สวัสดีค่ะ จขกทได้ไปชมไบไม้เปลียนสีแถวคันไซเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาค่ะ มารีวิวช้าไปนิดนึงนะคะ ครั้งนี้ไปคนเดียวและมีเวลาเที่ยวแค่4วันเต็มเองค่ะ เลยอยากนำรูปสถานที่ต่างๆมาให้ชมเพราะเห็นบางที่ไม่ค่อยมีรีวิวเท่าไหร่ค่ะ
แพลนเป็นแบบนี้นะคะ (จริงๆที่เที่ยวแพลนไว้เยอะกว่านี้แต่เพราะเราเที่ยวแบบไปเรื่อยๆเลยตัดออกไปในแต่ละวันค่ะ)
วันแรก 23/11: Nara prefecture: Muroji Temple และ Hase-dera Temple
วันที่สอง 24/11: Kyoto: Tenjyuan Gargen, Eikando Temple, Nanzen-in Temple
วันที่สาม 25/11: Arashiyama: Hogon-in Temple, Togetsukyu bridge, Tenryuji Temple, Bamboo Grove, Jojakkoji Temple
วันที่สี่ 26/11: Arima Onsen: เดินเล่นในเมืองและ Zuihoji Park, แช่ออนเซนที่Taikou-no-yu, ชอปปิ้งนิดหน่อยที่ Osaka
วันแรก 23/11: Nara prefecture: Muroji Temple และ Hase-dera Temple
วันนี้จะไปเที่ยวที่ Muroji Temple ที่เมือง Uda ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Nara เป็นวัดที่มีเจดีย์ห้าชั้นที่เล็กที่สุดในประเทศ เป็นวัดที่มีเจดีย์ลักษณะคล้ายๆที่ Koyasan เดินทางโดย Kintetsu Osaka Line ลงที่สถานี Muroguchi-ono ที่สถานีมี Locker ด้วยค่ะแต่ไม่เยอะมาก จากสถานีมีรถบัสนั่งไปลงที่วัดได้เลยค่ะ บัตร Kansai Thru Pass ใช้กับรถบัสไม่ได้นะคะ แต่ใช้เดินทางจากสนามบินคันไซมาลงที่ Muroguchi-Ono ได้เลยค่ะ ตอนจขกทไปใบไม้เริ่มร่วงบ้างแล้วค่ะเลยพีคไปแล้วแต่ก้อยังสวยนะคะ ชมรูปได้เลยค่า ที่นั่นเจอแต่คนญี่ปุ่นค่ะไม่ค่อยเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่าไหร่ค่ะ
ทางเข้าวัด Niomon gate
เจดีย์ขนาดเล็ก
ช่วงบ่ายเดินทางโดยรถบัสไป Hasedera temple จริงๆต้องนั่งรถบัสกลับไปที่สถานี Muroguchi-onoเพื่อขึ้นรถไฟไปลง Hasedera station แต่เมื่อขึ้นรถบัสมาแล้วและจ่ายเงินจึงพบว่ารถบัสคันนี้จะวิ่งตรงไปยัง Hasedera temple เลยตามเลยค่ะ แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่าไปรถไฟแต่จขกทก้อได้ชมวิวเพลินๆแบบไม่เร่งรีบตลอดทางค่ะ Hasedera temple เป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อในการชมดอกโบตั๋น และดอกซากุระด้วยค่ะ ทางเดินขึ้นมีขั้นบันไดประมาณ399ขั้นค่ะ วัดนี้บริเวณกว้างขวางดีนะคะ และมีย่านขายของและร้านอาหารตรงปากทางวัดด้วยค่ะ
ทางเข้าวัด Hasedera
