ขออนุญาตท้าวความครับ ซึ่งยาวมากๆแต่จำเป็นต้องเล่าครับไม่งั้นจะทำให้ไม่ทราบถึงต้นเหตุของปัญหานี้ครับ
คนที่ผมอยากช่วยนี้คือพ่อผมเองครับ
พ่อผมเองนั้นทำงานตั้งแต่เด็ก ดิ้นรนมาจนพอมีกินมีใช้ แต่เนื่องจากมีลูกหลานหลายคนก็เลยให้ลูกหลานบางคนช่วยงานที่บ้าน จนหลังๆก็ปล่อยให้ลูกบางคนดูแลกิจการส่วนตัวเองก็ยังช่วยบ้างตามประสา ก็คือไม่มีใครบังคับแต่พ่อผมเขาอยากทำเองตามประสาคนที่ทำงานดิ้นรนตั้งแต่เด็ก ซึ่งลูกๆก็ไม่ห้ามเพราะว่าคิดว่าถ้าห้ามจะทำให้พ่อผมนั้นอยู่โดยไม่มีอะไรทำในชีวิต น่าจะเป็นผลร้ายมากกว่า แต่ถ้าอยากหยุดทำเที่ยวอย่างเดียวลูกๆก็สนับสนุน
บ้านผมมีพี่น้องสี่คนครับ เป็นผู้ชายหมด ผมเป็นคนสุดท้าย คนโตแยกตัวออกไปทำกิจการตัวเอง ส่วนคนที่สองถึงสี่(รวมผม)ช่วยงานที่บ้านครับ
งานที่บ้านผมนั้นขายเกี่ยวกับอุปกรณ์ก่อสร้างครับ
แต่ปัญหาคือ เรื่องทรัพย์สินนั้นพี่ชายคนที่สองกับสาม ก็มีการครอบครอง แบ่งกันเอง พ่อผมเองก็ไม่ว่าอะไรเพราะถือว่าเขาช่วยกันสร้างกันมา ก็กันส่วนของตัวเองออกมา ส่วนตัวผมนั้นพึ่งมาช่วยปีหลังๆเลยไม่มีปากเสียง ก็แบ่งได้เท่าที่สมควรได้มาซึ่งก้ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเข้าใจว่าผมไม่ได้ช่วยสร้างกิจการนี้มาแต่ต้น พ่อแม่ให้มาแค่ไหนเอาแค่นั้นครับ
เนื่องจากปัญหาที่บ้านผมนั้นมันซับซ้อนมากๆครับ จะอธิบายก็ไม่รู้จะเริ่มไงดี แต่สรุปได้ว่าพี่ชายคนที่สามนั้นได้อาชีพขายวัสดุก่อสร้างที่บ้านไปบริหารต่อ
แต่โดยไม่สง่างามเท่าไรนัก ทำให้พ่อผมไม่ชอบหน้าทั้งพี่ชายคนที่สามและสะใภ้ ซึ่งปกติพี่ชายคนที่สองของผมนั้นจะเป้นคนดูแลงานในร้านเป็นหลัก แต่พอพี่ชายคนที่สามเข้ามาแย่งกิจการนี้ไปทำคนเดียว เนื่องจากพี่ชายคนที่สามไม่ค่อยช่วยงานหน้าร้านเท่าไร(จะวิ่งด้านเอกสารมากกว่าไม่ได้อยู่หน้าร้าน)เลยบริหารงานผิดพลาดทำให้ร้านเริ่มลูกค้าน้อยลง(เพราะขายของแพงกว่าเดิมมาก) แต่เขากลับพยายามโทษว่าผมมีส่วนผิดทำให้ขายไม่ดี(ผมออกมาทำแยกขายของเฉพาะอย่างแต่เนื่องจากที่ติดกันมันก็เลยมีการขายทับกัน แต่ก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีปัญหา) หาว่าผมขายของถูกไปเลยเป็นตัวเปรียบเทียบกับร้านเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมลดราคาเหมือนสมัยก่อนที่เคยเป็นกิจการส่วนรวม เอาง่ายๆคือไม่ดูว่าทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตัวเอง
ปัญหาอยุ่ตรงนี้ละครับเพราะว่าพ่อผมเขาไม่ชอบขี้หน้าพี่ชายคนที่สามเป็นทุนเดิม พอเขาเห็นว่ายังจะตามราวีโดยไม่ดูว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากความผิดตัวเอง พ่อผมก็เริ่มต่อต้านและเป็นแนวร่วมกับผม ซึ่งแน่นอนมีการโต้แย้ง เถียง ทำให้ชีวิตในบ้านทุกวันนี้มีแต่เรื่องครับ ไม่ปกติสุขเท่าไร
