แชร์ประสบการณ์ ของ กล้องฟิล์ม กับ คนที่กำลังขาดแรงบัลดาลใจในชีวิต

สวัสดีครับ ผมมือใหม่นะครับ โพสแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ ^^

ผมมีเรื่องราวที่อยากจะแชร์  ผมเป็นคนนึงที่หมดกำลังใจในหลายๆเรื่อง จะเรียกว่าหาเป้าหมายในชีวิตไม่เจอเลยก็ว่าได้ เป็นแบบนี้มาอยู่ 3 ปี ผมจึงตัดสินใจออกเดินทางเพื่อตามหาคำว่าเป้าหมายในชีวิต ในระยะ 1 ปี ผมไปแทบเกือบจะทุกภาคของประเทศไทย ขับรถไปบ้าง นั่งรถทัว โบกไปบ้าง ไปคนเดียวบ้าง หมู่คณะบ้าง ในขณะนั้นเดินทางอาทิตย์เว้นอาทิตย์เลยก็ว่าได้


เชคอินในช่วงเวลาที่ผ่านมา (ปล. ผมเป็นคนพิษณุโลก เลยยังไม่ค่อยได้ไปทางภาคใต้)

สิ่งที่ได้กลับมาคือ ได้พบ ได้เจอ ได้เห็นสิ่งแปลกๆใหม่ ที่ไม่เคยได้เจอมาก่อน ประสบการณ์มากมายที่มีเงินมากเท่าไรก็ไม่สามารถแลกได้  แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พบกับเป้าหมายและความสุขในชีวิตสักที...  
   จนมาเมื่อช่วงอาทิตย์ที่แล้ว ที่ผมได้ไปร่วมงานเทศกาลหนังกลางแปลงของมหาวิทยาลัยศิลปากร ผมได้ติดเอากล้องถ่ายรูปประเภทฟิล์มไปด้วย(ของพี่ชาย)  ด้วยความที่ผมไม่เคยใช้กล้องประเภทนี้มาก่อน เลยลองหาซื้อฟิล์มแล้ว ลองเอามาถ่ายดู (ต้องท้าวความในอดีตผม สมัยตอนยังเรียนมหาวิทยาลัย ผมเป็นคนนึงที่ชอบถ่ายรูป แต่พอถ่ายไป คนรอบข้าง แทบจะไม่มีใครเคยชมภาพถ่ายของผมเลย แถมว่าอีก หนักเข้าหนักเข้า ผมก็ทิ้งความชอบส่วนนั้นไป---- และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ผมหมดกำลังใจในการใช้ชีวิตไปเลย เพราะคำพูดของคนรอบข้าง--- )  ต่อๆ___ประมาณบ่ายๆของวันศุกร์ที่ 13 ผม ได้เข้าไปอ่านในเพจ ชมรมคนรักกล้องฟิล์ม มีคนในเพจคนนึงได้โพสภาพ และคำบรรยายประมาณว่า  ลองลงก่อนถึงที่หมายสักป้ายสองป้าย ก็จะเห็นอะไรได้มากขึ้น (ข้อความประมาณนี้นะครับ พอดีผมหาข้อความนั้นไม่เจอไปแล้ว) เป้าหมายผมอยู่ที่ศิลปากร  ผมลงตั้งแต่ราชดำเนิน (ปล. ผมคิดว่าใกล้ แต่ไกลมากกกกกก) ผมเดินไปเรื่อยๆ โดยใช้กล่อง DSLR ของผมถ่ายนี่แหล่ะครับ ผมก็ถ่ายไปเรื่อยๆ จนนึกได้ว่า เราเอากล้องฟิล์มมา ทำไมไม่ลองเอามาถ่ายบ้าง เลยเอาออกมาลองถ่ายดู  ความรู้สึกแปลกไปครับ เพราะ มันดูรีวิวภาพที่เราถ่ายมาไม่ได้ ทำให้ทุกภาพที่คิดจะกดถ่าย ต้องพิจารณาให้ดีๆ เพราะกด 1 ครั้ง เท่ากับใช้ภาพไป 1 รูป (สำหรับคนไม่รู้ ม้วนฟิล์ม 1 ม้วน ถ่ายได้ 36 ภาพครับ) ผมเดินๆรอบๆครั้บ ผ่านสนามหลวง ธรรมศาสตร์ ขึ้นรถพี่วินบ้าง เพราะเมื่อย ถ่ายไปลุ้นๆไปครับ ว่าภาพจะออกมาเป็นอย่างไร พอถ่ายรูปเสร็จผมก็เอาไปล้าง แถวร้านท่าพระจันทร์ครับ ล้างเสร็จแสกน ผมอยู่ต่อวันสองวันแล้วหลังจากนั้นผมก็กลับพิษณุโลก  พอเอาแผ่นที่เขาแสกนไว้มาเปิดดูทำให้ผมรู้ทันทีว่า นี่คือเป้าหมายที่ผมตามหามานาน ถึงแม้ว่าใครในอดีตหลายคนเคยบอกว่าผมถ่ายรูปไม่สวย ผมจึงฝ่อไปกับคำพูดของคนเหล่านั้น  แต่หลังจากผมได้ดูภาพ ผมรู้แล้วว่านี่คือสิ่งที่ผมตามหา...