ที่ซื้อตั๋ว
บันได399ขั้นขึ้นไปชมวิวมุมสูง
เริ่มหิวแล้วเลยเดินลงมาสำรวจร้านแถวหน้าวัด
เลือกทานซูชิที่ห่อด้วยใบพลับซึ่งน่าจะขึ้นชื่อแถวนี้
และอีกอย่างอาหารแนะนำแถวนี้คือเส้นอุด้งเส้นเล็กๆซึ่งเล็กกว่าปกติ
พอดีอิ่มจากซูชิตะกี้เลยลองชิมโซบะแทนอุด้งแบบชามเดียวแทน เส้นและน้าซุปอร่อยมากค่ะ จริงๆสั่งเป็นเซตน่าจะคุ้มกว่านะคะ
บรรยากาศภายในร้านคนเต็มเลยค่ะ ร้านไม่ใหญ่มาก
ออกจาก Hasedera Temple เราก้อเดินมาขึ้นรถไฟใช้เวลาเดิน 15 นาทีเพื่อขึ้นรถไฟไปเอาของที่ Locker ที่สถานี Muroguchi-ono แล้วขึ้นรถไฟต่อไปยังที่พักที่จองไว้ ดีที่ใช้บัตร Kansai Thru Pass ซึ่งใช้ขึ้นได้เลยค่ะ
นั่งรถไฟไปยังสถานี Sambommatsu เพราะจองที่พักแบบ B&B ไว้ค่ะชื่อ ฺB&B Nishimine ถึงสถานีแล้วโทรเรียกเจ้าของ B&B ออกมารับได้เลยค่ะเพราะระยะทางจากสถานีรถไฟไปที่พักค่อนข้างไกลเป็นชนบททุ่งนาค่ะ
วิวที่สถานี
ห้องพักเป็นห้องเดี่ยวอยู่ชั้นบน แชร์ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำค่ะ เจ้าของน่ารักค่ะตอนที่จขกทไปก้อมีครอบครัวชาวญี่ปุ่นซึ่งมาจากโตเกียวมาพักด้วยค่ะ ที่พักมีอาหารเช้าให้ค่ะ
วิวแถวที่พักค่ะ
อาหารเช้าค่ะ เจ้าของบ้านใจดีจะทำข้าวปั้นติดตัวให้อีก แต่เราอยากชิมขนมอื่นๆระหว่างทางเลยปฏิเสธไปค่ะ
วันที่สอง 24/11: Kyoto: Tenjyuan Gargen, Nanzen-in Temple, Eikando Temple
ตอนเช้าก้อให้เจ้าของที่พักพาไปส่งที่สถานีเพื่อเข้าเกียวโตค่ะ ถึงสถานีKyoto เอากระเป๋าฝากLocker แวะทานขนมนิดหน่อยคัสตาร์ทเนียนดีค่ะไม่หวานมาก
จากนั้นเราต่อรถไฟsubway จากสถานีKyoto มาลงที่สถานีKeage ค่ะ แล้วก้อเดินตามฝูงชนไปเรื่อยๆ จริงๆก้อดูป้ายแผนที่ว่าเราต้องเดินไปทางไหนนะคะก้อเดินตามคนเยอะๆไปเลยค่ะ ถึง Mamon gate เราก้อเสียค่าเข้าเพื่อขึ้นไปดูวิวข้างบนรอบๆ แถวนี้ใบไม้แดงเยอะมากๆค่ะ
วิวจาก Mamon gate
แล้วเราก้อมองเห็นสวนๆนึงใบไม้สวยมาก พอลงมาอย่างไม่ลังเลก้อตั้งใจจะไปเดินในสวนนั้นเลยค่ะมีค่าเข้าด้วยนะคะ แต่จำราคาไม่ได้แล้ว สวนนี้ชื่อว่าTenjyuan garden ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัดค่ะ ทางเข้าดูเล็กๆแต่พอเข้าไปแล้วสวนสวยมากๆเลยค่ะประทับใจมากเลยค่ะ มีสวนหิน กับสวนที่มีสระน้ำ ลองชมรูปได้เลยค่ะ
ของจริงสวยมากๆค่ะ
มีต้นไผ่ด้วยค่ะในสวน
คนเยอะพอสมควรค่ะ
อีกสักภาพค่ะ