จริงๆปัญหากับพี่ชายผมผมเองอยากจะรับมือคนเดียว พ่อผมอายุจะ 80 แล้ว อยากให้อยู่อย่างมีความสุขมากกว่า แต่ทีนี้พอพ่อผมรู้เรื่องนี้เข้าเลยโดดเข้ามาร่วมวงโต้แย้งด้วยความโกรธ
หลังจากเกริ่นมานาน ทีนี้จึงขอเข้าสู่ปัญหาครับ ก็คือว่าพ่อผมเมื่อก่อนเคยอยากเข้าวัด อยากบวช อยากศึกษาธรรม แต่เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วพ่อผมนั้นต้องดิ้นรนมาแต่เด็ก ทำให้จิตใจค่อนข้างแข็งกระด้าง และเนื่องจากเรียนมาน้อย ความจำก็ไม่ดี ซึ่งเมื่อลองศึกษาธรรมมะ บทสวดมนต์ พ่อผมจะเจอปัญหาอ่านแล้วไม่เข้าใจ จำบทสวดไม่ได้ เอาง่ายๆคือปฎิบัติธรรมด้วยความยากลำบากครับ
ผมเคยแนะนำให้ลองไปถือศีลที่ว่าป่าจะดีไหม ยังไม่ต้องบวช ก็หาข้อมูลพร้อม แต่ปัญหาอย่างที่กล่าวข้างต้น ทำให้พ่อผมปฎิเสธ และยิ่งมีเรื่องพี่ชายคนที่สามแบบนี้ด้วยพ่อผมก็เลยร้อนไปด้วยจิตใจไม่สงบ บ่นว่าชีวิตทำไมไม่มีความสุขผมเองที่เป็นลูกก็ร้อนใจไปด้วย เพราะพ่อผมควรจะอยุ่อย่างสงบ อยากไปเที่ยวไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำไม่ต้องทำงานแล้ว แต่พ่อผมไม่ยอมครับ เพื่อนรุ่นเดียวกันก็ตายไปเยอะแล้ว เพื่อนที่สมาคมก็คบกันผิวเผินไม่ได้สนิทอะไรมาก ก็เลยเหมือนอยู่ตัวคนเดียว(แม่ตายไปนานแล้วครับ)
ผมเองพยายามผลักดันให้พ่อผมหลุดจากสภาพนี้ไปซึ่งทางที่ดีที่สุดคือให้พ่อผมนั้นไปอยู่ที่อื่น ไม่ต้องมาเจอปัญหาที่พี่ชายคนที่สามารถเอามาให้ ทางนึงที่ผมเสนอคือให้พ่อผมลองปฎิบัติธรรมหรือจะบวชพี่น้องทุกคนก็สนับสนุน แต่อย่างที่บอกปัญหาคือพ่อผมนั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจบทสวด หรืออ่านหนังสือธรรมะได้เลย บอกแต่ว่ายาก อ่านไม่เข้าใจ แต่ก็อยากจะปฎิบัติธรรมตามทีตัวเองรับได้ ซึ่งเต็มที่ก็แค่อ่านหนังสือเรื่องบาปบุญคุณโทษแบบพื้นๆทั่วไป แต่ไม่สามารถศึกษาพวกธรรมะขั้นลึกๆได้
เลยเป็นที่มาของคำถามว่า ผมควรทำอย่างไรดี ผมไม่อยากให้พ่ออยู่บ้านครับเพราะไม่งั้นเขาต้องรับรู้ปัญหาที่พี่ชายคนที่สามคอยก่อตลอดเวลา จะให้ไปอยู่กับพี่ชายคนอืนก็ไม่เอา จะให้บวชหรือปฎิบัติธรรมก็เจอปัญหาอย่างที่บอก ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำไงดีแล้วครับ ซึ่งทางที่ผมพอนึกออกคือมีวิธีไหนบ้างที่ให้คนเข้าใจธรรมะยากอย่างพ่อผมสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ จนนำไปสู่การลองไปปฎิบัติธรรมที่วัด(เพื่อเลี่ยงที่จะเห็นการขัดแย้งในบ้าน) ผมนึกไม่ออกจริงๆครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้พ่อผมบวช เพราะพ่อผมเคยเปรยมานานแล้วว่าหากแบ่งสมบัติให้ลูกกันหมดเมื่อไร เขาอยากจะบวชครับไม่อยากดิ้นรนทางโลกแล้ว
