สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 94
ตอนแรกว่าจะเฉยๆ พออ่านไปอ่านมา อดไม่ไหวต้องมาตอบ ขอสรุปเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. เคยมีแฟนเป็นทันตะ / แพทย์ มาหลายคนแล้ว เพราะในเบื้องต้นยึดติดกับภาพลักษณ์ทางวิชาชีพ ความเป็นผู้ทรงความรู้เฉพาะทาง และพื้นฐานส่วนตัวเองบ้านไม่รวยเลย ตอนแรกไปจีบรถก็ยังไม่มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้เข้าหาโดยวิธีการเป็นคนแปลกหน้าโดยตรง อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนของเพื่อน เพื่อนของรุ่นน้อง แต่สุดท้ายก็จีบติดนะ ซึ่งก็มีปัจจัยประกอบหลายๆ ประการจริง แต่ไม่ใช่เพราะสายอาชีพ ทั้งนี้ ทั้งนั้น มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวและครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเอง
2. เคยดูแลและเทคแคร์เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นช่วงสมัยยังเรียน กับทันตะนี่ ช่วยใช้กระดาษทรายขัดโมเดล ทั้งเบอร์หนา เบอร์หยาบ หล่อแบบฟัน ข้ามวัน ข้ามคืน มาแล้ว กับแพทย์นี่ ตอนใช้ทุนที่ รพช. ไปหาทุกสัปดาห์ อยู่เวรเป็นเพื่อนแบบชนิดเช้าถึง เย็นถึง แม้ว่าตัวเองจะทำงานด้วยก็ตาม สรุปสุดท้าย โดนทิ้งจ้า เพราะอีกฝ่ายสุดท้ายเลือกคนที่มีอนาคตกว่า คนหนึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจ อีกคนเป็นแพทย์รุ่นพี่
3. ช้ำรักและฝังใจกับอาชีพสายนี้ ถึงกับคิดแบนไปเลยในใจ ว่าจะไม่เอาแล้ว พอเลย พวกหมอ / หมอฟัน เลือกคนที่ฐานะ / ความครบเครื่องแบบมาม่าสำเร็จรูป
4. ถีบตัวเองต่อไป ในขณะที่มีแฟนเป็นบรรดา หมอฟัน / หมอ ผู้เขียนก็ศึกษาต่อไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เป็น Ph.D. เพราะส่วนหนึ่ง ทราบดีว่า "ฐานะทางสังคม" มันค้ำคอคนไทยอยู่จริง สถานภาพ / ฐานะ มันทำให้ต้องคิดแทนฝ่ายผู้หญิงจริงๆ ลองนึกถึงใจเค้าใจเราดู ถ้าต้องควงกัน ออกงานกัน เวลาเข้าสังคม ทันตแพทย์หญิง / แพทย์หญิง ด้วยกัน แล้วเค้าถามว่าแฟนเป็นใคร / ทำงานอะไร ถ้ามันต่ำและต่าง พวกเค้าก็ถูกนินทาทางสังคมลับหลัง ในทางกลับกัน ถ้าผู้ชายมีดีพอ มันก็ช่วยเสริมกันต่อทั้งสองฝ่าย
5. จากที่คิดว่าจะไม่สนใจสายอาชีพนี้ และได้เปลี่ยนไปมีแฟนด้านอื่นแล้ว สุดท้ายก็เลิกกันอยู่ดี แปลว่าอาชีพมันไม่ได้เกี่ยว มนุษย์ก็คือมนุษย์ ผู้หญิงก็คือผู้หญิง คนเรามันไม่ใช่คู่กัน สุดท้ายยังไงก็ไปกันไม่รอด
6. ได้กลับมามีแฟนเป็นแพทย์หญิงอีกครั้ง งวดนี้เป็นแพทย์ประจำบ้านเลยจ้า (ข้าม step) แต่ทั้งสิ้นทั้งปวง มันไม่ใช่เพราะเค้าเป็นแพทย์และผมเป็นอาจารย์ แต่มันเป็นเรื่องของผู้ชายกับผู้หญิงที่รักกัน "ด้วยนิสัยและหัวใจ" และบังเอิญว่าชีวิตงานกับชีวิตส่วนตัวมันไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ เวลาเธออยู่เวรผมก็ไปนั่งอ่านหนังสือ เตรียมสอบ เวลาเธออ่านหนังสือเตรียมสอบ ผมก็ไปนั่งอ่านหนังสือ เขียน paper จนสุดท้ายเราสองคนก็เป็นแฟนกันอย่างมีความสุข พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็ส่งเสริม ด้วยเพราะเห็นว่าสมกัน
