[ATB.ภาคพิเเศษ] เกมแห่งความทรงจำในอดีต Chelsea - Everton [6/11/2004]

เมื่อได้ดูการรีรันในเกมที่พึ่งผ่านไป ระหว่าง  Chelsea - Everton ทาง CTH S.4 ช่วง21.30-23.00น.ของคืนเมื่อวานนี้    ทำให้อดหวนกลับมาระลึกถึงเกมในอดีตเกมนึง    ที่มีความคล้ายคลึงกันในแง่ของความกดดันระหว่างเกม      
นั่นก็คือเกมนี้  Chelsea - Everton ที่เล่นในวันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน  2004

สำหรับการบรรยายในกระทู้นี้   มาจากความทรงจำในอดีตของตัวผมเกือบทั้งหมด  ข้อมูลบางอย่างเช่นอันดับของตารางคะแนนอาจจะไม่ตรงนัก  แต่ก็คิดว่าไม่น่าที่จะแตกต่างกันมากนัก   เนื่องจากไม่ได้มีเวลาค้นหาอย่างจริงจัง(กลัวว่าจะไม่มีเวลาเขียน)   หากว่าใครมีข้อมูลที่ถูกต้องรบกวนช่วยบอกกล่าวให้ทราบด้วยจะได้ทำการแก้ไข

เกมนี้เป็นเกมที่จ่าฝูงเชลซี ต้องเปิดบ้านรับ ทีมที่มีอันดับ3ในตารางคะแนนคือ เอฟเวอร์ตัน    เกมนี้เป็นคู่สุดท้ายของรายการแข่งในวันเสาร์
ก่อนที่จะเริ่มเกม   ทั้งคู่จัดได้ว่าเป็น2ทีมที่มีผลงานที่ดีเยี่ยมทั้งคู่   แต่เชลซีต้องลงเล่นโดยมีสถานะการณ์ที่กดดันอยู่   เนื่องจาก"แชมป์เก่า อาร์เซน่อล"กำลังทำคะแนนไล่จี้ขึ้นมาติดๆในอันดับที่2   หากว่าในเกมนี้เชลซีเกิดแพ้หรือเสมอ  อาร์เซน่อลก็จะมีคะแนนแซงขึ้นเป็นจ่าฝูงแทนทันที   เนื่องจากอาร์เซน่อลแข่งก่อนหน้าและเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้ก่อนในรอบช่วงบ่าย

เจ้าถิ่นเชลซี  จัดตัวนักเตะในผังการเล่นในรูปแบบ 4-3-3  โดยมีรายชื่อ11ตัวจริงแรกคือ Cech, Paulo Ferreira, Ricardo Carvalho, Terry, Babayaro, Makelele, Lampard, Tiago , Robben, Duff , Gudjohnsen

ส่วนเอฟเวอร์ตัน  จัดตัวนักเตะในผังการเล่นในรูปแบบ 4-5-1 โดยมีรายชื่อ11ตัวจริงแรกคือ  Martyn, Hibbert, Weir, Stubbs, Pistone , Watson , Osman , Cahill, Gravesen, Kilbane, Bent.

กรรมการในสนามคือ ไมค์ ไรลี่ย์

แผนการเล่นของเอฟเวอร์ตันในเกมนี้    เดวิด  มอยส์  เลือกใช้นักเตะในแดนกลางที่เป็นจุดเด่นของทีมในขณะเวลานี้ที่มีความแข็งแกร่งเหนียวแน่น   เอามาชนกับกองกลาง3คนและแผงหน้า3คนของเชลซีโดยเฉพาะ     ซึ่งนักเตะของเอฟ.ก็ทำได้ตามแผนที่วางเอาไว้เป็นอย่างดีเยี่ยม      ตลอดเวลา45นาทีในครึ่งแรกนั้น   เป็นการต่อสู้กันในแดนกลางสนามตลอดเวลา      นานๆครั้งถึงจะมีการหลุดเข้าไปยิงไกลนอกกรอบเขตโทษของทั้ง2ฝ่าย      ซึ่งก็ไม่มีประตูเกิดขึ้น  
สรุปว่าจบครึ่งแรก  เสมอกัน 0-0

เริ่มครึ่งหลังมา   เกมก็ยังเป็นเหมือนเกมในครึ่งแรก   ทั้ง2ทีมก็ยังคงต่อสู้กันตรงกลางสนามเหมือนครึ่งแรก     มูรินโญ่ก็เริ่มทนไม่ไหวเพราะว่าหากรูปเกมเป็นแบบนี้  ก็จะย่อมเสมอกัน    ซึ่งผลการเสมอนั้นจะทำให้อันดับที่2คือ อาร์เซน่อล แซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงแทน  เมื่อจบเกมนี้          ดังนั้นเมื่อเวลาของครึ่งหลังผ่านไปได้แค่13นาที     มูรินโญ่ก็แก้เกมโดยการเปลี่ยนตัว   โดยถอด Tiago ออกแล้วส่งศูนย์หน้าคือ Kezman ลงมาและเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเป็นแบบ 4-4-2  เพื่อต้องการที่จะยิงประตูเอฟเวอร์ตันให้ได้

การแก้เกมแบบนี้ของมูรินโญ่   โดยการถอดมิดฟิวล์ออกไป1คนนั้น   ทำให้แดนกลางและแดนหลังของเอฟเวอร์ตันค่อยๆดันขึ้นสูง   บริเวณกลางสนามเลยเส้นกลางมากขึ้น     ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างในระยะ30หลาจากกรอบเขตโทษเนื่องจากเซ็นเตอร์เริ่มดันขึ้นสูงเพื่อดันเกมรุก      และแล้วเมื่อถึงนาทีที่72 ก็เป็นเวลาที่มูรินโญ่วางแผนแก้เกมนั้นก็มีผลเกิดขึ้นในเวลานั้น