จะให้แก้ไขความโต้แย้งในบ้านบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะว่าต้นเหตุคือพี่ชายคนที่สามของผมเขาไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากตัวเขาและภรรยาเขา เขาคิดอย่างเดียวว่าคนอื่นผิด เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดเขาครับ ผมเองพร้อมจะรับมือกับพี่ชายคนนี้ครับ แต่ไม่อยากให้พ่อผมมารับรู้ปัญหา หากจะให้ผมแก้ไขที่ตัวเองโดยการยอมพี่ชายคนที่สาม ก็จะทำให้พี่ชายคนนี้ยิ่งได้ใจเหมือนกับที่เคยทำกับพี่ชายคนที่สองมาก่อนจนพี่ชายคนที่สองอยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้ผมเลยต้องสู้เพื่อปกป้องสิทธิตัวเองและไม่ให้เขาได้ใจเอาเปรียบพี่น้องคนอืนๆไปมากกว่านี้
ผมหวังแค่ว่าถ้าพ่อผมบวชหรือไม่ต้องบวชแต่ไปปฎิบัติธรรมที่วัดได้ เขาจะได้ไม่ต้องมารับรู้ปัญหาและผมจะโกหกว่าตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วพี่ชายคนที่สามเขาไม่ก่อปัญหาแล้ว พ่อผมจะได้สบายใจ แต่อย่างที่บอกผมก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดีแล้วครับ
อยากได้คำชี้แนะครับ สำหรับคนที่ต้องการศึกษาธรรมแต่ติดปัญหาที่ว่าอ่านหนังสือพระไม่เข้าใจ
คนที่ผมอยากช่วยนี้คือพ่อผมเองครับ
พ่อผมเองนั้นทำงานตั้งแต่เด็ก ดิ้นรนมาจนพอมีกินมีใช้ แต่เนื่องจากมีลูกหลานหลายคนก็เลยให้ลูกหลานบางคนช่วยงานที่บ้าน จนหลังๆก็ปล่อยให้ลูกบางคนดูแลกิจการส่วนตัวเองก็ยังช่วยบ้างตามประสา ก็คือไม่มีใครบังคับแต่พ่อผมเขาอยากทำเองตามประสาคนที่ทำงานดิ้นรนตั้งแต่เด็ก ซึ่งลูกๆก็ไม่ห้ามเพราะว่าคิดว่าถ้าห้ามจะทำให้พ่อผมนั้นอยู่โดยไม่มีอะไรทำในชีวิต น่าจะเป็นผลร้ายมากกว่า แต่ถ้าอยากหยุดทำเที่ยวอย่างเดียวลูกๆก็สนับสนุน
บ้านผมมีพี่น้องสี่คนครับ เป็นผู้ชายหมด ผมเป็นคนสุดท้าย คนโตแยกตัวออกไปทำกิจการตัวเอง ส่วนคนที่สองถึงสี่(รวมผม)ช่วยงานที่บ้านครับ
งานที่บ้านผมนั้นขายเกี่ยวกับอุปกรณ์ก่อสร้างครับ
แต่ปัญหาคือ เรื่องทรัพย์สินนั้นพี่ชายคนที่สองกับสาม ก็มีการครอบครอง แบ่งกันเอง พ่อผมเองก็ไม่ว่าอะไรเพราะถือว่าเขาช่วยกันสร้างกันมา ก็กันส่วนของตัวเองออกมา ส่วนตัวผมนั้นพึ่งมาช่วยปีหลังๆเลยไม่มีปากเสียง ก็แบ่งได้เท่าที่สมควรได้มาซึ่งก้ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเข้าใจว่าผมไม่ได้ช่วยสร้างกิจการนี้มาแต่ต้น พ่อแม่ให้มาแค่ไหนเอาแค่นั้นครับ
