สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมมาตั้งกระทู้เกี่ยวกับการสอบใบขับขี่ เพราะหวังว่าจะเป็นข้อคิดให้เพื่อนๆอีกหลายๆคนที่กำลังพยายามสอบใบขับขี่ หรือยังสอบไม่ผ่าน และกว่าจะเอาชนะอุปสรรค์ต่างๆได้ผมก็ต้องผ่านบททดสอบหลายๆอย่างที่ผมต้องเผชิญ มาลองอ่านกันดูครับ
ผมอาศัยอยู่ในกรุงเทพกับแฟน ซึ่งการเดินทางไปทำงานในอดีตของผมกะแฟนคือ ซ้อนวินไปลงปากซอยลาดพร้าว แล้วต่อรถเมล์ไปที่ทำงาน เป็นแบบนี้มาหลายปีครับ จนปลายปีที่ผ่านมาผมเอารถที่บ้านแฟนมาใช้งาน แต่ปัญหาคือ ขับรถไม่เป็นยังไม่มีใบขับขี่ ตอนแรกก็ปล่อยจอดทิ้งไว้ที่บ้านและอาศัยวินกับรถเมล์ไปทำงานระหว่างรอสอบ แต่พอมาวันนึงที่แฟนผมมีน้อง ผมรับรู้ได้ว่าถ้าจะให้แฟนผมท้องโย้ซ้อนวินไปทำงานแบบนี้คงจะไม่ดีแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจไปลงเรียนขับรถครับ พร้อมกับเรียนท่าสอบใบขับขี่ไปด้วย จนถึงวันที่ผมต้องมาสอบข้อเขียน ผมก็ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ ไปอบรมเช้าบ่ายก็ตั้งใจฟังแม้จะง่วงนอนมากๆเพราะโดยปกติผมทำงานและเรียนเสาร์อาทิตย์ด้วย พอสอบข้อเขียนผ่าน ผมได้คะแนนเต็ม 50 ก็ดีใจมากๆครับ คิดว่าเราผ่านมาครึ่งนึงแล้ว เหลือแต่สอบปฏิบัติเท่านั้น ก่อนสอบจริงผมก็ซ้อมท่าสอบจนคล่อง และแล้ววันสอบปฏิบัติก็มาถึง ..
ผมลางานมาสอบใบขับขี่ที่กรมขนส่ง ก็เข้าฟังวิดิโอการสอบท่าใบขับขี่ 3 ท่า คือ เดินหน้าถอยหลัง จอดเลียบฟุตบาท และถนหลังเข้าซอง ครั้งแรกครับ ผมสอบตกท่าฮิตที่สุดของคนกรุงเทพ คือ ท่าจอดเลียบริมฟุตบาท ขอบข้างล้อห่างฟุตบาทไม่เกิน 25 cm และกันชนหน้าต้องห่างจากระยะป้ายหยุดไม่เกินไม่ขาดกว่า 1 m ซึ่งครั้งแรกของผมใช้รถโรงเรียนไปสอบ ปรากฏว่าหน้ารถผมไปไม่ถึงจุดที่กำหนดเลยตกไปตามระเบียบท่าฮิต = =! ผมจึงกลับบ้านคอตกพร้อมกับกระดาษ A4 หนึ่งใบพร้อมกับระบุที่มุมขวาว่า
" ไม่ผ่าน "
ครั้งที่สอง คราวนี้ทำการบ้านมาดีครับ แต่ครั้งนี้ .... ด้านมืดผมครอบงำ ด้วยความขี้เกียจ และไม่มีเวลามากนัก ผมได้ขอซื้อความช่วยเหลือบางอย่างเพื่อให้ผมสอบผ่านครั้งนี้ ผมไม่ขอบรรยายนะครับว่าช่วยเหลืออย่างไร ผลปรากฏว่า กรรมตามทันครับ สอบตกในท่าเดิมเพราะเสียสมาธิหลายๆอย่าง โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง โทรไปบอกแฟนว่าไม่ผ่าน แฟนผมก็เสียงอ่อยๆเศร้าๆ ผมก็รู้สึกแย่ครับที่ทำให้เค้าเสียใจ คราวนี้ล่ะด้านมืดครอบงำอย่างจัง ผมพยายามเสาะหาแหล่งอำนวยควาทสะดวกหลายๆอย่างที่จะทำให้ผมสอบผ่านให้ได้ ซื้อใบขับขี่ก็เอา หน้ามืดไปแล้ว สอบถามเพื่อนที่มีคนในทำงาน ญาติใครทำงานที่กรมขนส่งก็พยายามติดต่อไปขอความช่วยเหลือจากเค้า...