ขอเล่าความเป็นมาของตัวเองที่เกี่ยวกับขายตรงก่อนเลยนะคะ สมัยเรียนมหาลัยเราเคยโดนรุ่นน้องชวนไปทำขายตรงเจ้าหนึ่งรูปดาว ความรู้สึกตอนนั้นเฉยๆกับอาชีพนี้มาก ทำก็ได้ไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่ด้วยความที่เราสนิทกับรุ่นน้องคนนี้ เราเลยสมัครสมาชิกไป แต่เราบอกไปว่าเราขอแค่ซื้อน้ำมันกินก็พอนะ เพราะเรามีปัญหาเรื่องสุขภาพ เคยเกิดอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อนเกี่ยวกับกระดูก (ซึ่งน้ำมันที่เรากินก็ไม่น่าจะช่วยอะไรได้นะ) เราซื้อน้ำมันกินอยู่ประมาน3เดือน แต่ก็ไม่ได้เห็นผลอะไรที่ชัดเจนมากนัก จากนั้นน้องเค้าก็เซ้าซี้ให้เราทำธุรกิจแบบต้องการรายได้มากกว่าสุขภาพ โดยให้เราไปชวนเพื่อนสนิทเราในสาขาทำธุรกิจ เพื่อนเราก็เชื่อเรากับรุ่นน้องและเริ่มทำอย่างจริงจัง ชวนน้องสาว แฟนของน้องสาว น้าและอา ของเขามาทำด้วยกัน
จนผ่านไปสักระยะ เรารู้สึกว่ารายได้ของเราได้มาไม่มากเหมือนที่เค้าคุยกันไว้เลย ทั้งๆที่เราก็ชวนคนมาได้ แล้วคนที่เราชวนก้ชวนคนมาได้ เราก็ไม่รู้ว่าปัญหามันเกิดจากตัวธุรกิจหรือเราเอง จนมาถึงช่วงใกล้สอบเราก้เริ่มไม่ไปตามนัดเพราะอ่านหนังสือสอบ ช่วงนั้นเรากับเพื่อนมองหน้ากันไม่ติดเลย เขาบอกว่าเราทิ้งเขา แต่เราก็มีเหตุผลคือเราต้องอ่านหนังสือสอบ เรากลัวเรียนไม่จบมากๆ (ทุกวันนี้เพื่อนเราคนนี้ยังเรียนไม่จบ ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นความผิดเราลึกๆเหมือนกัน) จนสอบเสร็จแล้วเราก็เลิกทำเด็ดขาด เพื่อนก็ทำไปสักระยะนึงก็เลิก แต่เรากับเพื่อนก็ไม่คุยกันไปเลยจนทุกวันนี้
ตอนนี้เราเรียนจบและกำลังอ่านหนังสือสอบราชการ เพื่อให้ที่บ้านสบายใจ แต่เราก็มองหางานไม่ประจำทำไปด้วย และไม่ใช่ขายตรงแน่นอน เรามีเพื่อนสนิทในกลุ่มที่เคยเที่ยวด้วบกัน ให้ชื่อบี นะคะ
บีทำงานในบริษัทแห่งนึง เงินเดือนสามหมื่นกว่าๆ แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆบีก็มาบอกเราว่าทำขายตรงอันนึงอยู่(น้ำแร่) ตอนแรกเราก็ปฏิเสธไป บอกว่าเราเข็ดแล้วแต่ เขาก็พูดว่ามันคนละระบบกัน โน้นนี้ เขาขอร้องเรา ด้วยความสนิทกันมาก เราอยากช่วยเลยสมัครสมาชิกไป แต่เราบอกว่าขอสมัครไปก่อนได้มั้ย ยังไม่ทำ ขอดูก่อนว่าแกทำได้จริงมั้ย เพราะตอนเราทำเราขาดทุน เขาก็โอเคนะ ให้เราสมัครจองที่นั่งไว้ก่อน