ความสุขเล็กๆของผม แต่มันเป็นแรงพลักดันให้ผมรู้ในสิ่งที่ผมต้องการ ผมเลยอยากจะเอาเรื่องของผมมาแชร์ เผื่อให้เคยกำลังใจฝ่อไปกับคำพูดของคน ลุกขึ้นมาเพื่อ ทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ผมให้กำลังใจ กับทุกคนนะครับ ^^

ผมร่ายยาวมาตั้งเยอะ เชิญรมชมผมงานผมได้ครับ (หรือง่ายๆอวดนั่นเอง ><)

ภาพชุดแรกนี้จะเป็นช่วงที่ผมกำลังเดินทางไปศิลปากร  เป็นภาพส่วนหนึ่งที่ผมถ่ายจาก DSLR ของผม (ผ่านการแต่งภาพโดยใช้โปรแกรม Lightroom)











ภาพต่อจากนี้จะเป็นภาพจากกล้องฟิล์ม ในภาพชุดแรกนั้นถ่ายออกมาแล้วเฉยๆกับมันมาก แต่มากับภาพจากกล้องฟิล์มนั้น ผมสามารถบรรยายความรู้สึก ณ ตอนนั้นได้เลย ซึ้งนี่เป็นข้อที่แตกต่างจากกล้องดิจิตอล  (เป็นภาพจริงๆ ไม่ได้มีการแต่งแต่เพียงอย่างใด มีแต่ ลดขนาดภาพเพื่อให้โพสลงได้ครับ)

ภาพนี้ผมเห็นรถมาแต่ไกล ผมนี่รอ ลุ้นว่าอย่าให้มีรถหรือใครมาแทรกในกล้องแล้ว แล้วมันก็เป็นจริง


ก่อนจะถ่ายภาพนี้ผมได้เกือบลื้นล้ม ผมจึงถ่าย มีผู้ชายหันมาในกล้องพอดี แล้วเขายิ้ม หลังจากผมกดชัตเตอร์ไปแล้ว


ผมเห็นเด็กวิ่งออกมาจาซอยแถวท่าพระจันทร์พอดี ผมจึงเดินเข้าไปแล้วไปพบกำแพงแบนี้เข้า


ผมหาที่นั่งไม่ได้เลย เลยมานั่งหลังสุด


ผมเกร็งที่สุด เพราะพี่เขาขี่ไวมาก ภาพก็อยากได้ ชีวิตก็อยากปลอดภัย


ผมเห็นป้าที่ขายของ มองไปบนฟ้า ผมเลยมองบ้าง


ผมว่าผม มองในวิวไฟเดอร์สวยกว่านี้นะ


เห็นเขาขี่จักรยานมาแล้วเข้าหยุด เหมือนจะนัดใครไว้ แล้วก็ขี่ข้ามฝั่งไป


เดินไปเดินมา เห็นกลุ่มนี้นั่งคุยกันดังมาก ผมจึงหันไปมอง


คำทำความสะอาดอยู่ไกลมาก จึงต้องทิ้งให้ถังขยะอยู่อย่างเดียวดาย


ในใจคิดว่า พี่ว่าแน่นไปนะ



ฝากไว้เท่านี้หล่ะครับ ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคนหาความสุขในชีวิตให้เจอไวๆนะครับ อย่าไปยึดติดกับคำคน
ติชม แนะนำ หรือ อะไรก็ได้นะครับ ขอขอบคุณพันทิพย์ที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ๆให้แชร์ประสบการณ์ครับ

แวะเข้าไปทักทายกันได้นะครับ FB : Arthit เอ่อล้น  IG : atom_por
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่