ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเป็นผู้ฉลาด
คอยสังเกตเจตสิกธรรมที่คิดขึ้นมา
เป็นแง่ธรรมะเพื่อถากถางกิเลส หรือเป็นกิเลสเพื่อเหยียบย่ำทำลายธรรมในหัวใจดวงเดียวกันนี้
นี่เป็นหลักใหญ่ที่เราจะต้องคิดด้วยกัน ต้องเป็นนักคิดนักเหตุผล สังเกตเจตสิกธรรม
สังขาร คำว่าสังขารเป็นได้ ๒ อย่าง
สังขารเทวทัต คอยทำลายตัวเอง หรือคอยทำลายอรรถธรรมนั้นประการหนึ่ง
สังขารฝ่ายมรรค เพื่อจะถอดถอนหรือปราบปรามกิเลสนั้นประเภทหนึ่ง
คือออกจากความคิดความปรุงนั่นแหละ เป็นแถวเป็นแนวมีความหมายไปในทางดีหรือชั่ว
ก็เรียกชื่อไปตามความหมายของเจตสิกธรรมที่แสดงออก เช่นเป็นไปในทางสั่งสมกิเลสหรือกีดขวางธรรม ท่านเรียกว่าเป็นสมุทัย
หากเป็นไปเพื่อความบุกเบิกทางเดินของตนเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ นั่นท่านเรียกว่ามรรค คือทางดำเนินเพื่อความพ้นทุกข์
ให้สังเกตจิตนั้นแหละทำหน้าที่ความคิดความปรุงอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับลูกฟุตบอลถูกเตะไปทางโน้นแล้วเตะไปทางนี้
กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่โดยลำพังไม่ได้ เรื่องจิตจะอยู่โดยลำพังตนเองได้อย่างไร เพราะกิเลสมันเต็มอยู่
ซึ่งเป็นเหมือนกับเท้าที่จะคอยเตะจิตใจ ให้เอนโน้นเอนนี้ คิดโน้นปรุงนี้อยู่ตลอดเวลา
จึงต้องอาศัยหลักธรรมะเข้าไปแก้สิ่งที่เป็นข้าศึกเหล่านี้ ให้ค่อยหมดไป ๆ โดยลำดับ
ด้วยความพากเพียร ด้วยความพยายามความอดความทน ไม่อดไม่ทนก็ไม่เรียกว่าเป็นผู้มุ่งต่อการต่องานอย่างแท้จริง
ไม่มีความพากเพียรก็ไม่เรียกว่าเราเดินตามทางของตถาคต หรือไม่เดินตามทางของนักปราชญ์
ความเพียรในธรรมทั้งหลายนี้มีไว้เพื่อคนจะเป็นคนดี ความอุตส่าห์พยายามก็พยายามในทางที่ชอบ
----------------------------
แดนสิ้นสมมุติ - พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๒
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=900&CatID=3
ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเป็นผู้ฉลาด คอยสังเกตเจตสิกธรรมที่คิดขึ้นมา
ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเป็นผู้ฉลาด คอยสังเกตเจตสิกธรรมที่คิดขึ้นมา
เป็นแง่ธรรมะเพื่อถากถางกิเลส หรือเป็นกิเลสเพื่อเหยียบย่ำทำลายธรรมในหัวใจดวงเดียวกันนี้
นี่เป็นหลักใหญ่ที่เราจะต้องคิดด้วยกัน ต้องเป็นนักคิดนักเหตุผล สังเกตเจตสิกธรรม
สังขาร คำว่าสังขารเป็นได้ ๒ อย่าง
สังขารเทวทัต คอยทำลายตัวเอง หรือคอยทำลายอรรถธรรมนั้นประการหนึ่ง
สังขารฝ่ายมรรค เพื่อจะถอดถอนหรือปราบปรามกิเลสนั้นประเภทหนึ่ง
คือออกจากความคิดความปรุงนั่นแหละ เป็นแถวเป็นแนวมีความหมายไปในทางดีหรือชั่ว
ก็เรียกชื่อไปตามความหมายของเจตสิกธรรมที่แสดงออก เช่นเป็นไปในทางสั่งสมกิเลสหรือกีดขวางธรรม ท่านเรียกว่าเป็นสมุทัย
หากเป็นไปเพื่อความบุกเบิกทางเดินของตนเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ นั่นท่านเรียกว่ามรรค คือทางดำเนินเพื่อความพ้นทุกข์
ให้สังเกตจิตนั้นแหละทำหน้าที่ความคิดความปรุงอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับลูกฟุตบอลถูกเตะไปทางโน้นแล้วเตะไปทางนี้
กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่โดยลำพังไม่ได้ เรื่องจิตจะอยู่โดยลำพังตนเองได้อย่างไร เพราะกิเลสมันเต็มอยู่
ซึ่งเป็นเหมือนกับเท้าที่จะคอยเตะจิตใจ ให้เอนโน้นเอนนี้ คิดโน้นปรุงนี้อยู่ตลอดเวลา
จึงต้องอาศัยหลักธรรมะเข้าไปแก้สิ่งที่เป็นข้าศึกเหล่านี้ ให้ค่อยหมดไป ๆ โดยลำดับ
ด้วยความพากเพียร ด้วยความพยายามความอดความทน ไม่อดไม่ทนก็ไม่เรียกว่าเป็นผู้มุ่งต่อการต่องานอย่างแท้จริง
ไม่มีความพากเพียรก็ไม่เรียกว่าเราเดินตามทางของตถาคต หรือไม่เดินตามทางของนักปราชญ์
ความเพียรในธรรมทั้งหลายนี้มีไว้เพื่อคนจะเป็นคนดี ความอุตส่าห์พยายามก็พยายามในทางที่ชอบ
----------------------------
แดนสิ้นสมมุติ - พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๒
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=900&CatID=3