อยู่ๆขายตรงที่บีทำอยู่ก็ล่ม หรืออาจจะไม่ล่มก็ได้เราก็บอกไม่ถูก คือกลุ่มใบไม้ที่เราเป็นสมาชิกอยู่แตกคอกับเจ้าของบริษัท อาจจะด้วยปัญหาจากน้ำแร่ที่มีกระแสแอนตี้แรงมากๆ กลุ่มใบไม้ก็เลยแยกตัวออกมาตั้งบริษัทเองซึ่งมีพาทเนอร์เป็นบริษัทใหญ่เช่น ais samsung bts มีอีกแต่เราจำไม่ได้ สุดท้ายด้วยความเกรงใจเราก็สมัครขายตรงอันใหม่ตามเขาไปด้วย
จนวันนึงบีคุยกับเราว่าทางบริษัท(งานประจำ)จะจ้างออก เราก็ตกใจมาก บีเลยบอกว่าเป็นโอกาสที่จะออกมาทำขายตรงเต็มตัวสักที หลังจากนั้น เราก็โดนนัดไปสัมนาตลอด แต่เราก็อ้าง จนล่าสุดจะมีงานแคมป์ที่ต่างจังหวัด บีบอกเราว่าไปเที่ยวกันมั้ย ไปกับเพื่อนอีกสี่ห้าคน (ซึ่งก็เป็นเพื่อนในกลุ่มสมัยเรียนที่เขาชวนมา) เราก็ว่างช่วงนั้นพอดี แล้วเขาก็ถามเราว่าจะไปจริงป่าว จะได้ซื้อบัตรเกือบสามพัน เราก็ตะหงิดละ เราเริ่มซักไซ้ เขาก็บอกว่าเป็นงานของขายตรงนี่แหละ แต่หลังจากเสร็จงานค่อยไปเที่ยวกัน เราบอกว่าไม่มีตัง ไม่ไป ถ้าจะให้เราไปเราไม่เอาบัตรได้มั้ย เราอยากเจอเพื่อนแต่เราไม่อยากไปสัมนาอะไรนั่น สุดท้ายก็สรุปว่าเราไม่ไปด้วยเหตุผลว่าไม่มีตัง
แต่สิ้นเดือนเราบังเอิญมีรุ่นน้องชวนไปเที่ยวต่างจังหวัด พอบีรู้ เขาก็มาพูดในไลน์กลุ่มประมาณว่า อิด_ก*** ไหนมุงบอกว่าไม่มีตัง เราไม่ตอบ เราโกรธมาก ทำไมต้องพูดในกลุ่ม แต่ถึงพูดในแชทส่วนตัวเราก็โกรธนะ แต่ไม่มากขนาดนี้ หลังจากกลับมาจากเที่ยว เราก็พูดตรงๆเลย ว่าเราไม่ทำแล้วนะ ไม่ชอบ จะอ่านหนังสือสอบ เขาก็อือๆ แต่สุดท้ายก็พูดดีด้วย เขาน่าจะรู้ว่าเราไม่พอใจ
เราก็นึกว่าบีจะเข้าใจเราแล้ว สองสามวันที่ผ่านมา มีรุ่นน้องที่สนิทกับบีชวนเราไปงานสัมนาวันอาทิตย์ เรารู้เลยว่าบีบอกให้ชวนเรา แต่เราคุยกันไปแล้ว เขาไม่เข้าใจหรอ แล้วให้คนอื่นมาชวน เราปฏิเสธไป รุ่นน้องคนนั้นก็ใช้คำพูดแปลกๆกับเรา
เราไม่สบายใจเลย ตอนนี้เพื่อนในกลุ่มสมัยเรียนทำขายตรงตัวนี้ไปเกือบหมดทั้งกลุ่มแล้ว เราไม่กล้าคุยกับพวกเขาเลย เราอยู่ กทม คนเดียวก็อยากไปเที่ยวกับเพื่อน นัดเจอเพื่อนบ้าง แต่เพื่อนเราเป็นแบบนี้ไปหมด
ตอนเรากลับไปที่มหาลัยก็มีรุ่นน้องในสาขาทำขายตรงตัวนี้เหมือนกันจะนัดเราไปเจอที่มหาลัยโดยบอกว่าคิดถึงไม่เจอกันนานมาก เรารู้นะว่าเขาจะชวนเรา แต่เรากลับอยากเจอเขาแล้วเม้ามอยกันไรงี้ เรารู้สึกไม่ดีกับรุ่นน้องคนนี้ไปเลย
เพื่อนเราที่มหาลัยซึ่งยังเรียนไม่จบก็โดนบังคับด้วยความเกรงใจให้ซื้อเครื่องสำอางของขายตรง aw ราคาเป็นพัน เขามาบ่นว่าเขาไม่มีตังกินข้าว เพราะซื้อครีมนี่แหละ เราสงสารเพื่อนแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ทุกวันนี้เราแอนตี้ขายตรงทุกยี่ห้อเลย
