นานๆจะหาเวลาว่างมาแบ่งปันความรู้ได้ซักที รบกวนแนะนำติชมกันดูนะครับ
กระทู้นี้ผมจะพูดถึงระบบริหารพลังงานทดแทนจาก Solar Roof ที่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในบ้านเรา
ล่าสุดเพิ่มเปิดรับข้อเสนอโครงการโดยให้อัตราการรับซื้อที่ราคา FiT 6.85 บาท ในระบบ On-Grid
ผมจึงเห็นว่า ควรเขียนกระทู้นี้ เพื่อแบ่งปันข้อมูลที่ว่า
สิ่งที่เรารู้กันมาว่า ระบบ On-Grid ไม่สามารถใช้ไฟเองในยามฉุกเฉินได้ และระบบ Off-Grid ที่ไม่สามารถขายไฟได้นั้น
ณ ตอนนี้ ผมได้คิดระบบที่จะลบจุดอ่อนทั้งสองออกไปได้ และมันไม่ใช้ระบบ Hybrid ธรรมดาที่ ตปท.ใช้กัน
เพราะตัว Hybrid Inverter ที่ ตปท.ใช้ยังไม่ได้รับมาตรฐานจาก กฟผ.บ้านเรา
แต่ระบบที่ผมจะนำเสนอต่อจากนี้จะสามารถทำทุกสิ่งได้เช่นเดียวกับ Hybrid Inverter เหล่านั้น โดยใช้อุปกรณ์จากระบบเดิมต่อยอดได้เลย
นอกจากนี้ยังได้สรุปข้อมูล จุดเด่น จุดด้อยของระบบ Solar Roof เดิมๆ มาให้ทำความเข้าใจกันอีกด้วย ตามไปดูกัน
ก่อนอื่นเรามาทบทวนรายละเอียดของระบบการติดตั้ง Solar Roof ในปัจจุบันกันก่อน
มาดูข้อดี ข้อเสีย และขีดจำกัดของระบบ Solar Roof แต่ละแบบกัน
On-Grid
ในปัจจุบันนั้น การติดตั้ง Solar Roof ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดได้แก่ ระบบ On-Grid
ระบบ On-Grid หรือระบบการต่อไฟขนานกับสายส่งของการไฟฟ้านั้น มีรูปแบบการทำงานดังภาพ
หัวใจของระบบนี้ก็คือตัว Grid-Tie Inverter หรือ Grid-Connected Inverter (ขอเรียกสั้นๆว่า GCI)
ตัว GCI นั้นจะทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงจากแผง Solar Cell บนหลังคาให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ
แต่ความสามารถพิเศษของ GCI นั้นก็คือมันสามารถแปลงกระแสไฟที่ได้จาก Solar Roof
ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับที่มีความต่างศักย์ ความถี่และที่สำคัญคือเฟสของสัญญาณที่ตรงกันกับไฟฟ้าจากสายส่ง
ดังนั้น กฟผ. จึงอนุมัติให้ผู้ใช้ระบบ On-Grid ที่มี GCI ที่ได้มาตรฐานสามารถต่อไฟเข้ามายังสายส่งกระแสหลักได้
ดังนั้นในช่วงเวลากลางวัน Solar Roof ของเราก็จะผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ และส่งผ่านมิเตอร์จำหน่ายไฟออกมา
ส่วนหนึ่งของไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นจะถูกมาใช้ภายในบ้านของเรา หากเหลือก็จะถูกส่งไปใช้ยังบ้านเรือนหลังอื่นๆเช่นเดียวกับไฟฟ้าที่ กฟผ.จ่ายออกมา
แต่ถ้าหากไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นไม่พอใช้ หรือในช่วงเวลากลางคืน ระบบก็จะดึงไฟจากส่วนอื่นๆในสายส่งมาใช้ได้อยู่ดี
ระบบแบบนี้ก็เท่ากับว่า เราไม่ต้องไปวุ่นวายอะไรกับตัวระบบเลย ผู้ติดตั้งมีความรู้เล็กน้อยก็สามารถติดตั้งได้
และไม่ว่าเราจะติดตั้งเพื่อใช้ไฟเองหรือส่งออก ไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้ก็จะผ่านมิเตอร์จำหน่ายที่เราต้องติดตั้งเพิ่มเติมในตอนติดตั้งทั้งหมด
นั่นก็คือเราจะสามารถขายไฟฟ้าออกไปได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างแน่นอน
