สังคมแห่งการหลอกลวง

กระทู้คำถาม
พอดีได้ไลน์นี้มาครับ

เรื่องต่อไปนี้ บางคนเข้าใจ แต่บางคนก็ไม่เข้าใจ..อิๆ

สินทรัพย์เพียงนิด แต่มีค่ากับหลายชีวิต

นี่คือวันหนึ่งในตัวเมืองเล็กๆ....  พระอาทิตย์กำลังสาดแสงร้อนระอุ บนถนนก็ไร้ซึ่งผู้คน  ในเมืองเล็กๆแห่งนี้ทุกคนต่างเต็มไปด้วยหนี้สิน ต้องอาศัยเครดิตความไว้ใจเพื่อความอยู่รอด
ในเวลานี้เองมีนักเดินทางผู้ร่ำรวยคนหนึ่งจากต่างถิ่นเดินทางมา เขาเดินเข้าไปในโรงแรงแห่งหนึ่ง พร้อมกับนำเงินจำนวน  1000 หยวนออกมาวางบนเคาเตอร์ แล้วกล่าวว่า เขาต้องการจะขอดูห้องพักสักหน่อย เขาต้องการเลือกห้องพักที่ดีที่สุดและเหมาะสมสำหรับเขาสักหนึ่งห้องสำหรับค่ำคืนนี้
ระหว่างที่นักเดินทางผู้นี้ขึ้นไปดูห้อง เจ้าของโรงแรมก็รีบคว้าเงินจำนวน1000 หยวน พร้อมกับรีบวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ร้านขายหมูข้างๆโรงแรมเพื่อจ่ายเงินค่าเนื้อหมูที่เขาค้างไว้
เจ้าของร้านขายเนื้อหมูเมื่อได้เงิน 1000 หยวน ก็รีบข้ามถนนไปที่ฟาร์มหมูเพื่อจ่ายค่าหมูที่เขาซื้อมา
เจ้าของฟาร์มหมูเมื่อได้เงิน 1000 หยวน ก็รีบออกไปจ่ายค่าอาหารสัตว์ที่เขาเป็นหนี้ไว้
เจ้าของร้านขายอาหารสัตว์เมื่อได้เงิน 1000 หยวน ก็รีบนำเงินไปจ่ายค่าบริการสาวงาม (โสเภณี) **จริงๆแล้วในสภาวะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ ธุรกิจแบบนี้ไม่นิยมให้ใช้บริการเครคิต
เมื่อสาวงามได้รับเงิน 1000 หยวน ก็รีบตรงไปที่โรงแรมเพื่อจ่ายค่าห้องที่ค้างไว้
เจ้าของโรงแรมเมื่อได้รับเงินจากสาวงามก็รีบนำเงินมาวางไว้บนเคาเตอร์เหมือนเดิม เพื่อไม่ให้ลูกค้าที่อยู่ชั้นล่างสงสัย
เมื่อนักเดินทางผู้ร่ำรวยดูห้องพักเสร็จก็เดินกลับลงมาที่ชั้นล่างของโรงแรม ก็หยิบเงิน 1000 หยวนที่เคาเตอร์คืน พร้อมกับพูดว่า ไม่มีห้องไหนที่เขาพึงพอใจเลย จากนั้นเขาก็เก็บเงินใส่กระเป๋ากระเกงแล้วก็เดินจากไป...........
ในวันนั้น ไม่มีใครได้ผลประกอบการอะไร ไม่มีใครได้ใครเสียอะไร แต่ทุกคนที่เป็นหนี้ก็ต่างเคลียร์หนี้สินที่ค้างคาของตัวเองจนหมด ทุกคนก็ต่างรู้สึกมีความสุข
คำตอบก็คือ เงินจะต้องเกิดการแลกเปลี่ยนหมุนเวียนจึงจะมีมูลค่า และตราบใดที่ระบบเศรษฐกิจยังมีอยู่เราก็สามารถสร้างกำไรได้
คนที่อ่านแล้วเข้าใจก็ขอให้แชร์ให้กับผู้อื่น !!


เข้าใจไหมครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่