าปากบอกผู้คนให้ยึดถือกฎหมายกันเท่านั้น ยิ่งคดีคอร์รัปชั่นนี่ต้องสปีดสูงสุดเลย เพราะถ้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว พยานจะกลับคำหรือหายหน้าไปหมด
ถามคดีของอาจารย์สมัยเป็น คตส.ก็โดนมาแล้วใช่ไหม
ตอบพอยิ่งลักษณ์ขึ้นเป็น นายกฯ ในปี ๕๓ พยานสำคัญในคดี คตส.หลายคดี ก็กลับคำกันเป็นแถว ข้าราชการดีๆเก่งๆ ที่มาช่วยงาน คตส.พอกลับกรมกอง ก็โดนรังแกเหยียบย่ำสิ้นอนาคตไปหลายคน ผมวิ่งเต้นบอกใครเท่าใดก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ มันชัดเจนว่าบ้านเรานี้ ถ้าฝ่ายเผด็จการมีแรง กฎหมายก็หมดแรงทุกทีไป มาปัจจุบันงานกฎหมายจัดการเผด็จการในยุค คสช.นี่ก็ล้มเหลวชัดเจนแล้ว ยืนดูปล่อย ปปช.กระ
ถามนายกฯตู่ คงกลัวจะถูกต่างชาติหาว่า ใช้กฎหมายรังแกฝ่ายต่อต้าน
ตอบถ้า คสช.ประกาศภารกิจของตนว่า ตนเป็นประชาธิปไตย เข้ามาขับไล่เผด็จการพรรคการเมืองออกจากระบบผู้แทนไทยให้ชัดเจนเสียแต่แรก แล้วเชิญทูตทุกประเทศไปดูข้าวเน่าตามโกดังทั่วประเทศ ไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ จัดSymposium นานาชาติว่าด้วยเผด็จการจากหีบเลือกตั้ง ฯลฯ ทำให้ชัดเจนเป็นที่เข้าใจเสียแต่แรกเลยอย่างนี้ สถานการณ์สากลของเราจะดีกว่านี้มาก
ถามSymposium นั้นชื่ออะไร?
ตอบน่าจะชื่อว่า “ ความล่มสลายของประชาธิปไตย : จากเอเธนส์ ถึงรัตนโกสินทร์ ” ครับ มีสาระว่าเมื่อใดคนส่วนใหญ่ถูกทำให้เห็นว่าการปกครองคือการส่งผู้แทนไปยักยอกประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นของตนแล้ว ผู้คนในแผ่นดินจะแตกแยกเป็นเสี่ยง คนฉวยโอกาสจะขึ้นเป็นใหญ่ คนตลบตะแลงจะรุ่งเรือง อันธพาลจะกำเริบ คนดีต้องหลบเดินตรอก คนขี้ครอกจะกร่างคับถนน...รัตนโกสินทร์จะเสื่อมลง เหมือนเอเธนส์ของกรีกโบราณที่สลายไปเมื่อพันปีก่อน นั่นเอง
ถาม“ความเห็นแก่ตัว”นี่หรือครับคือ “มะเร็ง”ที่แท้จริงในการปกครองไทยปัจจุบัน
ตอบครับ...มะเร็งตัวนี้ทำบ้านเมืองทำอาณาจักรสลายไปได้ มาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว คุณไปอ่าน “วัฏจักรจักรวรรดิ์” ของศาสตราจารย์ Alexander Tyler ท่านว่าไว้ตั้งแต่ปี คศ.๑๘๘๗ สิครับ ว่าอาณาจักรที่รุ่งเรือง จะเริ่มจากระยะดักดาน มาสู่ความตื่นตัวของจิตวิญญาณก่อน แล้วก็เกิดความกล้าหาญสร้างบ้านแปงเมือง จนรุ่งเรืองสมบูรณ์พูนสุข พอมีสุขผู้คนก็จะเริ่มปลีกตัวจากส่วนรวม เมินเฉยไม่เสียสละ จนความเจริญเสื่อมลง แล้วทุกคนก็พากันหันมาฝากชีวิตแย่งชิงประโยชน์เป็นส่วนตนจากส่วนรวมที่ไร้อนาคต และในที่สุดก็พากันจมสู่ความดักดาน เพื่อเริ่มวงจรชีวิตของอาณาจักรใหม่ต่อไปในที่สุด
ถ้าบ้านเราเป็นมะเร็งอย่างนี้....คุณว่ารัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข้ของท่านบวรศักดิ์จะช่วยอะไรได้ ?
..................
แก้วสรร อติโพธิ