อยู่เพื่ออะไร (spoil หนัง Sex Tape, Boyhood และ Gravity)

วันว่างๆเลยหยิบหนัง 3 เรื่องมาดูค่ะ 3 เรื่อง 3 แนวเลยก็ว่าได้ เรื่องแรก ไม่คิดไรมาก กะเอาฮา ซึ่งมันก็ฮาใช้ได้ในระดับนึง จริงๆแล้วหนังแบบนี้ ก็ดูเอาเพลินไม่ได้หวังอะไรจากมันอยู่แล้ว ดูจบแล้วก็แล้วกัน แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ มีบทพูดนึงจากหนังเรื่องนี้ ที่ยังติดอยู่ในใจฉัน แม้หนังจะจบไปแล้ว หนังเรื่องนี้คือเรื่อง Sex Tape

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

“Why do we keep having all of these days?  And then going to bed at night?  And then, having all these days and then going to bed at night?  Won’t we get bored of doing this stuff again and again and again?”

“ทำไมเราต้องทำนู่นนี่ตอนกลางวัน แล้วก็นอนตอนกลางคืน แล้วก็ทำนู่นนี่ตอนกลางวัน แล้วก็นอนตอนกลางคืน ไปตลอด เราจะไม่เบื่อเหรอที่ต้องทำเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมาๆๆ”

นี่เป็นคำถามของเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 3 ขวบ ที่ถามพ่อของเธอ ใจนึงก็แปลกใจที่เด็ก 3 ขวบจะมีคำถามอะไรแบบนี้ แต่อีกใจนึงก็เข้าใจว่าเด็กเป็นวัยช่างสงสัยและช่างถามเรื่องราวอันมากมาย เด็กน้อยคนนี้คงเห็นสิ่งที่พ่อแม่หรือผู้คนรอบข้างทำซ้ำไปซ้ำมาในแต่ละวัน จึงเกิดคำถามนี้ขึ้นมา ซึ่งคำถามของเด็กๆมันช่างบริสุทธ์ พวกเค้าไม่ได้ถามเพื่อลองภูมิ หรืออะไรทั้งสิ้น พวกเค้าถามเพราะสงสัยและอยากรู้จริงๆ ซึ่งบางครั้งผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตมานานกว่ามาก ก็ยังตอบบางคำถามของเด็กไม่ได้ด้วยซ้ำ

นั่นซิ ทำไมเราต้องทำเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาทุกวันๆ หลายคนใช้ชีวิตในแต่ละวันตามตาราง ตื่นเช้ามาก็อาบน้ำแต่งตัว ไปทำงาน เลิกงาน กลับบ้าน นอน วันรุ่งขึ้นก็ทำเหมือนเดิม เราไม่เบื่อกันบ้างหรือไงน๊า

ยังไม่ได้คิดหาคำตอบให้กับคำถามของเด็กน้อยจากหนังเรื่อง Sex Tape นี้ ก็ผลันไปเห็นดีวีดีหนังอีกเรื่องนึงวางอยู่ อืม ลองดูดีกว่า เผื่อจะมีคำถามอะไรเด็ดๆมาให้ขบคิดจากชีวิตของเด็กผู้ชายในเรื่องนี้มั่ง มันต้องมีซิ ก็เรื่องนี้มันคือเรื่อง Boyhood ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องราวชีวิตวัยเด็กของผู้ชายคนหนึ่ง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

“You know what I’m realizing?  My life is just gonna go, like that, this series of milestones.  Getting married, having kids, getting divorced.  The time that we thought you were dyslexic, when I taught you how to ride a bike.  Getting divorced again, getting my master’s degree.  Finally getting the job I wanted.  Sending you off to college.  You know what’s next?  Huh?  It’s my f__in funeral!.....  I just thought there would be more.”  