แต่สำรับ aw ที่บ้านเราก็ใช้นะ พ่อเราบอกว่าถึงจะแพงหน่อยแต่สินค้าก็มีคุณภาพ พ่อเราเป็นสมาชิกด้วย แต่พ่อไม่ชวนใคร สมัครเพื่อไปซื้อของที่ชอปอย่างเดียว ปีละครั้ง ไม่ก็ไปซื้อสินค้าปลอดภาษีแถบชายแดน
อยากให้เพื่อนกลับมาเป็นเพื่อนที่ห่วงใยกันเหมือนเดิม อยากให้คำว่าคิดถึงคือคิดถึงจริงๆ ไม่ใช่คิดถึงเงินในกระเป๋าเพื่อน
เมื่อเพื่อนสนิทไปทำขายตรงกันหมด ความรู้สึกเราเหมือนโดนเพื่อนทิ้ง
จนผ่านไปสักระยะ เรารู้สึกว่ารายได้ของเราได้มาไม่มากเหมือนที่เค้าคุยกันไว้เลย ทั้งๆที่เราก็ชวนคนมาได้ แล้วคนที่เราชวนก้ชวนคนมาได้ เราก็ไม่รู้ว่าปัญหามันเกิดจากตัวธุรกิจหรือเราเอง จนมาถึงช่วงใกล้สอบเราก้เริ่มไม่ไปตามนัดเพราะอ่านหนังสือสอบ ช่วงนั้นเรากับเพื่อนมองหน้ากันไม่ติดเลย เขาบอกว่าเราทิ้งเขา แต่เราก็มีเหตุผลคือเราต้องอ่านหนังสือสอบ เรากลัวเรียนไม่จบมากๆ (ทุกวันนี้เพื่อนเราคนนี้ยังเรียนไม่จบ ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นความผิดเราลึกๆเหมือนกัน) จนสอบเสร็จแล้วเราก็เลิกทำเด็ดขาด เพื่อนก็ทำไปสักระยะนึงก็เลิก แต่เรากับเพื่อนก็ไม่คุยกันไปเลยจนทุกวันนี้
ตอนนี้เราเรียนจบและกำลังอ่านหนังสือสอบราชการ เพื่อให้ที่บ้านสบายใจ แต่เราก็มองหางานไม่ประจำทำไปด้วย และไม่ใช่ขายตรงแน่นอน เรามีเพื่อนสนิทในกลุ่มที่เคยเที่ยวด้วบกัน ให้ชื่อบี นะคะ
บีทำงานในบริษัทแห่งนึง เงินเดือนสามหมื่นกว่าๆ แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆบีก็มาบอกเราว่าทำขายตรงอันนึงอยู่(น้ำแร่) ตอนแรกเราก็ปฏิเสธไป บอกว่าเราเข็ดแล้วแต่ เขาก็พูดว่ามันคนละระบบกัน โน้นนี้ เขาขอร้องเรา ด้วยความสนิทกันมาก เราอยากช่วยเลยสมัครสมาชิกไป แต่เราบอกว่าขอสมัครไปก่อนได้มั้ย ยังไม่ทำ ขอดูก่อนว่าแกทำได้จริงมั้ย เพราะตอนเราทำเราขาดทุน เขาก็โอเคนะ ให้เราสมัครจองที่นั่งไว้ก่อน
อยู่ๆขายตรงที่บีทำอยู่ก็ล่ม หรืออาจจะไม่ล่มก็ได้เราก็บอกไม่ถูก คือกลุ่มใบไม้ที่เราเป็นสมาชิกอยู่แตกคอกับเจ้าของบริษัท อาจจะด้วยปัญหาจากน้ำแร่ที่มีกระแสแอนตี้แรงมากๆ กลุ่มใบไม้ก็เลยแยกตัวออกมาตั้งบริษัทเองซึ่งมีพาทเนอร์เป็นบริษัทใหญ่เช่น ais samsung bts มีอีกแต่เราจำไม่ได้ สุดท้ายด้วยความเกรงใจเราก็สมัครขายตรงอันใหม่ตามเขาไปด้วย