กล่าวโดยสรุป ปัจจุบันผมก็ยังไม่มีเงิน 3 ล้าน และที่บ้านก็คงไม่มีให้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอุปสรรคอะไร เพราะเดี๋ยวก็หาเอาซิครับ แหม... ดังนั้น จึงอยากจะฝากบอกว่าเราต้องเข้าใจทั้งสองฝ่าย ถ้าผู้ชายเลือกผู้หญิงเพราะเค้าเป็นหมอ แปลว่าคุณก็ต้องมีดีพอด้วยอะไรที่ทัดเทียมเหมือนกัน ทั้งนี้เป็นเพราะคุณเลือกเค้าที่ปัจจัยภายนอกเอง ซึ่งมันกำมะลอ แต่ถ้าคุณเลือกเค้าที่เป็นตัวเค้าเอง คุณจะไม่คิดถึงความสูงต่ำอะไร แต่จะทุ่มเทให้กับนิสัยใจคอ และความรัก ความเข้าใจเสียมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องไม่ลืมถึงสถานภาพของเค้าด้วย ว่าเค้าเป็นหมอฟัน / หมอ มีสถานภาพทางสังคม ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของเค้า เค้าเก่ง เค้าเรียนมาสูง ถ้าคุณมันดักดาน ไม่พัฒนาตัวเอง ก็อย่าไปโทษฟ้า โทษดิน ให้ขายขี้หน้าเค้า โลกนี้มันคือโลกเสรีนิยม ระบบทุน ไม่ใช่โลกสวยสังข์ทอง จรกา รจนา ฯลฯ
ด้วยความเคารพ
1. เคยมีแฟนเป็นทันตะ / แพทย์ มาหลายคนแล้ว เพราะในเบื้องต้นยึดติดกับภาพลักษณ์ทางวิชาชีพ ความเป็นผู้ทรงความรู้เฉพาะทาง และพื้นฐานส่วนตัวเองบ้านไม่รวยเลย ตอนแรกไปจีบรถก็ยังไม่มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้เข้าหาโดยวิธีการเป็นคนแปลกหน้าโดยตรง อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนของเพื่อน เพื่อนของรุ่นน้อง แต่สุดท้ายก็จีบติดนะ ซึ่งก็มีปัจจัยประกอบหลายๆ ประการจริง แต่ไม่ใช่เพราะสายอาชีพ ทั้งนี้ ทั้งนั้น มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวและครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเอง
2. เคยดูแลและเทคแคร์เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นช่วงสมัยยังเรียน กับทันตะนี่ ช่วยใช้กระดาษทรายขัดโมเดล ทั้งเบอร์หนา เบอร์หยาบ หล่อแบบฟัน ข้ามวัน ข้ามคืน มาแล้ว กับแพทย์นี่ ตอนใช้ทุนที่ รพช. ไปหาทุกสัปดาห์ อยู่เวรเป็นเพื่อนแบบชนิดเช้าถึง เย็นถึง แม้ว่าตัวเองจะทำงานด้วยก็ตาม สรุปสุดท้าย โดนทิ้งจ้า เพราะอีกฝ่ายสุดท้ายเลือกคนที่มีอนาคตกว่า คนหนึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจ อีกคนเป็นแพทย์รุ่นพี่
3. ช้ำรักและฝังใจกับอาชีพสายนี้ ถึงกับคิดแบนไปเลยในใจ ว่าจะไม่เอาแล้ว พอเลย พวกหมอ / หมอฟัน เลือกคนที่ฐานะ / ความครบเครื่องแบบมาม่าสำเร็จรูป
4. ถีบตัวเองต่อไป ในขณะที่มีแฟนเป็นบรรดา หมอฟัน / หมอ ผู้เขียนก็ศึกษาต่อไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เป็น Ph.D. เพราะส่วนหนึ่ง ทราบดีว่า "ฐานะทางสังคม" มันค้ำคอคนไทยอยู่จริง สถานภาพ / ฐานะ มันทำให้ต้องคิดแทนฝ่ายผู้หญิงจริงๆ ลองนึกถึงใจเค้าใจเราดู ถ้าต้องควงกัน ออกงานกัน เวลาเข้าสังคม ทันตแพทย์หญิง / แพทย์หญิง ด้วยกัน แล้วเค้าถามว่าแฟนเป็นใคร / ทำงานอะไร ถ้ามันต่ำและต่าง พวกเค้าก็ถูกนินทาทางสังคมลับหลัง ในทางกลับกัน ถ้าผู้ชายมีดีพอ มันก็ช่วยเสริมกันต่อทั้งสองฝ่าย