ภาพถัดมานี้แสดงให้เห็นว่า การติดตั้ง Solar Roof แบบ On-Grid จะยังคงมีไฟฟ้าใช้ได้อย่างปรกติในตอนกลางคืน
เพราะระบบซื้อและระบบขายไฟของเราแยกอิสระจากกันโดยมีมิเตอร์ขายและมิเตอร์ซื้อเป็นตัวจำแนกปริมาณการใช้และผลิตของเรา
แต่เมื่อมีข้อดีก็จะต้องมีข้อเสียเป็นธรรมดา ข้อเสียของระบบ On-Grid นั้นอาจดูธรรมดามากสำหรับท่านที่อยู่ในเมืองหลวง
เพราะนานๆท่านถึงจะมีโอกาสได้พบกับภาวะไฟดับ และอย่างมากก็ดับแค่ไม่นาน
แต่ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะตามชานเมือง ชนบท และโดยเฉพาะจังหวัดต่างๆในภาคใต้นั้นภาวะไฟดับเป็นอะไรที่เกิดให้เห็นอยู่เสมอ
ทั้งจากอุบัติภัยของเครื่องมืออุปกรณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติเล็กน้อยอย่างตอนที่ไฟดับทั่วทั้งภาคในปีก่อนๆ หรือเหตุการณ์หม้อแปลงระเบิดบ่อยๆ
และอีกทั้งยังมีช่วงอุทกภัย วาตะภัยต่างๆที่จะเข้ามาปีละครั้งสองครั้งให้ไฟดับติดเกาะกันอยู่หลายวัน
ที่เกริ่นเช่นนี้ก็เพราะว่า แม้ระบบ Solar Roof จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เองนั้น แต่เมื่อใดที่ไม่มีไฟฟ้าจากสายส่ง(ไฟดับ)ไปสร้างสัญญาณอ้างอิงให้แก่ GCI
เจ้า GCI ของท่านก็จะตัดระบบตัวเองอัตโนมัติ แม้แดดจะร้อนเปรี้ยงๆปางใดก็ตาม ท่านจะไม่สามารถใช้ไฟฟ้าที่อัดแน่นอยู่ภายใต้แผงโซล่าเซลล์ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ไอสาเหตุที่เจ้า GCI ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกับสายส่งทุกคน
ที่ต้องทำงานกับสายส่งที่ควรจะไม่มีแรงดันไฟฟ้าจากปลายสายเช่นบ้านท่าน
เช่นนั้นแล้วเราคงไม่มีทางแก้ไขเรื่องนี้แน่ๆ ถึงแม้ว่าความมั่นคงทางพลังงานจะเป็นปัจจัยใหญ่ๆอีกปัจจัยหนึ่ง
ที่ทำให้การติดตั้ง Solar Roof ดูน่าสนใจและมีความคุ้มค่ามากขึ้นก็ตาม
แต่ท่านจะไม่สามารถนำพลังงานที่ผลิตได้มาใช้ในยามคับขันได้แม้แต่หลอดเดียวถ้าติดตั้งระบบ On-Grid
สรุปแล้วการติดตั้ง Solar Roof แบบ On-Grid นั้น มีข้อดี ข้อเสีย อุปกรณ์ที่ใช้ งบประมาณติดตั้งและระยะเวลาคืนทุนคร่าวๆดังนี้
ข้อดี
มีระบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องดูแลรักษามาก ไม่ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญอะไรมากมายก็สามารถติดตั้งได้
ขายไฟได้เรื่อยๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพของแผง รอรับเงินอย่างเดียวได้เลย ไม่ต้องไปวุ่นวายอะไรกับระบบ
ใช้อุปกรณ์แค่ไม่กี่ชิ้น ทำให้ใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก
มีนโยบายรัฐส่งเสริมโดยการรับซื้อไฟฟ้าในราคาพิเศษ ทำให้คืนทุนได้เร็ว และมีระยะเวลาฟันกำไรเป็นสิบปี
ข้อเสีย
ไม่ช่วยในเรื่องการรักษาเสถียรภาพของแหล่งพลังงาน
ต้องทำเรื่องขออนุมัติและรับการสนับสนุนยุ่งยากมาก(ถ้าทำเอง)
อุปกรณ์ที่ใช้
Solar Panels
Mounting Kits
Grid-Tie Inverter, Grid-Connected Inverter (ที่ผ่านการรับรอง)
EGAT Watt meter
Accessory, wire, monitor unit etc.