แม้กระทั่งตอนกลับบ้านนั่งแทกซี่ก็ถามประมาณว่า พี่ๆที่ไหนขายใบขับขี่บ้าง .. ยอมรับว่าหน้ามืดตามัว จะใช้ทุกๆอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งขับขี่ยกเว้นแต่ความตั้งใจครับ บางคนบอก 2500 บางคนบอก 3000 ได้ใบขับขี่เลย บ้างจริงบ้างปลอมบ้าง บางคนแนะนำให้ไปสอบสนามอื่นเพราะได้ง่ายกว่าสอที่กทม. บางคนมีข้อเสนอน่าสนใจผมนี่ถึงขนาดเฟสไปถามหลังไมค์ก็หลายเจ้า เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อไหร่จะถึงวันสอบจะได้ผ่านๆสักที เรียกว่าหาทางโกงเพื่อให้ได้มาซึ่งใบขับขี่
........แต่แล้วอยู่มาวันนึงผมก็รู้สึกว่าทำไมเราต้องทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ คนอื่นทำได้แต่ทำไมคิดว่าเราทำไม่ได้ เพราะมันมีเหตุการณ์เล็กๆเหตุการณ์หนึ่งในครอบครัวของผมครับ ผมคุยกับแฟนกับลูกเรื่องทั่วๆไปแต่ไม่ได้คุยเรื่องการหาวิธีลัดเรื่องสอบใบขับขี่เลย แล้วนาทีหนึ่งผมก็คุยกระซิบกับลูกในท้องว่าอีกไม่กี่วันพ่อจะไปสอบใบขับขี่แล้วนะ "ขอกำลังใจให้พ่อหน่อยนะลูก พ่อเหนื่อยแล้ว" แล้วผมก็เอาแก้มแนบหน้าท้องแฟน เกาพุงบอกให้ลูกรับรู้ และแล้วเหมือนสายใยพ่อลูกจะสื่อถึงกัน ลูกผมถีบแก้มผมจนผมกับแฟนรับรู้และตกใจ เหมือนว่าเค้าก็พยายามบอกผมว่า "สอบครั้งนี้ คุณพ่ออย่าโกงนะ หนูถีบให้กำลังใจคุณพ่อนะ" แล้วการถีบครั้งนั้นจะเป็นกำลังใจให้ผม

ผมนี่ น้ำตาซึมครับ จากนั้นผมก็ละทิ้งความคิดที่จะโกงสอบไปเลย แล้วเปลี่ยนมาใช้ความตั้งใจแทน
วันสอบซ่อมครั้งที่สามก็มาถึง ผมก็มาสอบตามปกติครับ วันนี้ไม่ได้มากับรร แต่มาอาศัยรถเช่าที่สนามสอบเอาเอง ก่อนสอบผมไลน์หาแฟนผม บอกว่าพ่อจะสอบนะแม่ แล้วแฟนผมก็ให้กำลังใจผมประมาณว่า "สู้ๆนะ เพื่อลูกของเรา" ผมนี่นึกถึงภาพตอนที่ผมโดนลูกถีบหน้าครับ น้ำตาจะไหลอีกรอบ ครั้งนี้พ่อจะไม่ทุจริต จะตั้งใจเพื่อเป็นของขวัญให้ลูกและแม่ให้ได้ จากนั้นก็รอคิวเพื่อรับรีโมตควบคุมการสอบครับ วันนี้ผมมาซ่อมท่าที่สอง สถานีที่ 1 ท่าเดียว และแน่นอนครับ ตื่นเต้นอีกครั้ง นึกถึงระยะที่จะจอด นึกถึงคำแนะนำจากเพื่อนๆ นึกถึงคำพูดเจ้าหน้าที่ที่บอกให้เราสังเกตระยะจอด และนึกถึงครอบครัว ....