5. จากที่คิดว่าจะไม่สนใจสายอาชีพนี้ และได้เปลี่ยนไปมีแฟนด้านอื่นแล้ว สุดท้ายก็เลิกกันอยู่ดี แปลว่าอาชีพมันไม่ได้เกี่ยว มนุษย์ก็คือมนุษย์ ผู้หญิงก็คือผู้หญิง คนเรามันไม่ใช่คู่กัน สุดท้ายยังไงก็ไปกันไม่รอด
6. ได้กลับมามีแฟนเป็นแพทย์หญิงอีกครั้ง งวดนี้เป็นแพทย์ประจำบ้านเลยจ้า (ข้าม step) แต่ทั้งสิ้นทั้งปวง มันไม่ใช่เพราะเค้าเป็นแพทย์และผมเป็นอาจารย์ แต่มันเป็นเรื่องของผู้ชายกับผู้หญิงที่รักกัน "ด้วยนิสัยและหัวใจ" และบังเอิญว่าชีวิตงานกับชีวิตส่วนตัวมันไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ เวลาเธออยู่เวรผมก็ไปนั่งอ่านหนังสือ เตรียมสอบ เวลาเธออ่านหนังสือเตรียมสอบ ผมก็ไปนั่งอ่านหนังสือ เขียน paper จนสุดท้ายเราสองคนก็เป็นแฟนกันอย่างมีความสุข พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็ส่งเสริม ด้วยเพราะเห็นว่าสมกัน
กล่าวโดยสรุป ปัจจุบันผมก็ยังไม่มีเงิน 3 ล้าน และที่บ้านก็คงไม่มีให้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอุปสรรคอะไร เพราะเดี๋ยวก็หาเอาซิครับ แหม... ดังนั้น จึงอยากจะฝากบอกว่าเราต้องเข้าใจทั้งสองฝ่าย ถ้าผู้ชายเลือกผู้หญิงเพราะเค้าเป็นหมอ แปลว่าคุณก็ต้องมีดีพอด้วยอะไรที่ทัดเทียมเหมือนกัน ทั้งนี้เป็นเพราะคุณเลือกเค้าที่ปัจจัยภายนอกเอง ซึ่งมันกำมะลอ แต่ถ้าคุณเลือกเค้าที่เป็นตัวเค้าเอง คุณจะไม่คิดถึงความสูงต่ำอะไร แต่จะทุ่มเทให้กับนิสัยใจคอ และความรัก ความเข้าใจเสียมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องไม่ลืมถึงสถานภาพของเค้าด้วย ว่าเค้าเป็นหมอฟัน / หมอ มีสถานภาพทางสังคม ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของเค้า เค้าเก่ง เค้าเรียนมาสูง ถ้าคุณมันดักดาน ไม่พัฒนาตัวเอง ก็อย่าไปโทษฟ้า โทษดิน ให้ขายขี้หน้าเค้า โลกนี้มันคือโลกเสรีนิยม ระบบทุน ไม่ใช่โลกสวยสังข์ทอง จรกา รจนา ฯลฯ
ด้วยความเคารพ
แสดงความคิดเห็น
จากแพทย์หญิงอัดอั้น ถึง กระทู้จีบแพทย์หญิง/สินสอดแพทย์หญิง/คำศัพท์ไว้ใช้กับแพทย์หญิง อะไรทั้งหลาย
สวัสดีทุกคนค่ะ คือทำไมรู้มั้ยคะ? ดิฉันนั้น ลืม พาสเวิร์ด ตัวเอง ค่ะ! ใช้เวลานานมากกว่าจะล็อกอินเข้ามาได้ ฮ่วย!!
เปิดมาตกกะใจ มีคนมาจีบ มาแอบรักออนไลน์ เป็นสิบยี่สิบคน !! แม่เจ้า!! น้ำตาจิไหล
ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แต่ ดิฉันไม่อยากให้ความตั้งใจของกระทู้นี้บิดเบือนไปนะคะ กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งเพื่อจะมาหาคู่นะคะ
แค่อยากจะเล่าความอัดอั้นที่มีหลายๆคนยังมองอาชีพแพทย์หญิงในแบบมิติพิศวงอยู่ เลยพยายามมาเคลียร์ให้ฟัง
แล้วก็อยากขอร้องให้อย่ามีคนบ้าจี้มาตั้งกระทู้เกี่ยวกับแพทย์หญิงอีก ปล่อยพวกเราไปเถ๊อะค่ะ!