“รู้มั้ย ฉันเพิ่งรู้นี่แหล่ะว่า ชีวิตฉันมันเป็นอย่างงี้ คือผ่านไปทีละด่านๆ แต่งงาน มีลูก หย่า ตอนที่คิดว่าลูกเป็นโรคบกพร่องในการอ่าน ตอนสอนลูกถีบจักรยาน หย่าอีกที เรียนจบโท ในที่สุดก็ได้ทำงานที่ชอบ ส่งลูกออกไปอยู่มหาวิทยาลัย แล้วอะไรต่อรู้มั้ย? ห๊ะ? ก็งานเผาศพตัวเองไง!…. ฉันคิดว่ามันจะมีอะไรมากกว่านี้”

นี่ไม่ใช่คำพูดจากเด็กผู้ชายที่เป็นตัวเดินเรื่อง จริงๆแล้วฉันว่าชีวิตของผู้ชายคนนี้ ที่ค่อยๆเติบโตมาจากวัยเด็กกลายเป็นวัยรุ่น และกำลังจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ที่น่าสนใจ น่าจะเป็นชีวิตของแม่เค้ามากกว่า และแม่ของเค้านี่แหละ ที่เป็นคนพูดประโยคข้างต้นนี้ ชีวิตที่มีจุดมุ่งหมายให้ไขว่คว้า เหมือนเล่นเกมให้ผ่านไปทีละด่านๆ แต่เมื่อวันนึง มันไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรให้ไขว่คว้าอีกต่อไป คือผ่านมาทุกด่านแล้ว แล้วยังไงต่อล่ะ….. ผู้หญิงคนนี้ อายุประมาณ 40 กว่าๆได้ ผ่านโลกมาไม่น้อย แต่ก็กลับหาคำตอบให้กับการใช้ชีวิตไม่ได้ คล้ายๆกับเด็กน้อย 3 ขวบในเรื่องแรก คือ ชีวิตน่าจะมีอะไรมากกว่า ทำซ้ำไปซ้ำมาในแต่ละวัน หรือ ผ่านไปทีละด่านๆ หรือเปล่า???

หลายคนรอบตัวฉันรวมถึงฉันด้วย ก็มีชีวิตตามแพทเทินหรือรูปแบบที่เค้าทำๆกันมา เกิด เติบโต เรียนหนังสือ ทำงาน แต่งงาน มีลูก เลี้ยงลูกจนโต แล้วยังไงต่อ….. ชีวิตฉันอาจจะต่างออกไปซักหน่อยตรงที่ ไม่ได้แต่งงาน และไม่มีลูก แต่ชีวิตก็ยังดำเนินไปแบบซ้ำไปซ้ำมาๆ ไม่ต่างอะไรมากนักจากคนอื่นๆ แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ อยู่เพื่ออะไร?

What’s the point of living? ประโยคนี้เป็นคำถามจากหนังเรื่องนึงที่ได้ดูเมื่อ 2 ปีก่อน และยังคงประทับใจกับมันอยู่ จึงหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง Gravity

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

“What’s the point of going on?  What’s the point of living?  Your kid died.  Doesn’t get any rougher than that.  But still, it’s a matter of what you do now.  If you decide to go, then you’ve gotta just get on with it.  Sit back, enjoy the ride….. ”

“จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม อยู่เพื่ออะไร ลูกคุณก็ตายแล้ว ไม่มีอะไรจะหนักไปกว่านั้นแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่คุณทำตอนนี้ ถ้าคุณเลือกจะอยู่ต่อ คุณก็ต้องก้าวไปกับมัน ผ่อนคลาย และ สนุกไปกับชีวิต”

บางคนอาจจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่า อยู่เพื่ออะไร แต่บางคนอาจยังไม่มี และ อาจกลายเป็นปัญหาชีวิตไปเลยก็ได้ เพราะไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่ไปทำไม สำหรับฉัน เมื่อดูหนัง Gravity จบ ฉันจึงได้รู้ว่า Enjoy the ride นี่เองคือคำตอบของฉัน ฉันสนุกกับเกือบทุกๆสิ่งที่ฉันทำ มี passion มีความหลงไหล และมุ่งมั่นที่จะทำแต่ละสิ่งให้สำเร็จ แม้มันจะต้องทำซ้ำไปซ้ำมา และจะต้องเจออุปสรรค์มากมาย ก็ตาม แต่มันก็ทำให้แต่ละวันของฉันผ่านไปอย่างมีความหมาย อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า “It’s not the destination, it’s the journey that matters” “สิ่งสำคัญมันไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่มันคือการเดินทาง” เพราะท้ายที่สุดแล้วจุดหมายปลายทางของทุกคนก็คือที่เดียวกันหมด แต่ระหว่างทางก่อนที่ทุกอย่างจะแตกดับต่างหาก ที่แตกต่าง

แล้วคุณล่ะคะ อยู่เพื่ออะไรกัน?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่