จนวันนึงบีคุยกับเราว่าทางบริษัท(งานประจำ)จะจ้างออก เราก็ตกใจมาก บีเลยบอกว่าเป็นโอกาสที่จะออกมาทำขายตรงเต็มตัวสักที หลังจากนั้น เราก็โดนนัดไปสัมนาตลอด แต่เราก็อ้าง จนล่าสุดจะมีงานแคมป์ที่ต่างจังหวัด บีบอกเราว่าไปเที่ยวกันมั้ย ไปกับเพื่อนอีกสี่ห้าคน (ซึ่งก็เป็นเพื่อนในกลุ่มสมัยเรียนที่เขาชวนมา) เราก็ว่างช่วงนั้นพอดี แล้วเขาก็ถามเราว่าจะไปจริงป่าว จะได้ซื้อบัตรเกือบสามพัน เราก็ตะหงิดละ เราเริ่มซักไซ้ เขาก็บอกว่าเป็นงานของขายตรงนี่แหละ แต่หลังจากเสร็จงานค่อยไปเที่ยวกัน เราบอกว่าไม่มีตัง ไม่ไป ถ้าจะให้เราไปเราไม่เอาบัตรได้มั้ย เราอยากเจอเพื่อนแต่เราไม่อยากไปสัมนาอะไรนั่น สุดท้ายก็สรุปว่าเราไม่ไปด้วยเหตุผลว่าไม่มีตัง
แต่สิ้นเดือนเราบังเอิญมีรุ่นน้องชวนไปเที่ยวต่างจังหวัด พอบีรู้ เขาก็มาพูดในไลน์กลุ่มประมาณว่า อิด_ก*** ไหนมุงบอกว่าไม่มีตัง เราไม่ตอบ เราโกรธมาก ทำไมต้องพูดในกลุ่ม แต่ถึงพูดในแชทส่วนตัวเราก็โกรธนะ แต่ไม่มากขนาดนี้ หลังจากกลับมาจากเที่ยว เราก็พูดตรงๆเลย ว่าเราไม่ทำแล้วนะ ไม่ชอบ จะอ่านหนังสือสอบ เขาก็อือๆ แต่สุดท้ายก็พูดดีด้วย เขาน่าจะรู้ว่าเราไม่พอใจ
เราก็นึกว่าบีจะเข้าใจเราแล้ว สองสามวันที่ผ่านมา มีรุ่นน้องที่สนิทกับบีชวนเราไปงานสัมนาวันอาทิตย์ เรารู้เลยว่าบีบอกให้ชวนเรา แต่เราคุยกันไปแล้ว เขาไม่เข้าใจหรอ แล้วให้คนอื่นมาชวน เราปฏิเสธไป รุ่นน้องคนนั้นก็ใช้คำพูดแปลกๆกับเรา
เราไม่สบายใจเลย ตอนนี้เพื่อนในกลุ่มสมัยเรียนทำขายตรงตัวนี้ไปเกือบหมดทั้งกลุ่มแล้ว เราไม่กล้าคุยกับพวกเขาเลย เราอยู่ กทม คนเดียวก็อยากไปเที่ยวกับเพื่อน นัดเจอเพื่อนบ้าง แต่เพื่อนเราเป็นแบบนี้ไปหมด
ตอนเรากลับไปที่มหาลัยก็มีรุ่นน้องในสาขาทำขายตรงตัวนี้เหมือนกันจะนัดเราไปเจอที่มหาลัยโดยบอกว่าคิดถึงไม่เจอกันนานมาก เรารู้นะว่าเขาจะชวนเรา แต่เรากลับอยากเจอเขาแล้วเม้ามอยกันไรงี้ เรารู้สึกไม่ดีกับรุ่นน้องคนนี้ไปเลย
เพื่อนเราที่มหาลัยซึ่งยังเรียนไม่จบก็โดนบังคับด้วยความเกรงใจให้ซื้อเครื่องสำอางของขายตรง aw ราคาเป็นพัน เขามาบ่นว่าเขาไม่มีตังกินข้าว เพราะซื้อครีมนี่แหละ เราสงสารเพื่อนแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ทุกวันนี้เราแอนตี้ขายตรงทุกยี่ห้อเลย
แต่สำรับ aw ที่บ้านเราก็ใช้นะ พ่อเราบอกว่าถึงจะแพงหน่อยแต่สินค้าก็มีคุณภาพ พ่อเราเป็นสมาชิกด้วย แต่พ่อไม่ชวนใคร สมัครเพื่อไปซื้อของที่ชอปอย่างเดียว ปีละครั้ง ไม่ก็ไปซื้อสินค้าปลอดภาษีแถบชายแดน
อยากให้เพื่อนกลับมาเป็นเพื่อนที่ห่วงใยกันเหมือนเดิม อยากให้คำว่าคิดถึงคือคิดถึงจริงๆ ไม่ใช่คิดถึงเงินในกระเป๋าเพื่อน