ใช้เวลาไปเยอะค่ะในสวนนี้ หลังจากนั้นก้อเดินเล่นเรื่อยๆตลอดทางมีแต่ใบไม้เปลี่ยนสีค่ะสวยมากๆเลยค่ะ สักพักก้อเจอ Nanzen-in temple ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Nanzenji Temple ก้อซึ้อตั๋วเข้าไปชมค่ะ
ออกจาก Nanzenin Temple ก้อเดินไปเรื่อยๆสักพัก เพื่อที่จะไปที่วัด Eikendo Temple คนเยอะมากค่ะ มีแผนที่ให้ดูเป็นระยะๆ
วัดนี้เป็นวัดยอดฮิตสำหรับดูใบไม้แดงค่ะ ซึ่งก้อไม่ผิดหวังใบไม้แดพีคมากๆสีสันสวยมากๆและคนเยอะมากๆ ต้องต่อคิวยาวซื้อตั๋วยาวมากแต่คิวก้อเลื่อนไปเรื่อยๆนะคะรอไม่นานหรอกคะ วัดนี้เราอยู่นานมากถ่ายรูปเยอะมากๆค่ะ จริงๆหลังชมวัดนี้แพลนจะไปต่ออีกวัดนึงแต่พระอาทิตย์ตกแล้วค่ะไม่อยากกลับดึกเกินไปเพราะต้องจับรถกลับ Osaka ค่ะ ชมรูปเลยนะคะ
คนเข้าคิวซื้อตั๋วเยอะค่ะแต่เค้าจัดระเบียบดีมาก รอไม่นานเลยค่ะก้อได้เข้า
ถ่ายก่อนเข้าวัดค่ะ สีสันกินขาดจริงๆค่ะ
วัดนี้คิดว่าคนคงรีวิวรายละเอียดไว้เยอะแล้ว ขอลงรูปสักหน่อยแล้วกันนะคะ แต่ขอบอกที่นี่มีใบเมเปิ้ลหลายพันธุ์ค่ะหลากสีหลากฟอร์มและสีสดสวยมากจริงๆค่ะ
หลากหลายสี
ถ่ายรูปไปเรื่อยเริ่มหิวแล้วค่ะเลยนั่งชมบรรยากาศทานขนมจิบชาสักพักค่ะ
ปิดท้ายวันที่สองด้วยรูปนี้นะคะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อสองวันที่เหลือในคอมเม้นต่อค่ะ วันนี้ขอพักก่อนนะคะนั่งทำรีวิวทั้งวันเลย
[CR] Japan: เที่ยวตามใจฉันกับทริปใบไม้เปลี่ยนสีแถวคันไซ
แพลนเป็นแบบนี้นะคะ (จริงๆที่เที่ยวแพลนไว้เยอะกว่านี้แต่เพราะเราเที่ยวแบบไปเรื่อยๆเลยตัดออกไปในแต่ละวันค่ะ)
วันแรก 23/11: Nara prefecture: Muroji Temple และ Hase-dera Temple
วันที่สอง 24/11: Kyoto: Tenjyuan Gargen, Eikando Temple, Nanzen-in Temple
วันที่สาม 25/11: Arashiyama: Hogon-in Temple, Togetsukyu bridge, Tenryuji Temple, Bamboo Grove, Jojakkoji Temple
วันที่สี่ 26/11: Arima Onsen: เดินเล่นในเมืองและ Zuihoji Park, แช่ออนเซนที่Taikou-no-yu, ชอปปิ้งนิดหน่อยที่ Osaka
วันแรก 23/11: Nara prefecture: Muroji Temple และ Hase-dera Temple
วันนี้จะไปเที่ยวที่ Muroji Temple ที่เมือง Uda ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Nara เป็นวัดที่มีเจดีย์ห้าชั้นที่เล็กที่สุดในประเทศ เป็นวัดที่มีเจดีย์ลักษณะคล้ายๆที่ Koyasan เดินทางโดย Kintetsu Osaka Line ลงที่สถานี Muroguchi-ono ที่สถานีมี Locker ด้วยค่ะแต่ไม่เยอะมาก จากสถานีมีรถบัสนั่งไปลงที่วัดได้เลยค่ะ บัตร Kansai Thru Pass ใช้กับรถบัสไม่ได้นะคะ แต่ใช้เดินทางจากสนามบินคันไซมาลงที่ Muroguchi-Ono ได้เลยค่ะ ตอนจขกทไปใบไม้เริ่มร่วงบ้างแล้วค่ะเลยพีคไปแล้วแต่ก้อยังสวยนะคะ ชมรูปได้เลยค่า ที่นั่นเจอแต่คนญี่ปุ่นค่ะไม่ค่อยเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่าไหร่ค่ะ