ดิฉันถือว่าเป็นกระบอกเสียงให้สาวๆวงการแพทย์ละกันค่ะ ไม่ต้องมาแอบรักออนไลน์ดิฉันเพราะกระทู้นี้หรอกค่ะ
สำหรับคนที่เข้ามาฮาดิฉันนะคะ ดิฉันจะบอกว่า ดิฉันไม่เอาฮานะคะ คือดิฉันเป็นคนเครียดมาก อ้วกทุกเช้า ต่อยตุ๊กตาหมี
ล้อเล่น!!
ก็ขอขอบคุณมากๆเลยค่ะ
--------
สวัสดีค่ะ
ตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพราะล็อคอินนี้ตั้งกระทู้สนทนาไม่ได้ ไม่รู้ทำไม งง
คือดิฉันซุ่มดูมาเงียบๆในพงหญ้าอยู่นานนะคะ เกี่ยวกับพวกกระทู้จีบแพทย์หญิง
เผยสินสอดแพทย์หญิง เผยลักษณะแพทย์หญิงหน่วยต่างๆ คำศัพท์ไว้คุยกะแพทย์หญิง etc.
ซึ่งส่วนใหญ่คนตั้งกระทู้จะเป็น “หมอผู้ชาย” ค่ะ แล้วก็หน้าเดิมๆ ตั้งหลายๆกระทู้
มันก็อ่านแล้วตลกดีค่ะ...... แต่ก็ไม่รู้จะตั้งขึ้นมาทำไมค่ะ !?? เหมือนเขามาสะกัดขายิงลูกโทษพวกเราอ่ะค่ะ!!!
พูดตรงๆค่ะ ขึ้นชื่อว่า เป็น “แพทย์หญิง” ก็ไม่ค่อยมีใครอยากยุ่ง อยากมาจีบอยู่แล้วค่ะ
เนื่องด้วยกลัวอะไรหลายๆอย่าง เช่น กลัวแพทย์หญิงจะเนิร์ด, กลัวแพทย์หญิงจะดุ, กลัวนางจะมาดเยอะ, กลัวหาเงินเลี้ยงแพทย์หญิงไม่ได้
หรือ ผู้ชายบางคน(ที่ไม่ได้เป็นแพทย์) ถึงขั้นยกพวกเราไว้บนหิ้ง
แพทย์หญิงที่สวยก็ลอยลำไป เพราะไม่ว่าอาชีพไหน ผู้หญิงสวยก็ขายออกอยู่แล้วใช่มั้ยคะ
ทีนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงหน้าตาบ้านๆบ้าง บวกกับมีอาชีพเป็น “แพทย์หญิง” (ซึ่งตามความเชื่อไทยโบราณ แบบจะรุ้สึกน่าเกรงขาม
ต้องยกมือไหว้ ทั้งที่กรูเพิ่งอายุ 20 ฝ่าๆ) ยิ่งทำให้แต้มเรา ติดลบ แบบจมดินไปเลยค่ะ ...
