เรื่องเล่า ไม่ควรเล่า : ปั้มร้างที่ทุ่งสง

กระทู้สนทนา
เรื่องเล่า ไม่ควรเล่า : ปั้มร้างที่ทุ่งสง (ตอนที่ 1)

        เวลาประมาณหกโมงครึ่งของเย็นวันที่ 25 มีนาคม ที่โรงแรมซากุระ หาดใหญ่ ทีมงานของเราเก็บข้าวของออกจากโรงแรมหลังจากที่ได้มาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าของบริษัทให้สมาชิกฟัง แสงแดดที่เคยสาดส่องบริเวณหน้าโรงแรมเมื่อตอนเที่ยงหายไปหมดแล้ว อากาศจึงเย็นสบาย หลังจากนี้เรามีโปรแกรมจะไปกินข้าวเย็นกันที่ ”ร้านกันเอง” ซึ่งเป็นร้านประจำที่อยู่ในตัวเมือง ตอนแรกทางทีมงานก็ชวนน้องๆที่สาขาหาดใหญ่ให้ไปกินข้าวด้วยกัน แต่ทุกคนติดภารกิจจึงขอตัว พวกเราจึงได้แค่ไปส่งที่สาขาและช่วยขนสินค้าที่เหลือจากการขายไปเก็บให้ด้วย หลังจากร่ำรากันพอเป็นพิธีเราก็ไปกินข้าวตามแผนที่วางไว้ ซึ่งหลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเราจะต้องเดินทางอีกประมาณ 300 กิโล เพื่อไปพักที่ สุราษฎร์ วันรุ่งขึ้นจะได้เดินทางกลับกรุงเทพโดยไม่เหนื่อยมากนัก บรรยากาศและรสชาติอาหารที่ร้านกันเองยังทำให้เราประทับใจกันเหมือนเดิม โดยเฉพาะน้องเกียร์เจ้าหน้าที่ธุรการสาว น้องใหม่ที่เพิ่งเดินทางมาหาดใหญ่กับเราเป็นครั้งแรก ก็ยังอดเอ่ยปากชมว่าอร่อยไม่ได้
         พวกเราใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็จัดการกับอาหารที่อยู่บนโต๊ะจนเกลี้ยง ตอนนั้นเวลาประมาณสองทุ่มแล้ว เราต้องรีบเดินทางไปที่สุราษฎร์ เพราะโรงแรมนิภา ที่เราจะไปพักบอกว่าเราต้องเข้าไปเช็คอินก่อนสี่ทุ่ม ช้าได้ไม่เกินห้าทุ่ม (นี่กูจะไปนอนนะ ไม่ได้เช็คอินขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ ทำไมต้องกำหนดเวลากันด้วย) ด้วยความเป็นโชว์เฟอร์มืออาชีพของพี่เอ คนขับรถมากประสบการณ์ของบริษัท เราใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็เดินทางมาเกือบถึง อ.ทุ่งสง นั่นหมายความว่าเราออกจากหาดใหญ่มาแล้วกว่าร้อยกิโล สองข้างทางที่คณะทำงานของเรานั่งรถผ่านมานั้นไม่ค่อยมีแสงสว่างมากนัก จะมีแต่ก็เฉพาะแยกใหญ่ๆ หรือตัวอำเภอที่ผ่านเท่านั้น หลายครั้งที่ผมแอบชำเรืองมองดูที่หน้าปัดตรงหน้าคนขับ ซึ่งเห็นเข็มไมล์บอกความเร็ว ไปหยุดอยู่ที่ 170 กม./ชม. มันทำให้ผมอดเป็นกังวลกับความเร็วขนาดนี้ไม่ได้ จนหลายครั้งผมต้องนั่งลุ้นและช่วยพี่เอเหยียบเบรกอยู่บ่อยๆ......
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่