ทางเข้าวัด Niomon gate
เจดีย์ขนาดเล็ก
ช่วงบ่ายเดินทางโดยรถบัสไป Hasedera temple จริงๆต้องนั่งรถบัสกลับไปที่สถานี Muroguchi-onoเพื่อขึ้นรถไฟไปลง Hasedera station แต่เมื่อขึ้นรถบัสมาแล้วและจ่ายเงินจึงพบว่ารถบัสคันนี้จะวิ่งตรงไปยัง Hasedera temple เลยตามเลยค่ะ แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่าไปรถไฟแต่จขกทก้อได้ชมวิวเพลินๆแบบไม่เร่งรีบตลอดทางค่ะ Hasedera temple เป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อในการชมดอกโบตั๋น และดอกซากุระด้วยค่ะ ทางเดินขึ้นมีขั้นบันไดประมาณ399ขั้นค่ะ วัดนี้บริเวณกว้างขวางดีนะคะ และมีย่านขายของและร้านอาหารตรงปากทางวัดด้วยค่ะ
ทางเข้าวัด Hasedera
ที่ซื้อตั๋ว
บันได399ขั้นขึ้นไปชมวิวมุมสูง
เริ่มหิวแล้วเลยเดินลงมาสำรวจร้านแถวหน้าวัด
เลือกทานซูชิที่ห่อด้วยใบพลับซึ่งน่าจะขึ้นชื่อแถวนี้
และอีกอย่างอาหารแนะนำแถวนี้คือเส้นอุด้งเส้นเล็กๆซึ่งเล็กกว่าปกติ
พอดีอิ่มจากซูชิตะกี้เลยลองชิมโซบะแทนอุด้งแบบชามเดียวแทน เส้นและน้าซุปอร่อยมากค่ะ จริงๆสั่งเป็นเซตน่าจะคุ้มกว่านะคะ
บรรยากาศภายในร้านคนเต็มเลยค่ะ ร้านไม่ใหญ่มาก
ออกจาก Hasedera Temple เราก้อเดินมาขึ้นรถไฟใช้เวลาเดิน 15 นาทีเพื่อขึ้นรถไฟไปเอาของที่ Locker ที่สถานี Muroguchi-ono แล้วขึ้นรถไฟต่อไปยังที่พักที่จองไว้ ดีที่ใช้บัตร Kansai Thru Pass ซึ่งใช้ขึ้นได้เลยค่ะ
นั่งรถไฟไปยังสถานี Sambommatsu เพราะจองที่พักแบบ B&B ไว้ค่ะชื่อ ฺB&B Nishimine ถึงสถานีแล้วโทรเรียกเจ้าของ B&B ออกมารับได้เลยค่ะเพราะระยะทางจากสถานีรถไฟไปที่พักค่อนข้างไกลเป็นชนบททุ่งนาค่ะ
วิวที่สถานี
ห้องพักเป็นห้องเดี่ยวอยู่ชั้นบน แชร์ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำค่ะ เจ้าของน่ารักค่ะตอนที่จขกทไปก้อมีครอบครัวชาวญี่ปุ่นซึ่งมาจากโตเกียวมาพักด้วยค่ะ ที่พักมีอาหารเช้าให้ค่ะ
วิวแถวที่พักค่ะ
อาหารเช้าค่ะ เจ้าของบ้านใจดีจะทำข้าวปั้นติดตัวให้อีก แต่เราอยากชิมขนมอื่นๆระหว่างทางเลยปฏิเสธไปค่ะ