เนื่องจากปัญหาที่บ้านผมนั้นมันซับซ้อนมากๆครับ จะอธิบายก็ไม่รู้จะเริ่มไงดี แต่สรุปได้ว่าพี่ชายคนที่สามนั้นได้อาชีพขายวัสดุก่อสร้างที่บ้านไปบริหารต่อแต่โดยไม่สง่างามเท่าไรนัก ทำให้พ่อผมไม่ชอบหน้าทั้งพี่ชายคนที่สามและสะใภ้ ซึ่งปกติพี่ชายคนที่สองของผมนั้นจะเป้นคนดูแลงานในร้านเป็นหลัก แต่พอพี่ชายคนที่สามเข้ามาแย่งกิจการนี้ไปทำคนเดียว เนื่องจากพี่ชายคนที่สามไม่ค่อยช่วยงานหน้าร้านเท่าไร(จะวิ่งด้านเอกสารมากกว่าไม่ได้อยู่หน้าร้าน)เลยบริหารงานผิดพลาดทำให้ร้านเริ่มลูกค้าน้อยลง(เพราะขายของแพงกว่าเดิมมาก) แต่เขากลับพยายามโทษว่าผมมีส่วนผิดทำให้ขายไม่ดี(ผมออกมาทำแยกขายของเฉพาะอย่างแต่เนื่องจากที่ติดกันมันก็เลยมีการขายทับกัน แต่ก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีปัญหา) หาว่าผมขายของถูกไปเลยเป็นตัวเปรียบเทียบกับร้านเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมลดราคาเหมือนสมัยก่อนที่เคยเป็นกิจการส่วนรวม เอาง่ายๆคือไม่ดูว่าทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตัวเอง
ปัญหาอยุ่ตรงนี้ละครับเพราะว่าพ่อผมเขาไม่ชอบขี้หน้าพี่ชายคนที่สามเป็นทุนเดิม พอเขาเห็นว่ายังจะตามราวีโดยไม่ดูว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากความผิดตัวเอง พ่อผมก็เริ่มต่อต้านและเป็นแนวร่วมกับผม ซึ่งแน่นอนมีการโต้แย้ง เถียง ทำให้ชีวิตในบ้านทุกวันนี้มีแต่เรื่องครับ ไม่ปกติสุขเท่าไร
จริงๆปัญหากับพี่ชายผมผมเองอยากจะรับมือคนเดียว พ่อผมอายุจะ 80 แล้ว อยากให้อยู่อย่างมีความสุขมากกว่า แต่ทีนี้พอพ่อผมรู้เรื่องนี้เข้าเลยโดดเข้ามาร่วมวงโต้แย้งด้วยความโกรธ
หลังจากเกริ่นมานาน ทีนี้จึงขอเข้าสู่ปัญหาครับ ก็คือว่าพ่อผมเมื่อก่อนเคยอยากเข้าวัด อยากบวช อยากศึกษาธรรม แต่เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วพ่อผมนั้นต้องดิ้นรนมาแต่เด็ก ทำให้จิตใจค่อนข้างแข็งกระด้าง และเนื่องจากเรียนมาน้อย ความจำก็ไม่ดี ซึ่งเมื่อลองศึกษาธรรมมะ บทสวดมนต์ พ่อผมจะเจอปัญหาอ่านแล้วไม่เข้าใจ จำบทสวดไม่ได้ เอาง่ายๆคือปฎิบัติธรรมด้วยความยากลำบากครับ
ผมเคยแนะนำให้ลองไปถือศีลที่ว่าป่าจะดีไหม ยังไม่ต้องบวช ก็หาข้อมูลพร้อม แต่ปัญหาอย่างที่กล่าวข้างต้น ทำให้พ่อผมปฎิเสธ และยิ่งมีเรื่องพี่ชายคนที่สามแบบนี้ด้วยพ่อผมก็เลยร้อนไปด้วยจิตใจไม่สงบ บ่นว่าชีวิตทำไมไม่มีความสุขผมเองที่เป็นลูกก็ร้อนใจไปด้วย เพราะพ่อผมควรจะอยุ่อย่างสงบ อยากไปเที่ยวไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำไม่ต้องทำงานแล้ว แต่พ่อผมไม่ยอมครับ เพื่อนรุ่นเดียวกันก็ตายไปเยอะแล้ว เพื่อนที่สมาคมก็คบกันผิวเผินไม่ได้สนิทอะไรมาก ก็เลยเหมือนอยู่ตัวคนเดียว(แม่ตายไปนานแล้วครับ)
