หุ้นประกัน หุ้นประกันเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ทำกำไรมากเนื่องจากตลาดยังโตได้อีกมาก คนยังถือประกันในอัตราที่ 30ปลายๆ - 40เปอต้นๆเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าสามารถโตได้อีกเยอะ เพราะมีรายงานบางตัวกล่าวไว้ว่าการถือกรมธรรม์ประกันทั้งประกันชีวิตและวินาศภัยจะเพิ่มขึ้นตามการศึกษาของประเทศนั้นๆ และในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น มีการถือครองกรมธรรม์เกิน 70% บางประเทศเช่นญี่ปุ่น เกิน100% คนจำนวนไม่น้อยที่ถือเกิน1กรมธรรม์
แต่ก็ไม่ได้จะบอกว่าทุกบริษัทประกันจะดีหมด ต้องไปศึกษาต่อเอานะครับ
เข้าเรื่องเคสเลยดีกว่าครับ บริษัทประกันจำเป็นต้องมีเงินสำรองไว้เป็นกองทุน (Reserve) โดยจะมีสัดส่วนคิดเป็น %ของเงินทุนเอาประกัน เช่น 100% 150% ของเงินเอาประกันทุกเคสของลูกค้า ตัวเลขล่าสุดขั้นต่ำที่ทุกบริษัทต้องมีผมไม่ชัว >>> แต่เอาเป็นว่า ทุกบริษัทประกันจะต้องมี กองทุนเงินสำรองสำหรับไว้จ่ายลูกค้าหากเกิดเหตุไม่คาดคิดเช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ที่จะเกิดการเคลมจำนวนมาก บริษัทก็จะมีได้เงินจ่ายไหว ไม่ล้มหรือมีลูกค้าที่ไม่ได้เงินเคลมนั่นเอง
แล้วยังไงต่อ
บริษัทประกันส่วนใหญ่เมื่อมีกำไรก็จะทยอยๆ ใส่กำไรของบริษัทเข้าไปอยู่ในกองทุนสำรองให้เพียงพอขั้นต่ำตามกฎหมายหรือตามมาตรฐานที่แต่ละบริษัทตั้งไว้ว่าจะสูงกว่าขั้นต่ำตามกฎหมายเท่าไหร่ >>แต่<< มีบางบริษัทที่มีกำไรดีน่าพอใจเป็นอันดับต้นๆ ในสายประกันชีวิต (ขอไม่เอ่ยเช่นเคย ใบ้ว่าเป็นประกันชีวิตของธนาคารใหญ่ธนาคารหนึ่ง หรือที่เรียกว่า "ฺBancassurance" Bank+Assurance ไปลองหากันดู) บริษัทนี้ได้ยัดกำไรบริษัทจำนวนมากเข้าไปในกองทุนเงินรวดเดียวจำนวนมากเผื่อไว้ได้อีกหลายปี แทนที่จะค่อยๆทยอยใส่เข้าไปเหมือนกับบริษัททั่วไป >>> เงินที่ใส่เข้าไปรวดเดียวนั้นมากกว่ากำไรของปีนี้จึงทำให้งบการเงินที่ออกมา !!ขาดทุน!!
ใช่ครับขาดทุน จากการใส่เงินเข้าไปในกองทุนจำนวนมากรวดเดียว
โดยสาเหตุนั้น ไม่ขอสรุปนะครับ อาจจะ 1. ใส่ไปเลยรวดเดียวจะได้ไม่ต้องใส่บ่อยๆ วุ่นวาย ซึ่งข้อนี้ไม่น่าใช่ 55 2. บางคนก็บอกว่าผู้บริหารถือหุ้น ผลออกมาขาดทุนทั้งที่จริงมีกำไร แต่ย้ายไปอยู่อีกที่ ที่สามารถดึงเงินกลับมาได้ตลอด หุ้นก็ตกจากเม่าที่อ่านงบไม่ชัดเจนเห็นแค่ผลขาดทุนก็ตกใจ ตนเองจะได้มีโอกาสซื้อหุ้นราคาถูก หรือเหตุผลอื่นมากมาย >> เอาเป็นว่าแค่เราเข้าใจมันและรู้เท่าทันก็พอครับ
ขอสรุปเลยละกันครับ ข้อแรกธุรกิจประกันบางครั้งดูแค่ผลกำไรขาดทุนจากงบกำไรขาดทุนอาจไม่พอ ต้องอ่านงบดุลและงบกระแสเงินสดให้ชัดเจน กำไรตก แต่ยอดขายขึ้นเอาขึ้นเอา ธุรกิจประกันก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเลยมีแต่จะลดลงลดลง มันก็ไม่น่าจะขาดทุนได้
ข้อสอง ไม่จำเป็นต้องธุรกิจประกันหรอกครับ ทุกบริษัท หากคิดจะเป็นนักลงทุนจริงจังอ่านงบให้ละเอียดครับ บริษัทที่ดูมีกำไรแกะงบลงไปอาจหมุนเงินไม่ทันจนล้มละลายได้ บริษัทที่ขาดทุนความเป็นจริงอาจมีกำไรแต่คนส่วนใหญ่ไ่มรับรู้ ก็เป็นโอกาสทองของเราที่จะได้ซื้อหุ้นถูก