การมาตั้งกระทู้อะไรเหล่านั้น มีแต่ผลเสียทางอ้อมกับพวกเราค่ะ
คือปล่อยพวกเราอยู่อาศัยเล็มดินโป่งอยู่เงียบๆเถอะค่ะ ไม่ต้องมาตั้งกระทู้อะไรให้พวกเราอีก
หมอผู้ชายที่ทำตัวเป็นกูรู แยกประเภทแพทย์หญิงนู่นนั่นนี่ หรือวิธีเข้าหาแพทย์หญิงนั่นนี่
หรือแม้แต่มาเผยค่าสินสอด (ซึ่งแพทย์หญิงที่มาโหวดโพยก็อาจจะมาทำเล่นๆ หรือบางคนไม่ใช่ผู้หญิงด้วยซ้ำ
แต่เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเอามาลงเวปสาธารณะ)
ถามว่ามีส่วนถูกมั้ย? ใช้ได้จริงมั้ย? มีค่ะ แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด
สรุปสั้นๆให้ฟังนะคะ
- แพทย์หญิง ก็คือ “ผู้หญิงธรรมดา” ที่ทำอาชีพรักษาคนป่วยค่ะ …. ไม่ได้วิเศษวิโสหรือต้องมีทริคอะไรยุ่งยาก
ในการเข้าหาให้แลดูเว่อวังจากอาชีพอื่น
- ไม่ต้องแยก “แพทย์หญิง” ออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตอีกประเภทที่แตกต่างจากผู้หญิงอาชีพอื่น
เพราะในกระทู้เหล่านั้น เขียนราวกับว่า “คนภายนอกต้องมาเข้าใจเรา ต้องมาปรับจุนให้เข้ากับเรา
อารมณ์ว่า แพทย์หญิงหัวเสียเพราะไม่ได้นอน เราต้องเข้าใจเขา” ... ดิฉันว่ามันไม่แฟร์ค่ะ
อาชีพอื่นเขาก็เหนื่อย เขาก็หนักในแบบของเขา พวกเรา แพทย์หญิง ไม่ได้อยากจะให้ใครต้องมาเข้าใจ
หรือปรับจุนให้เข้ากับเราค่ะ แต่เราพร้อมจะปรับจูนเข้ากับผู้อื่นเช่นกันค่ะ
- แพทย์หญิงจำนวนหนึ่งก็ไม่ได้เนิร์ดใส่แว่น เป็นศพ หรือต้องทำตัวโทรมเพราะอยู่เวรเยอะนะคะ
พอนอกเวลางาน พวกเราก็คนปกติค่ะ ง้องแง้ง/ งุงิ/ จุ๊บุๆ /elegant ทีมพี่ลูกเกด อะไรได้หมด....
ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะชอบการที่เพื่อนเรา ญาติเรา หรือแม้แต่แฟนเรา ทรีตเราแบบผุ้หญิงธรรมดา
ไม่ใช่มองเราว่าเรา “เป็นหมอ” หรือมาปฏิบัติกับเราแบบที่กระทู้บอกว่าวิธีปฏิบัติกับหมอดมยา, หมอตา อะไรต้องแบบนี้ๆ นะ... ไร้สาระค่ะ
- แพทย์หญิง ไม่ได้ต้องการเรียกสินสอดแพงๆ เพียงเพราะชั้นหาเงินได้เยอะ ผู้ชายอย่างพวกแกก็ต้องหาเงินได้เยอะเท่าชั้น
จึงจะมีหน้ามาจีบชั้น ..... มันไม่ใช่ค่ะ!! เรื่องสินสอดมันคือเรื่องของแต่ละครอบครัวค่ะ
และเราว่ามันไม่ใช่ส่วนสำคัญในการจะตัดสิน “ผู้ชาย” ที่เราจะคบเลยค่ะ จริงอยู่ คนสองคนคบกันฐานะหน้าที่การงานต้องพอไปกันได้
หรือเรียกว่า lifestyle คล้ายๆกัน …..เงินน่ะค่ะ หาเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้ยังไม่รวย วันหน้าก็อาจจะรวย
แต่คนดีๆที่เข้ากับเราได้และรักเราจริงๆ มันไม่ใช่หากันง่ายๆ ...ฝากไว้ตรงนี้
- สรุป คือ ทุกวันนี้ ผุ้ชายไทยจำนวนมาก ก็หันไปกินกันเอง!! อีกจำนวนนึงก็มีเมียแล้ว อีกจำนวนนึงก็พิกลพิการหรือติดคุก
ทีนี้ ถ้าพวกคุณจะมาสร้างบรรทัดฐานว่า จะจีบหมอหญิงต้องรวยเท่านั้น สินสอดต้อง 3 ล้าน คิดดูว่า จะเหลือถึง 10 คนมั้ยคะ??
พวกเรามีเป็นฝูง จะแชร์กันไหวหรอคะ?? หรือจะให้พวกเราไปจีบหนุ่มฝรั่งดีค่ะ ??
ดิฉันว่า เผ่าพันธุ์ของดิฉันคงจะต้องนั่งเล็มดินโป่งอยู่บนคานต่อไปแน่ๆค่ะ
.....ฝากถึง ใครที่อยากจะเอาฮา ตั้งกระทู้เกี่ยวกับแพทย์หญิงนะคะ
อย่ามาสะกัดจุดอ่อนพวกเราเลยค่ะ ถ้าจะตั้งกระทู้แบบนั้น เอาธูปมาจี้เลยดีกว่าค่ะ
สวัสดี