เปิดประตู เสียบรีโมต ลดกระจก ปรับกระจกข้าง ปรับเบาะ คาด belt แล้วถอยเกียร์ D จากนั้นก็ขับไปสู่สถานีสอบ พอถึงสถานีก็กดรีโมตเพื่อเริ่มสอบ ตอนแรกระยะขอบข้างล้อกับฟุตบาทเกิน 25 cm ครับก็พยายามปล่อยเบรกสลับกับเดินรถให้ขนานกับขอบฟุตบาทให้มากที่สุด ตอนแรกๆก็ยังเบี้ยวครับ พอนึกถึงฝ่าเท้านิ่มๆของลูกที่บรรจงประทับแก้มผมมนคืนก่อน ผมก็มีแรงฮึด ปรับพวงมาลัยให้ตรงและขนานกับขอบฟุตบาทด้วยระยะไม่น่าจะเกิน 10 cm แล้วเดินรถอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งไปจอดที่ระยะห่างจากป้ายหยุดไม่เกิน 1 m .... และแล้วเสียงจากลำโพงก็ดังขึ้น " ผ่านค่ะ " ผมนี่ ดีใจสุดๆแล้วรู้สึกโล่งมากๆ ที่สามารถเอาความกดดัรทั้งหมดออกไปจากตัวเองจนได้โดยที่ไม่ต้องทุจริตใดๆ เหยียบคันเร่งเบาๆขับออกจากสนามสอบไปด้วยความดีใจ วันนี้ไม่ต้องพับกระดาษ A4 กลับบ้านอีกแล้ว รู้สึกภูมิใจสุดๆที่เราทำเพื่อตัวเองได้ เพื่อครอบครัวได้สักที โทรหาแฟน แฟนผมดีใจมาก ผมน้ำตาซึมอีกครั้งที่เห็นคุณแม่ดีใจ และคิดว่าลูกผมต้องดีใจเหมือนคุณแม่แน่ๆ
ภูมิใจสุดๆครับ ที่ผมทำให้ครอบครัวดีใจ และก็รู้สึกดีมากๆที่ผมไม่ต้องทุจริตการสอบในครั้งนี้ กว่าผมจะผ่านความรู้สึกในด้านมืดออกมาได้ ผมก็เกือบโกหกตัวเองอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผมได้กำลังใจล้นหลามจากคุณแม่และคุณลูกวนท้อง รวมถึงความตั้งใจจริงของผมที่จะไม่คิดจะเอากระดาษ A4 ที่กาหัวว่าไม่ผ่านกลับมาบ้านอีก แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ผมได้รับ ...
ถ้าตั้งใจจริงๆ ผมเชื่อว่าเราก็ทำได้เหมือนๆทุกคน อย่าไปโกงสอบเลยครับ โกหกตัวเองเปล่าๆ ถึงโกงได้จริงก็คงจะรู้สึกไม่ภูมิใจอะไรเลย แต่ถ้าทำได้ด้วยตัวเองจริงๆ คุณจะรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ได้รับมาสุดๆครับ และทั้งหมดนี้ก็มันคือโมเม้นต์ดีๆวันนึงที่ผมอยากจะเอามาฝากเป็นแนวคิดและกำลังใจให้เพื่อนๆที่กำลังจะสอบหรือยังสอบไม่ผ่านตอนนี้
กำลังใจ+ตั้งใจ+สุจริตใจ = ภูมิใจ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ
สู้ๆนะ
กระทู้พลีชีพ ... เมื่อด้านมืดครอบงำ ผมจึงโกงสอบใบขับขี่
ผมอาศัยอยู่ในกรุงเทพกับแฟน ซึ่งการเดินทางไปทำงานในอดีตของผมกะแฟนคือ ซ้อนวินไปลงปากซอยลาดพร้าว แล้วต่อรถเมล์ไปที่ทำงาน เป็นแบบนี้มาหลายปีครับ จนปลายปีที่ผ่านมาผมเอารถที่บ้านแฟนมาใช้งาน แต่ปัญหาคือ ขับรถไม่เป็นยังไม่มีใบขับขี่ ตอนแรกก็ปล่อยจอดทิ้งไว้ที่บ้านและอาศัยวินกับรถเมล์ไปทำงานระหว่างรอสอบ แต่พอมาวันนึงที่แฟนผมมีน้อง ผมรับรู้ได้ว่าถ้าจะให้แฟนผมท้องโย้ซ้อนวินไปทำงานแบบนี้คงจะไม่ดีแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจไปลงเรียนขับรถครับ พร้อมกับเรียนท่าสอบใบขับขี่ไปด้วย จนถึงวันที่ผมต้องมาสอบข้อเขียน ผมก็ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ ไปอบรมเช้าบ่ายก็ตั้งใจฟังแม้จะง่วงนอนมากๆเพราะโดยปกติผมทำงานและเรียนเสาร์อาทิตย์ด้วย พอสอบข้อเขียนผ่าน ผมได้คะแนนเต็ม 50 ก็ดีใจมากๆครับ คิดว่าเราผ่านมาครึ่งนึงแล้ว เหลือแต่สอบปฏิบัติเท่านั้น ก่อนสอบจริงผมก็ซ้อมท่าสอบจนคล่อง และแล้ววันสอบปฏิบัติก็มาถึง ..