ผมเองพยายามผลักดันให้พ่อผมหลุดจากสภาพนี้ไปซึ่งทางที่ดีที่สุดคือให้พ่อผมนั้นไปอยู่ที่อื่น ไม่ต้องมาเจอปัญหาที่พี่ชายคนที่สามารถเอามาให้ ทางนึงที่ผมเสนอคือให้พ่อผมลองปฎิบัติธรรมหรือจะบวชพี่น้องทุกคนก็สนับสนุน แต่อย่างที่บอกปัญหาคือพ่อผมนั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจบทสวด หรืออ่านหนังสือธรรมะได้เลย บอกแต่ว่ายาก อ่านไม่เข้าใจ แต่ก็อยากจะปฎิบัติธรรมตามทีตัวเองรับได้ ซึ่งเต็มที่ก็แค่อ่านหนังสือเรื่องบาปบุญคุณโทษแบบพื้นๆทั่วไป แต่ไม่สามารถศึกษาพวกธรรมะขั้นลึกๆได้
เลยเป็นที่มาของคำถามว่า ผมควรทำอย่างไรดี ผมไม่อยากให้พ่ออยู่บ้านครับเพราะไม่งั้นเขาต้องรับรู้ปัญหาที่พี่ชายคนที่สามคอยก่อตลอดเวลา จะให้ไปอยู่กับพี่ชายคนอืนก็ไม่เอา จะให้บวชหรือปฎิบัติธรรมก็เจอปัญหาอย่างที่บอก ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำไงดีแล้วครับ ซึ่งทางที่ผมพอนึกออกคือมีวิธีไหนบ้างที่ให้คนเข้าใจธรรมะยากอย่างพ่อผมสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ จนนำไปสู่การลองไปปฎิบัติธรรมที่วัด(เพื่อเลี่ยงที่จะเห็นการขัดแย้งในบ้าน) ผมนึกไม่ออกจริงๆครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้พ่อผมบวช เพราะพ่อผมเคยเปรยมานานแล้วว่าหากแบ่งสมบัติให้ลูกกันหมดเมื่อไร เขาอยากจะบวชครับไม่อยากดิ้นรนทางโลกแล้ว
จะให้แก้ไขความโต้แย้งในบ้านบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะว่าต้นเหตุคือพี่ชายคนที่สามของผมเขาไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากตัวเขาและภรรยาเขา เขาคิดอย่างเดียวว่าคนอื่นผิด เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดเขาครับ ผมเองพร้อมจะรับมือกับพี่ชายคนนี้ครับ แต่ไม่อยากให้พ่อผมมารับรู้ปัญหา หากจะให้ผมแก้ไขที่ตัวเองโดยการยอมพี่ชายคนที่สาม ก็จะทำให้พี่ชายคนนี้ยิ่งได้ใจเหมือนกับที่เคยทำกับพี่ชายคนที่สองมาก่อนจนพี่ชายคนที่สองอยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้ผมเลยต้องสู้เพื่อปกป้องสิทธิตัวเองและไม่ให้เขาได้ใจเอาเปรียบพี่น้องคนอืนๆไปมากกว่านี้
ผมหวังแค่ว่าถ้าพ่อผมบวชหรือไม่ต้องบวชแต่ไปปฎิบัติธรรมที่วัดได้ เขาจะได้ไม่ต้องมารับรู้ปัญหาและผมจะโกหกว่าตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วพี่ชายคนที่สามเขาไม่ก่อปัญหาแล้ว พ่อผมจะได้สบายใจ แต่อย่างที่บอกผมก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดีแล้วครับ