วันที่สอง 24/11: Kyoto: Tenjyuan Gargen, Nanzen-in Temple, Eikando Temple
ตอนเช้าก้อให้เจ้าของที่พักพาไปส่งที่สถานีเพื่อเข้าเกียวโตค่ะ ถึงสถานีKyoto เอากระเป๋าฝากLocker แวะทานขนมนิดหน่อยคัสตาร์ทเนียนดีค่ะไม่หวานมาก
จากนั้นเราต่อรถไฟsubway จากสถานีKyoto มาลงที่สถานีKeage ค่ะ แล้วก้อเดินตามฝูงชนไปเรื่อยๆ จริงๆก้อดูป้ายแผนที่ว่าเราต้องเดินไปทางไหนนะคะก้อเดินตามคนเยอะๆไปเลยค่ะ ถึง Mamon gate เราก้อเสียค่าเข้าเพื่อขึ้นไปดูวิวข้างบนรอบๆ แถวนี้ใบไม้แดงเยอะมากๆค่ะ
วิวจาก Mamon gate
แล้วเราก้อมองเห็นสวนๆนึงใบไม้สวยมาก พอลงมาอย่างไม่ลังเลก้อตั้งใจจะไปเดินในสวนนั้นเลยค่ะมีค่าเข้าด้วยนะคะ แต่จำราคาไม่ได้แล้ว สวนนี้ชื่อว่าTenjyuan garden ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัดค่ะ ทางเข้าดูเล็กๆแต่พอเข้าไปแล้วสวนสวยมากๆเลยค่ะประทับใจมากเลยค่ะ มีสวนหิน กับสวนที่มีสระน้ำ ลองชมรูปได้เลยค่ะ
ของจริงสวยมากๆค่ะ
มีต้นไผ่ด้วยค่ะในสวน
คนเยอะพอสมควรค่ะ
อีกสักภาพค่ะ
ใช้เวลาไปเยอะค่ะในสวนนี้ หลังจากนั้นก้อเดินเล่นเรื่อยๆตลอดทางมีแต่ใบไม้เปลี่ยนสีค่ะสวยมากๆเลยค่ะ สักพักก้อเจอ Nanzen-in temple ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Nanzenji Temple ก้อซึ้อตั๋วเข้าไปชมค่ะ
ออกจาก Nanzenin Temple ก้อเดินไปเรื่อยๆสักพัก เพื่อที่จะไปที่วัด Eikendo Temple คนเยอะมากค่ะ มีแผนที่ให้ดูเป็นระยะๆ
วัดนี้เป็นวัดยอดฮิตสำหรับดูใบไม้แดงค่ะ ซึ่งก้อไม่ผิดหวังใบไม้แดพีคมากๆสีสันสวยมากๆและคนเยอะมากๆ ต้องต่อคิวยาวซื้อตั๋วยาวมากแต่คิวก้อเลื่อนไปเรื่อยๆนะคะรอไม่นานหรอกคะ วัดนี้เราอยู่นานมากถ่ายรูปเยอะมากๆค่ะ จริงๆหลังชมวัดนี้แพลนจะไปต่ออีกวัดนึงแต่พระอาทิตย์ตกแล้วค่ะไม่อยากกลับดึกเกินไปเพราะต้องจับรถกลับ Osaka ค่ะ ชมรูปเลยนะคะ
คนเข้าคิวซื้อตั๋วเยอะค่ะแต่เค้าจัดระเบียบดีมาก รอไม่นานเลยค่ะก้อได้เข้า
ถ่ายก่อนเข้าวัดค่ะ สีสันกินขาดจริงๆค่ะ
วัดนี้คิดว่าคนคงรีวิวรายละเอียดไว้เยอะแล้ว ขอลงรูปสักหน่อยแล้วกันนะคะ แต่ขอบอกที่นี่มีใบเมเปิ้ลหลายพันธุ์ค่ะหลากสีหลากฟอร์มและสีสดสวยมากจริงๆค่ะ
หลากหลายสี
ถ่ายรูปไปเรื่อยเริ่มหิวแล้วค่ะเลยนั่งชมบรรยากาศทานขนมจิบชาสักพักค่ะ
ปิดท้ายวันที่สองด้วยรูปนี้นะคะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อสองวันที่เหลือในคอมเม้นต่อค่ะ วันนี้ขอพักก่อนนะคะนั่งทำรีวิวทั้งวันเลย