ผมลางานมาสอบใบขับขี่ที่กรมขนส่ง ก็เข้าฟังวิดิโอการสอบท่าใบขับขี่ 3 ท่า คือ เดินหน้าถอยหลัง จอดเลียบฟุตบาท และถนหลังเข้าซอง ครั้งแรกครับ ผมสอบตกท่าฮิตที่สุดของคนกรุงเทพ คือ ท่าจอดเลียบริมฟุตบาท ขอบข้างล้อห่างฟุตบาทไม่เกิน 25 cm และกันชนหน้าต้องห่างจากระยะป้ายหยุดไม่เกินไม่ขาดกว่า 1 m ซึ่งครั้งแรกของผมใช้รถโรงเรียนไปสอบ ปรากฏว่าหน้ารถผมไปไม่ถึงจุดที่กำหนดเลยตกไปตามระเบียบท่าฮิต = =! ผมจึงกลับบ้านคอตกพร้อมกับกระดาษ A4 หนึ่งใบพร้อมกับระบุที่มุมขวาว่า
" ไม่ผ่าน "
ครั้งที่สอง คราวนี้ทำการบ้านมาดีครับ แต่ครั้งนี้ .... ด้านมืดผมครอบงำ ด้วยความขี้เกียจ และไม่มีเวลามากนัก ผมได้ขอซื้อความช่วยเหลือบางอย่างเพื่อให้ผมสอบผ่านครั้งนี้ ผมไม่ขอบรรยายนะครับว่าช่วยเหลืออย่างไร ผลปรากฏว่า กรรมตามทันครับ สอบตกในท่าเดิมเพราะเสียสมาธิหลายๆอย่าง โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง โทรไปบอกแฟนว่าไม่ผ่าน แฟนผมก็เสียงอ่อยๆเศร้าๆ ผมก็รู้สึกแย่ครับที่ทำให้เค้าเสียใจ คราวนี้ล่ะด้านมืดครอบงำอย่างจัง ผมพยายามเสาะหาแหล่งอำนวยควาทสะดวกหลายๆอย่างที่จะทำให้ผมสอบผ่านให้ได้ ซื้อใบขับขี่ก็เอา หน้ามืดไปแล้ว สอบถามเพื่อนที่มีคนในทำงาน ญาติใครทำงานที่กรมขนส่งก็พยายามติดต่อไปขอความช่วยเหลือจากเค้า...แม้กระทั่งตอนกลับบ้านนั่งแทกซี่ก็ถามประมาณว่า พี่ๆที่ไหนขายใบขับขี่บ้าง .. ยอมรับว่าหน้ามืดตามัว จะใช้ทุกๆอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งขับขี่ยกเว้นแต่ความตั้งใจครับ บางคนบอก 2500 บางคนบอก 3000 ได้ใบขับขี่เลย บ้างจริงบ้างปลอมบ้าง บางคนแนะนำให้ไปสอบสนามอื่นเพราะได้ง่ายกว่าสอที่กทม. บางคนมีข้อเสนอน่าสนใจผมนี่ถึงขนาดเฟสไปถามหลังไมค์ก็หลายเจ้า เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อไหร่จะถึงวันสอบจะได้ผ่านๆสักที เรียกว่าหาทางโกงเพื่อให้ได้มาซึ่งใบขับขี่
........แต่แล้วอยู่มาวันนึงผมก็รู้สึกว่าทำไมเราต้องทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ คนอื่นทำได้แต่ทำไมคิดว่าเราทำไม่ได้ เพราะมันมีเหตุการณ์เล็กๆเหตุการณ์หนึ่งในครอบครัวของผมครับ ผมคุยกับแฟนกับลูกเรื่องทั่วๆไปแต่ไม่ได้คุยเรื่องการหาวิธีลัดเรื่องสอบใบขับขี่เลย แล้วนาทีหนึ่งผมก็คุยกระซิบกับลูกในท้องว่าอีกไม่กี่วันพ่อจะไปสอบใบขับขี่แล้วนะ "ขอกำลังใจให้พ่อหน่อยนะลูก พ่อเหนื่อยแล้ว" แล้วผมก็เอาแก้มแนบหน้าท้องแฟน เกาพุงบอกให้ลูกรับรู้ และแล้วเหมือนสายใยพ่อลูกจะสื่อถึงกัน ลูกผมถีบแก้มผมจนผมกับแฟนรับรู้และตกใจ เหมือนว่าเค้าก็พยายามบอกผมว่า "สอบครั้งนี้ คุณพ่ออย่าโกงนะ หนูถีบให้กำลังใจคุณพ่อนะ" แล้วการถีบครั้งนั้นจะเป็นกำลังใจให้ผม
วันสอบซ่อมครั้งที่สามก็มาถึง ผมก็มาสอบตามปกติครับ วันนี้ไม่ได้มากับรร แต่มาอาศัยรถเช่าที่สนามสอบเอาเอง ก่อนสอบผมไลน์หาแฟนผม บอกว่าพ่อจะสอบนะแม่ แล้วแฟนผมก็ให้กำลังใจผมประมาณว่า "สู้ๆนะ เพื่อลูกของเรา" ผมนี่นึกถึงภาพตอนที่ผมโดนลูกถีบหน้าครับ น้ำตาจะไหลอีกรอบ ครั้งนี้พ่อจะไม่ทุจริต จะตั้งใจเพื่อเป็นของขวัญให้ลูกและแม่ให้ได้ จากนั้นก็รอคิวเพื่อรับรีโมตควบคุมการสอบครับ วันนี้ผมมาซ่อมท่าที่สอง สถานีที่ 1 ท่าเดียว และแน่นอนครับ ตื่นเต้นอีกครั้ง นึกถึงระยะที่จะจอด นึกถึงคำแนะนำจากเพื่อนๆ นึกถึงคำพูดเจ้าหน้าที่ที่บอกให้เราสังเกตระยะจอด และนึกถึงครอบครัว ....