ในนาทีที่72 มาเกเลเล่ก็ตัดบอลได้ในบริเวณหน้ากรอบเขตโทษในแดนฝั่งตัวเอง   แล้วก็จ่ายบอลไปให้  Gudjohnsen ซึ่งก็ชิ่งบอลไปที่ Kezman ที่อยู่บริเวณวงกลมเส้นกลางสนาม  และ Gudjohnsen ก็วิ่งทำทางไปในแดนฝั่งเอฟเวอร์ตัน   ซึ่งดึงเอามิดฟิวล์และเซ็นเตอร์ของเอฟเวอร์ตันต้องไล่กวดตามไป   เพราะคิดว่าจะมีการชิ่งส่งบอลกลับไปให้ Gudjohnsen   ก็เลยทำให้ Robben ที่เจอการประกบซ้อน2คนตลอดทั้งเกมนั้น  เหลือตัวประกบแค่คนเดียวเท่านั้น
Kezman ก็เลือกจ่ายบอลทะลุช่องให้กับ Robben ทันที     ซึ่งเมื่อ Robben ได้เดี่ยวและมีพื้นที่ในการเร่งความเร็วในที่โล่งๆในระยะ30หลา    ก็หลุดเข้าไปดวลตัวๆกับผุ้รักษาประตูของเอฟ.คือ Martyn ก็ไม่มีพลาด   Robben ก็ส่งบอลให้ไปตุงตะข่ายอย่างเฉียบขาด   ทำให้เชลซีขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่72นั้นเอง
การทะลุเข้าไปยิงประตูในแผนนี้นั้น   ต้องชม Gudjohnsen และ Duff ซึ่งเร่งความเร็ววิ่งดึงตัวฝ่ายตรงข้ามให้พะวงวิ่งตามไปด้วย   ก็เลยทำให้ Robben มีโอกาสเลือกมุมยิงแบบเหน่งๆได้เลย   โดยไม่มีฝ่ายตรงข้ามเข้ามารบกวนการยิงประตูได้ทันเวลา

เมื่อเชลซียิงประตูนำได้ในเกมที่มันตีบๆตันๆแบบนี้     มูรินโญ่ก็สั่งปิดเกมในนาทีที่78  ซึ่งเป็นการรักษาพื้นที่ในแดนกลางสนามโดยการส่งมิดฟิวล์ชื่อ Geremi ลงมาแทน Gudjohnsen เพื่อกลับคืนมาสู่แผน 4-3-3 เช่นเดิม     ส่วน เดวิด มอยส์ ก็ส่ง พวกตัวรุกอย่าง Campbell ลงมาแทน Watson ในนาทีที่ 80 และส่ง McFadden ลงมาแทน Pistone  และส่ง Chadwick ลงมาแทน Osman เพื่อกะจะพยายามยิงประตูตีเสมอให้ได้    แต่ก็หวุดหวิดที่จะโดนลูกที่2จาก Kezman,Robben และ Duff ในการสวนกลับไปหลายครั้ง  แต่ยิงเจอเซฟจาก Martyn ไปหลายครั้ง  ไม่งั้นสกอร์จะต้องบวกเพื่อไปอีกหลายประตู

มูรินโญ่ สั่งปิดเกมอย่างเบ็ดเสร็จ   เนื่องจากท้ายเกมทางเอฟเวอร์ตันใช้วิธีโยนโด่งบอมส์เข้าในกรอบเขตโทษ      โดยการที่มู.สั่งถอด Duff ออกในนาทีที่ 86 แล้วส่ง ดาวรุ่งที่ขึ้นมาจากอคาดิมี่ของเชลซีในตอนนั้นในวัย20ปีทีชื่อ Robert Huth ลงมาป้องกันการบอมส์โด่งเข้าใส่ในกรอบเขตโทษ  เพราว่าไอ้นู๋คนนี้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์      หลังจากนั้นเอฟเวอร์ตันก็ทำอะไรไม่ได้    หมดเวลาเชลซีก็เลยชนะไป 1-0 กลับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงอย่างเดิม    โดยทิ้งระยะห่างจากอาร์เซน่อล2แต้ม       ส่วนเอฟเวอร์ตันก็ยังคงรั้งในอันดับที่3  อยู่ตามเดิม   เพราะว่าทีมที่ตามมาก็ไม่ชนะเช่นกัน


ที่เล่ามาซะยืดยาวนั้น    ก็เป็นการย้อนไประลึกถึงเกมที่เจอกับเอฟเวอร์ตันในอดีต  ซึ่งเชลซีอยู่ในสถานะการณ์ที่กดดันว่าจะต้องชนะ  เพื่อรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้    แต่สภาพการเล่นนั้มันไม่ใช่ว่าจะเป็นเกมที่ง่ายเลย    เนื่องจากในยุคนั้นหรือมาในยุคปัจจุบันนี้   ในการเจอกับทีมเอฟเวอร์ตัน  แม้แต่มูรินโญ่เองก็ออกมายอมรับว่ามันเป็นเกมที่ยากลำบากทุกเกม      ในเกมที่พึ่งผ่านมานี้(11/2/2015)ก็เป็นอีก1เกมที่ยากลำบากและกดดันมากสำหรับเชลซีทีกว่าจะเอาชนะได้

สรุปว่า   หลังเกมที่เล่ามานั้น   เมื่อจบฤดูกาลนั้น เชลซีก็ได้แชมป์ EPL. ส่วน เอฟเวอร์ตันก็จบในอันดับที่4  ได้ไปเล่น UCL.ในฤดูกาลต่อไป

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่