งบประมาณติดตั้ง
ราวๆ 70,000 บาท ต่อ 1 kw (ราคาขึ้นอยู่กับหลายๆอย่างนะครับ ต้องให้ผู้รับเหมาแต่ละเจ้าไปประเมินหน้างานอีกที ส่วนใหญ่จะประเมินให้ฟรีครับ)
ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 7-8 ปี ตามรายงานของกระทรวงพลังงานนะครับ
ซึ่งจริงๆผมก็คิดว่าประมาณนี้แหละ อายุของแผง 25 ปี(ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจะตกลงเรื่อยๆ แต่มีประกันที่ 80% ตลอดอายุการใช้งานเกือบทุกเจ้า)
GCI ตีว่า 20 ปี(แบรนดีๆหน่อย) ก็ฟันกำไรได้แน่ๆ 11-12 ปีแล้วครับ ถ้าไม่ซวยเจอฟ้าผ่าหรือกระสุนปืนใครตกใส่ก็คงไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงอะไรในระยะนี้
Smart Hybrid ปฎิวัติวงการ Solar Roof ด้วยระบบที่รวม On-Grid Off-Grid และ UPS ไว้ในหนึ่งเดียว
กระทู้นี้ผมจะพูดถึงระบบริหารพลังงานทดแทนจาก Solar Roof ที่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในบ้านเรา
ล่าสุดเพิ่มเปิดรับข้อเสนอโครงการโดยให้อัตราการรับซื้อที่ราคา FiT 6.85 บาท ในระบบ On-Grid
ผมจึงเห็นว่า ควรเขียนกระทู้นี้ เพื่อแบ่งปันข้อมูลที่ว่า
สิ่งที่เรารู้กันมาว่า ระบบ On-Grid ไม่สามารถใช้ไฟเองในยามฉุกเฉินได้ และระบบ Off-Grid ที่ไม่สามารถขายไฟได้นั้น
ณ ตอนนี้ ผมได้คิดระบบที่จะลบจุดอ่อนทั้งสองออกไปได้ และมันไม่ใช้ระบบ Hybrid ธรรมดาที่ ตปท.ใช้กัน
เพราะตัว Hybrid Inverter ที่ ตปท.ใช้ยังไม่ได้รับมาตรฐานจาก กฟผ.บ้านเรา
แต่ระบบที่ผมจะนำเสนอต่อจากนี้จะสามารถทำทุกสิ่งได้เช่นเดียวกับ Hybrid Inverter เหล่านั้น โดยใช้อุปกรณ์จากระบบเดิมต่อยอดได้เลย
นอกจากนี้ยังได้สรุปข้อมูล จุดเด่น จุดด้อยของระบบ Solar Roof เดิมๆ มาให้ทำความเข้าใจกันอีกด้วย ตามไปดูกัน
ก่อนอื่นเรามาทบทวนรายละเอียดของระบบการติดตั้ง Solar Roof ในปัจจุบันกันก่อน
มาดูข้อดี ข้อเสีย และขีดจำกัดของระบบ Solar Roof แต่ละแบบกัน
On-Grid
ในปัจจุบันนั้น การติดตั้ง Solar Roof ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดได้แก่ ระบบ On-Grid
ระบบ On-Grid หรือระบบการต่อไฟขนานกับสายส่งของการไฟฟ้านั้น มีรูปแบบการทำงานดังภาพ
หัวใจของระบบนี้ก็คือตัว Grid-Tie Inverter หรือ Grid-Connected Inverter (ขอเรียกสั้นๆว่า GCI)
ตัว GCI นั้นจะทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงจากแผง Solar Cell บนหลังคาให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ
แต่ความสามารถพิเศษของ GCI นั้นก็คือมันสามารถแปลงกระแสไฟที่ได้จาก Solar Roof
ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับที่มีความต่างศักย์ ความถี่และที่สำคัญคือเฟสของสัญญาณที่ตรงกันกับไฟฟ้าจากสายส่ง
ดังนั้น กฟผ. จึงอนุมัติให้ผู้ใช้ระบบ On-Grid ที่มี GCI ที่ได้มาตรฐานสามารถต่อไฟเข้ามายังสายส่งกระแสหลักได้
ดังนั้นในช่วงเวลากลางวัน Solar Roof ของเราก็จะผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ และส่งผ่านมิเตอร์จำหน่ายไฟออกมา
ส่วนหนึ่งของไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นจะถูกมาใช้ภายในบ้านของเรา หากเหลือก็จะถูกส่งไปใช้ยังบ้านเรือนหลังอื่นๆเช่นเดียวกับไฟฟ้าที่ กฟผ.จ่ายออกมา
แต่ถ้าหากไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นไม่พอใช้ หรือในช่วงเวลากลางคืน ระบบก็จะดึงไฟจากส่วนอื่นๆในสายส่งมาใช้ได้อยู่ดี
ระบบแบบนี้ก็เท่ากับว่า เราไม่ต้องไปวุ่นวายอะไรกับตัวระบบเลย ผู้ติดตั้งมีความรู้เล็กน้อยก็สามารถติดตั้งได้
และไม่ว่าเราจะติดตั้งเพื่อใช้ไฟเองหรือส่งออก ไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้ก็จะผ่านมิเตอร์จำหน่ายที่เราต้องติดตั้งเพิ่มเติมในตอนติดตั้งทั้งหมด
นั่นก็คือเราจะสามารถขายไฟฟ้าออกไปได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างแน่นอน
ภาพถัดมานี้แสดงให้เห็นว่า การติดตั้ง Solar Roof แบบ On-Grid จะยังคงมีไฟฟ้าใช้ได้อย่างปรกติในตอนกลางคืน
เพราะระบบซื้อและระบบขายไฟของเราแยกอิสระจากกันโดยมีมิเตอร์ขายและมิเตอร์ซื้อเป็นตัวจำแนกปริมาณการใช้และผลิตของเรา
แต่เมื่อมีข้อดีก็จะต้องมีข้อเสียเป็นธรรมดา ข้อเสียของระบบ On-Grid นั้นอาจดูธรรมดามากสำหรับท่านที่อยู่ในเมืองหลวง
เพราะนานๆท่านถึงจะมีโอกาสได้พบกับภาวะไฟดับ และอย่างมากก็ดับแค่ไม่นาน
แต่ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะตามชานเมือง ชนบท และโดยเฉพาะจังหวัดต่างๆในภาคใต้นั้นภาวะไฟดับเป็นอะไรที่เกิดให้เห็นอยู่เสมอ
ทั้งจากอุบัติภัยของเครื่องมืออุปกรณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติเล็กน้อยอย่างตอนที่ไฟดับทั่วทั้งภาคในปีก่อนๆ หรือเหตุการณ์หม้อแปลงระเบิดบ่อยๆ
และอีกทั้งยังมีช่วงอุทกภัย วาตะภัยต่างๆที่จะเข้ามาปีละครั้งสองครั้งให้ไฟดับติดเกาะกันอยู่หลายวัน
ที่เกริ่นเช่นนี้ก็เพราะว่า แม้ระบบ Solar Roof จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เองนั้น แต่เมื่อใดที่ไม่มีไฟฟ้าจากสายส่ง(ไฟดับ)ไปสร้างสัญญาณอ้างอิงให้แก่ GCI