ปล. ลองไปดูเอานะครับ หุ้นประกันที่เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่ขาดทุนอยู่ตอนนี้
ติดตามบทความลงทุน
https://www.facebook.com/Moneyandtimebyatthawit
หุ้นประกันเจ้าใหญ่ ขาดทุน?จริงหรอ
แต่ก็ไม่ได้จะบอกว่าทุกบริษัทประกันจะดีหมด ต้องไปศึกษาต่อเอานะครับ
เข้าเรื่องเคสเลยดีกว่าครับ บริษัทประกันจำเป็นต้องมีเงินสำรองไว้เป็นกองทุน (Reserve) โดยจะมีสัดส่วนคิดเป็น %ของเงินทุนเอาประกัน เช่น 100% 150% ของเงินเอาประกันทุกเคสของลูกค้า ตัวเลขล่าสุดขั้นต่ำที่ทุกบริษัทต้องมีผมไม่ชัว >>> แต่เอาเป็นว่า ทุกบริษัทประกันจะต้องมี กองทุนเงินสำรองสำหรับไว้จ่ายลูกค้าหากเกิดเหตุไม่คาดคิดเช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ที่จะเกิดการเคลมจำนวนมาก บริษัทก็จะมีได้เงินจ่ายไหว ไม่ล้มหรือมีลูกค้าที่ไม่ได้เงินเคลมนั่นเอง
แล้วยังไงต่อ
บริษัทประกันส่วนใหญ่เมื่อมีกำไรก็จะทยอยๆ ใส่กำไรของบริษัทเข้าไปอยู่ในกองทุนสำรองให้เพียงพอขั้นต่ำตามกฎหมายหรือตามมาตรฐานที่แต่ละบริษัทตั้งไว้ว่าจะสูงกว่าขั้นต่ำตามกฎหมายเท่าไหร่ >>แต่<< มีบางบริษัทที่มีกำไรดีน่าพอใจเป็นอันดับต้นๆ ในสายประกันชีวิต (ขอไม่เอ่ยเช่นเคย ใบ้ว่าเป็นประกันชีวิตของธนาคารใหญ่ธนาคารหนึ่ง หรือที่เรียกว่า "ฺBancassurance" Bank+Assurance ไปลองหากันดู) บริษัทนี้ได้ยัดกำไรบริษัทจำนวนมากเข้าไปในกองทุนเงินรวดเดียวจำนวนมากเผื่อไว้ได้อีกหลายปี แทนที่จะค่อยๆทยอยใส่เข้าไปเหมือนกับบริษัททั่วไป >>> เงินที่ใส่เข้าไปรวดเดียวนั้นมากกว่ากำไรของปีนี้จึงทำให้งบการเงินที่ออกมา !!ขาดทุน!!
ใช่ครับขาดทุน จากการใส่เงินเข้าไปในกองทุนจำนวนมากรวดเดียว
โดยสาเหตุนั้น ไม่ขอสรุปนะครับ อาจจะ 1. ใส่ไปเลยรวดเดียวจะได้ไม่ต้องใส่บ่อยๆ วุ่นวาย ซึ่งข้อนี้ไม่น่าใช่ 55 2. บางคนก็บอกว่าผู้บริหารถือหุ้น ผลออกมาขาดทุนทั้งที่จริงมีกำไร แต่ย้ายไปอยู่อีกที่ ที่สามารถดึงเงินกลับมาได้ตลอด หุ้นก็ตกจากเม่าที่อ่านงบไม่ชัดเจนเห็นแค่ผลขาดทุนก็ตกใจ ตนเองจะได้มีโอกาสซื้อหุ้นราคาถูก หรือเหตุผลอื่นมากมาย >> เอาเป็นว่าแค่เราเข้าใจมันและรู้เท่าทันก็พอครับ
ขอสรุปเลยละกันครับ ข้อแรกธุรกิจประกันบางครั้งดูแค่ผลกำไรขาดทุนจากงบกำไรขาดทุนอาจไม่พอ ต้องอ่านงบดุลและงบกระแสเงินสดให้ชัดเจน กำไรตก แต่ยอดขายขึ้นเอาขึ้นเอา ธุรกิจประกันก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเลยมีแต่จะลดลงลดลง มันก็ไม่น่าจะขาดทุนได้
ข้อสอง ไม่จำเป็นต้องธุรกิจประกันหรอกครับ ทุกบริษัท หากคิดจะเป็นนักลงทุนจริงจังอ่านงบให้ละเอียดครับ บริษัทที่ดูมีกำไรแกะงบลงไปอาจหมุนเงินไม่ทันจนล้มละลายได้ บริษัทที่ขาดทุนความเป็นจริงอาจมีกำไรแต่คนส่วนใหญ่ไ่มรับรู้ ก็เป็นโอกาสทองของเราที่จะได้ซื้อหุ้นถูก
ปล. ลองไปดูเอานะครับ หุ้นประกันที่เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่ขาดทุนอยู่ตอนนี้
ติดตามบทความลงทุน https://www.facebook.com/Moneyandtimebyatthawit