เปิดประตู เสียบรีโมต ลดกระจก ปรับกระจกข้าง ปรับเบาะ คาด belt แล้วถอยเกียร์ D จากนั้นก็ขับไปสู่สถานีสอบ พอถึงสถานีก็กดรีโมตเพื่อเริ่มสอบ ตอนแรกระยะขอบข้างล้อกับฟุตบาทเกิน 25 cm ครับก็พยายามปล่อยเบรกสลับกับเดินรถให้ขนานกับขอบฟุตบาทให้มากที่สุด ตอนแรกๆก็ยังเบี้ยวครับ พอนึกถึงฝ่าเท้านิ่มๆของลูกที่บรรจงประทับแก้มผมมนคืนก่อน ผมก็มีแรงฮึด ปรับพวงมาลัยให้ตรงและขนานกับขอบฟุตบาทด้วยระยะไม่น่าจะเกิน 10 cm แล้วเดินรถอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งไปจอดที่ระยะห่างจากป้ายหยุดไม่เกิน 1 m .... และแล้วเสียงจากลำโพงก็ดังขึ้น " ผ่านค่ะ " ผมนี่ ดีใจสุดๆแล้วรู้สึกโล่งมากๆ ที่สามารถเอาความกดดัรทั้งหมดออกไปจากตัวเองจนได้โดยที่ไม่ต้องทุจริตใดๆ เหยียบคันเร่งเบาๆขับออกจากสนามสอบไปด้วยความดีใจ วันนี้ไม่ต้องพับกระดาษ A4 กลับบ้านอีกแล้ว รู้สึกภูมิใจสุดๆที่เราทำเพื่อตัวเองได้ เพื่อครอบครัวได้สักที โทรหาแฟน แฟนผมดีใจมาก ผมน้ำตาซึมอีกครั้งที่เห็นคุณแม่ดีใจ และคิดว่าลูกผมต้องดีใจเหมือนคุณแม่แน่ๆ
ภูมิใจสุดๆครับ ที่ผมทำให้ครอบครัวดีใจ และก็รู้สึกดีมากๆที่ผมไม่ต้องทุจริตการสอบในครั้งนี้ กว่าผมจะผ่านความรู้สึกในด้านมืดออกมาได้ ผมก็เกือบโกหกตัวเองอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผมได้กำลังใจล้นหลามจากคุณแม่และคุณลูกวนท้อง รวมถึงความตั้งใจจริงของผมที่จะไม่คิดจะเอากระดาษ A4 ที่กาหัวว่าไม่ผ่านกลับมาบ้านอีก แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ผมได้รับ ...
ถ้าตั้งใจจริงๆ ผมเชื่อว่าเราก็ทำได้เหมือนๆทุกคน อย่าไปโกงสอบเลยครับ โกหกตัวเองเปล่าๆ ถึงโกงได้จริงก็คงจะรู้สึกไม่ภูมิใจอะไรเลย แต่ถ้าทำได้ด้วยตัวเองจริงๆ คุณจะรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ได้รับมาสุดๆครับ และทั้งหมดนี้ก็มันคือโมเม้นต์ดีๆวันนึงที่ผมอยากจะเอามาฝากเป็นแนวคิดและกำลังใจให้เพื่อนๆที่กำลังจะสอบหรือยังสอบไม่ผ่านตอนนี้
กำลังใจ+ตั้งใจ+สุจริตใจ = ภูมิใจ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ
สู้ๆนะ