เจ้า GCI ของท่านก็จะตัดระบบตัวเองอัตโนมัติ แม้แดดจะร้อนเปรี้ยงๆปางใดก็ตาม ท่านจะไม่สามารถใช้ไฟฟ้าที่อัดแน่นอยู่ภายใต้แผงโซล่าเซลล์ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ไอสาเหตุที่เจ้า GCI ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกับสายส่งทุกคน
ที่ต้องทำงานกับสายส่งที่ควรจะไม่มีแรงดันไฟฟ้าจากปลายสายเช่นบ้านท่าน
เช่นนั้นแล้วเราคงไม่มีทางแก้ไขเรื่องนี้แน่ๆ ถึงแม้ว่าความมั่นคงทางพลังงานจะเป็นปัจจัยใหญ่ๆอีกปัจจัยหนึ่ง
ที่ทำให้การติดตั้ง Solar Roof ดูน่าสนใจและมีความคุ้มค่ามากขึ้นก็ตาม
แต่ท่านจะไม่สามารถนำพลังงานที่ผลิตได้มาใช้ในยามคับขันได้แม้แต่หลอดเดียวถ้าติดตั้งระบบ On-Grid
สรุปแล้วการติดตั้ง Solar Roof แบบ On-Grid นั้น มีข้อดี ข้อเสีย อุปกรณ์ที่ใช้ งบประมาณติดตั้งและระยะเวลาคืนทุนคร่าวๆดังนี้
ข้อดี
มีระบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องดูแลรักษามาก ไม่ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญอะไรมากมายก็สามารถติดตั้งได้
ขายไฟได้เรื่อยๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพของแผง รอรับเงินอย่างเดียวได้เลย ไม่ต้องไปวุ่นวายอะไรกับระบบ
ใช้อุปกรณ์แค่ไม่กี่ชิ้น ทำให้ใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก
มีนโยบายรัฐส่งเสริมโดยการรับซื้อไฟฟ้าในราคาพิเศษ ทำให้คืนทุนได้เร็ว และมีระยะเวลาฟันกำไรเป็นสิบปี
ข้อเสีย
ไม่ช่วยในเรื่องการรักษาเสถียรภาพของแหล่งพลังงาน
ต้องทำเรื่องขออนุมัติและรับการสนับสนุนยุ่งยากมาก(ถ้าทำเอง)
อุปกรณ์ที่ใช้
Solar Panels
Mounting Kits
Grid-Tie Inverter, Grid-Connected Inverter (ที่ผ่านการรับรอง)
EGAT Watt meter
Accessory, wire, monitor unit etc.
งบประมาณติดตั้ง
ราวๆ 70,000 บาท ต่อ 1 kw (ราคาขึ้นอยู่กับหลายๆอย่างนะครับ ต้องให้ผู้รับเหมาแต่ละเจ้าไปประเมินหน้างานอีกที ส่วนใหญ่จะประเมินให้ฟรีครับ)
ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 7-8 ปี ตามรายงานของกระทรวงพลังงานนะครับ
ซึ่งจริงๆผมก็คิดว่าประมาณนี้แหละ อายุของแผง 25 ปี(ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจะตกลงเรื่อยๆ แต่มีประกันที่ 80% ตลอดอายุการใช้งานเกือบทุกเจ้า)
GCI ตีว่า 20 ปี(แบรนดีๆหน่อย) ก็ฟันกำไรได้แน่ๆ 11-12 ปีแล้วครับ ถ้าไม่ซวยเจอฟ้าผ่าหรือกระสุนปืนใครตกใส่ก็คงไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงอะไรในระยะนี้