กรรมเทพ (1)

กระทู้คำถาม
เวรกรรมบางคนปฏิเสธว่าไม่มี แต่การปฏิเสธนั้นก็เป็นเพียงการเข้าข้างตัวเองเพื่อที่ว่าจะได้ไม่ถูกความรู้สึกผิดบาปตามมาบั่นทอนความรู้สึกในใจเท่านั้นเอง เวรกรรมมันมีจริงและไม่มีใครหนีพ้นสักรายเดียว ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนดีคนเลวยาจกเศรษฐีหรือแม้กระทั่งเทวดาถ้าทำกรรมเอาไว้ถึงเวลามันก็ต้องชดใช้ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่บนวิมานชั้นฟ้าขั้นไหน กรรมเทพ เทพก็ต้องใช้กรรม

" ตื่นได้แล้ว ตื่น ตื่น
เสียงปลุกทำให้ผู้ที่นั่งหลับคอพับน้ำลายย้อยงัวเงียลืมตา
" ถึงแล้วหรอ
" ถึงอะไรเล่า ตื่นขึ้นมาเป็นเพื่อนกันมั่ง พี่ขับคนเดียวเงียบๆแถมสองข้างทางมันมืดรู้สึกโหวงเหวง
" แล้วถึงไหนแล้วคะเนี่ย
" เลยพิษณุโลกมาแล้ว สองข้างทางเริ่มเป็นภูเขา ตื่นมาเป็นเพื่อนกันเถอะ
" นี่กี่โมงแล้วค่ะนี่
" จะทุ่มแล้ว อากาศสลัวๆแบบนี้พี่ไม่ค่อยชอบเลย
" ให้ดาขับบ้างไหมล่ะ
" ไม่ต้องหรอก แค่ตื่นมานั่งคุยเป็นเพื่อนก็พอแล้ว ทางมันคดโค้งขึ้นลงเขาพี่ขับเองสบายใจกว่า
" พี่ตรีระวัง ว๊าย ตายแน่
วิภาดาร้องสุดเสียงอย่างตกใจตรีบดินท์หักหลบเต็มที่ก่อนจะเบรคแล้วเข้าข้างทางเพราะเขาชนเอาสัตว์ป่าที่วิ่งตัดหน้ารถกะทันหัน สองพี่น้องหันไปมองสัตว์เคราะห์ร้ายที่ถูกรถของเขาชนเห็นมันดิ้นทุรนทุรายอยู่กลางถนน
" ตัวอะไรน่ะพี่ตรีมันดิ้นใหญ่เลย
" ลงไปดูเถอะไม่รู้จะตายไหม
สองพี่น้องรีบลงไปดูร่างที่ยังดิ้นอยู่วิภาดาทั้งตกใจและสงสารมันตรีบดินท์เองก็หน้าเสียเพราะเป็นคนขับรถชนมัน
" เอายังไงดีล่ะพี่ มันนิ่งแล้วรึว่ามันตาย
" มันยังหายใจอยู่นะไม่รู้โดนชนตรงไหน
" ไม่มีเลือดออก ไม่รู้ว่าทับกลางตัวมันหรือปล่าวถ้าถูกทับกลางตัวคงไม่รอดแน่
" แล้วจะเอายังไงล่ะค่ะทิ้งมันไว้อย่างนี้มันต้องโดนรถคนอื่นทับตายแน่ ดาว่าเราเอามันไปด้วยดีกว่าถ้ามันไม่ตายก็ช่วยรักษามันนะคะ
" คงต้องแบบนั้นแหละ มาพี่จะอุ้มมันไปเองดาไปเปิดประตูหลังรถให้พี่
แล้วสองพี่น้องพาร่างที่นอนนิ่งของสัตว์โชคร้ายเอาไปด้วย วิภาดาถามพี่ชายอย่างแปลกใจกับเจ้าสัตว์ตัวน้อย
ที่นอนหายใจรวยรินอยู่หลังรถ
"มันตัวอ่ะไรคะพี่ตรี ภาเพิ่งเคยเห็นกระรอกก็ไม่ใช่เราพะตัวใหญ่กว่ามากกระรอกไม่ตัวโตเท่านี้แน่
"กระแตมั้ง
"บ้า กระแตอะไรตัวเท่านี้กระรอกกระแตก็ตัวใกล้เคียงกันนั่นแหระแต่กระรอกหางของมันยาวเป็นพวงสวยกว่า
กันแล้วตัวขอมันก็เป็นสีขาวๆหรือไม่ก็ออกสีน้ำตาล
"อ้าว ไม่ใช่กระแตแล้วมันจะตัวอะไรล่ะพี่ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน หรือว่ากระรองช้าง
"มีด้วยหรอกระรอกช้างพี่ตรีมั่ว
"เอ้า ก็ตัวมันเหมือนกระรอกแต่ใหญ่กว่าก็ต้องเป็นกระรอกช้างน่ะสิ
"ไม่ต้องมามั่วเลย เดี๋ยวไปถึงบ้านถามตาดีกว่าชัวไม่มีมั่วนิ่ม
"ว่าแต่มันจะรอดไหมนี่สิปัญหา
วิภาดาหันมองร่างน้อยที่นอนนิ่งแต่ท้องของมันยังกระเพื่อมน้อยๆแสดงว่ามันยังมีชีวิตอยู่
"ถ้ามันตายก็น่าสงสารมันน้ะพี่ตรีนะมันวิ่งเล่นของมันอยู่ดีๆเราก็ขับรถชนมันซะนี่
"วิ่งเล่นดีๆที่ไหนวิ่งตัดหน้ารถแบบนี้มันน่ะวิ่งเข้าหาความตายต่างหาก ที่ตั้งเยอะตั้งแยะมีไม่อยู่ดันมาวิ่งบนถนน
โอกาสโดนรถเหยียบมันก็มากอยู่แล้วละ
"แต่มันมืด มันคงมองไม่เห็นรถ
"จะมืดจะสว่างก็ไม่น่ามาวิ่งบนถนนหรอก
"สัตว์ป่ามันจะไปรู้อ่ะไรล่ะคะพวกเราต่างหากที่ไปบุกรุกที่อยู่อาศัยของมันมันถึงได้โชคร้ายถูกรถเหยียบถูกชนเอา
"ก็ถือว่ามันเคราะห์ร้ายก็แล้วกัน ตายก็ฝังยังก็เลี้ยงเราถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
"พูดง่ายดีเนาะ
"ไม่ต้องมาบ่นเลย ถ้าเมื่อตระกี้เป็นเราขับมันอาจจะแนบติดถนนไม่ต้องมาลุ้นว่าจะตายหรือจะรอดก็ได้
"แน๊ ถ้าเป็นดาขับน่ะนะไม่ชนมันด้วยซ้ำจะบอกให้ ดาตาไวกว่าพี่ตรี
"ตาปลือหรือตาไวพูดผิดพูดไหม่ได้
"ตาไว
"ตาปลือ
"เอ๊ะ
"เอ๊ะอะไร
สองพี่น้องเถียงกันโดยมีร่างน้อยนอนหายใจรวยรินอยู่ที่เบาะหลังรถ
แม้สองข้างทางจะมืดสนิทแต่เพนาะความเคยชินที่เป็นถิ่นกำเนิดตรีบดินท์บอกน้องสาวว่าใกล้จะถึงจุดหมาย
ปลายทางในอีกไม่กี่นาทีแล้ว
"จะถึงแล้วดา หลับไปอีกหรือเปล่า
"ไม่หลับหรอก
"เห็นนั่งเงียบพี่ก็นึกว่าหลับไปอีกแล้ว
"ใครจะไปหลับลงเป็นห่วงเจ้าตัวน้อยที่นอนเงียบไม่รู้ว่ามันจะรอดไหม
"นอนเงียบแบบนี้พี่ว่าโอกาสคงน้อยน้ะ ดีไม่ดีมันอาจจะตายไปแล้วก็ได้
วิภาดาหันหลังชะโงกไปดูเจ้าตัวน้อยนอนนิ่งที่ท้องของมันยังไหมกระเพื่อมด้วยการหายใจ หญิงสาวถอน
หายใจหนักทั้งสาสทั้งกังวนใจเป็นห่วงกลัวมันจะตาย
"ถึงบ้านก็ยังไม่รู้จะชั่วมันยังไงน้ะ แถวนี้มีสัตวแพทย์ซะที่ไหน
"ตาคงมีวิธีช่วยมันหรอก ถ้าไม่หนักจนเกินจะเยียวยา นอกจากว่ามันไม่ไหวถึงส่งหาหมอมันก็ไม่รอดหรอก
ตรีบดินท์ขับรถเข้าทางแยกดินลูกลังเพราะบ้านของเขาไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ ขับเข้าไปสามกิโลเมตรก็เห็นรั้ว
ไม้สูงทำแบบซุ้มไม้เลื้อยมีต้นเล็บมือนางเลื้อยปรกคลุมอยู่เหนือประตูรั้วดอกห้อยเป็นพวงระโยงระยาง ตรีบดินท์
ขับผ่านเข้าไปยังบ้านหลังใหญ่ บนบ้านแสงไฟหน้าระเบียบยังเปิดสว่างเพราะเจ้าของบ้านกำลังคอยการกลับมา
ของหลานชายหลานสาวทั้งสองที่ส่งข่าวบอกมาล่วงหน้าว่าจะเดินทางมาถึงในวันนี้ เมื่อเสียงรถขับเข้ามาจอด
หน้าบ้านชายชราเจ้าของบ้านจึงรีบออกมารอรับหลานทั้งสองทันที
"แสงเอ้ย ไอ้เจ้าสองคนมันมาถึงกันแล้ว เอ็งไปจัดแจงหาข้าวหาปลาให้มันกินเลยไปคงหิวกันล่ะ
"พ่อ ก็ ข้าวปลาฉันเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เย็นแล้ว ฉันจะลงไปช่วยหลานยกกระเป๋าก่อน
"ตาจ๋า สวัวดีค่ะ อาแสงสวัสดีค่ะ
วิภาดาลงจากรถก็รีบวิ่งมาหาตาและอาสาวอย่างคิดถึง สี่คนถามสารทุกสุกดิบกันเจี๊ยวจ๊าวโดยฉเพาะแสงหล้า
ผู้เปนอากอดรัดหลานสาวอย่างคิดถึงมานาน
"ดา นี่ผอมจังเลยนะ ดูสิเนิ่นแขนนิดเดียว ตรีดูแลน้องยังไงถึงได้ปล่อยให้น้องผอมแห้งอย่างนี้หืมม์
"อาแสงแบบนี้เขาเรียกหุ่นดีเพียวลมหุ่นนางแบบ
วิภาดารีบบอกอาผู้เปนตากลับมองแหล่แล้วเห็นด้วยกับแสงหล้าว่าวิภาดาผอมไป
"เออตาก็ว่าเจ้าดามันผอมไปนะ อยู่ที่โน่นสตุ้งสตังค์ไม่พอกินหรือไงไม่พอทำไมไม่บอกตา ตาจะได้ส่งเพิ่มให้ไม่
ต้องอดทนจนผอมโกรกแบบนี้
"อ้าว
วิภาดารีบครางตรีบดินท์อมยิ้มที่น้องสาวถูกทั้งตาทั้งอาว่า ว่าผอมโกรก
"ไปมาถึงเหนื่อยๆไปอาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลาเถอะ อาทำกับข้าวอร่อยๆรอตั้งแต่ เย็นแล้ว กะแล้วเชียวว่า
ต้องมาถึงค่ำ
"เดี๋ยวจ่ะตา อาแสงภามีอะไรมาด้วย
"อะไร เอาอะไรมา
"พี่ตรีน่ะสิคะขับรถชนตัวอ่ะไรก็ไม่รู้ มันยังไม่ตายเราเลยเอามันมาด้วย ตาช่วยดูมันหน่อยสิคะว่าจะช่วยมันยังไง
"ตัวอะไรไหนเอามาดูซิ
ตรีบดินท์รีบไปอุ้มเจ้าสัตว์บาดเจ็บเอามาให้ผู้เป็นตาดู ผู้เฒ่ามองสัตว์ที่ถูกวางลงบนพื้นถึงกับอุทาน
"ชะตาฟ้านี่
"ตัวอะไรนะครับตา
"ตัวชะตาฟ้า สัตว์ป่าหายากนะไม่เคยมีใครพบมานานนมแล้วน้ะ นี่มันยังไม่สูญพันธ์ุอีกหรือนี่
"จริงหรือตา ตารู้จักมันแน่นะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่