เรื่องมีอยู่ว่า... เรามีโอกาสได้รู้จักกับคนคนนึงผ่านทางโลกโซเชียลเมื่อกลางเดือน ม.ค. ที่ผ่านมานี้เอง
เอาจริงๆเราไม่ได้คิดอะไรกับคนที่คุยกันผ่านแอพฯแบบนี้หรอก
ที่เข้าไปใช้เพราะอยากลองคุยลองฝึกภาษากับชาวต่างชาติ ซึ่งไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ฮ่าๆ
แล้วก็มีชายไทยคนนึงทักเรามา ไม่ได้คุยกันมากมายค่ะแค่ทักทายแล้วก็ถามเรื่องทั่วไป จนเขาขอไอดีไลน์เรา... เราก็ให้
เราลิ้งค์อินสตาแกรมไว้ในแอพฯนั้น เขาฟอลโล่เรามาเราก็ฟอลโล่กลับ ....เราเลยเห็นว่าเขารู้จักกับแฟนเก่าของพี่ที่เราสนิทด้วย
เลยคุยกันเรื่องคนที่เรารู้จักของทั้งคู่นี่แหละเลยทำให้มีเรื่องสนทนาเพิ่มมากขึ้น
เขาเป็นคนชอบเรียนภาษาค่ะเคยได้ทุนไปเรียนเยอรมัน.. ซึ่งเราก็ชอบ
แต่เขาเป็นคนที่เรียนรู้ไม่หยุดตอนนี้เรียนทั้งภาษาเยอรมันแล้วก็ภาษาสเปนไปด้วย
จนกระทั้งวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมาเขานัดเจอเรา เอาจริงๆเราไม่กล้าไปเจอหรอก.. เขานัดเราไปดูหนังเรื่อง "อเมริกันสไนเปอร์"
เราก็อ้างไปว่าเราติดลูกค้าคงไปดูไม่ได้ เขาเลยบอกว่างั้นไปกินข้าวเฉยๆก็ได้ ....เราปรึกษาเพื่อนว่าไปดีมั้ย
เพื่อนก็บอกให้เราไปให้เราลองเปิดใจดู แล้วเราก็ไปจริงๆค่ะนัดลูกค้าที่ห้างแถวๆลาดพร้าวแล้วเขาก็นัดเราที่นั่นด้วย
เจอกันวันนั้นเราตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยนัดเจอใครแบบนี้มาก่อน
..ตัวจริงเขาน่ารักตัวสูงมากตั้ง 182 ส่วนเราแค่ 153 รู้สึกไม่กล้าเดินด้วยเลย
การนัดเจอพูดคุยผ่านไปด้วยดีเขาดูฉลาดกวนนิดๆ ส่วนใหญ่เขาเป็นคนพูด เราเป็นคนเงียบๆชอบฟังมากกว่า
หลังจากวันนั้นก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ... โทรคุยกันซะส่วนใหญ่เพราะเขาใช้โทรศัพท์ธรรมดา แล้วก็มีไอพอด 1 เครื่องเอาไว้ใช้เล่นเน็ต
เราไม่ค่อยได้คุยไลน์กับเขาเท่าไหร่ เข้าใจว่าไอพอดจะใช้ได้ตอนมีไวไฟเท่านั้นแล้วเขาจะโทรมาช่วงดึกๆ
เพราะช่วงหัวค่ำเขาจะอ่านหนังสือและทำแบบทนสอบภาษา ลืมบอกไปค่ะเขาอายุ 25 ส่วนเราอายุ 26 ปี
เรามีโอกาสเจอเขาอีก 5 ครั้งก่อนหน้านี้เขาเป็นคนดูแลเราดีมาก เทคแคร์เรา ดูปกป้องเรา
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ไปดู "อเมริกันสไนเปอร์" ตามที่อยากดู เขาจับมือเราไว้ตลอดทั้งเรื่อง... เราชอบคนที่ดูแลเราแบบนี้แหละ
ตลอดระยะเวลา 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาที่คุยกับเขา เราชอบความคิดเขาที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขี้เล่น ขี้อ้อน
ส่วนตัวเราเองก็เป็นคนกวนๆเหมือนกันแต่ไม่ค่อยพูด... เขาบอกว่าเราดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา
จนกระทั้งเมื่อคืนนี้ เขาโทรฯมาหาเราเร็วกว่าปกติ ...เขาบอกกับเราว่าเขาไปคนยังไงซึ่งเราก็พอรู้อยู่บ้างแล้ว
เขาบอกว่าเขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูงนะ เขาสามารถอยู่คนเดียวได้โดยที่ไม่มีแฟน
เขาไม่ติดเฟสบุก ไม่ติดไลน์ (แอบเห็นไลน์ไม่ได้อ่าน 400 กว่า)
เขาชอบศึกษาหาความรู้เรื่อยๆไม่หยุดวันไหนไม่ได้อ่านเขาจะรู้สึกว่าเขาไม่ได้ใช้สมอง
และอีกมากมายที่เหมือนกับอยากให้เราบอกเขาว่า... งั้นอย่าคุยกันเลย
เขาบอกว่าระหว่างกับเราตอนนี้คือคนที่กำลังศึกษากัน เรียนรู้กัน เรายังไม่ได้คบกัน เขาไม่ได้บอกเราว่าเขารู้สึกดีกับเราไหม
เขาบอกว่าเขาไม่ได้คุยกับคนอื่นนะตอนนี้คือคุยกับเรา เขาบอกว่าเขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร
เขาบอกว่าไม่อยากให้เรามองอนาคตแค่อยากทำทุกวันนี้ให้มันดี คุยกันแบบนี้ก็มีความสุข
เราว่าเราเข้าใจตรงนี้... ได้แต่พูดอือๆ ก็รู้แล้วว่าเธอเป็นแบบนี้ เพราะอึ้งหน่อยๆ... คุยกันเกือบครึ่งชั่วโมง
เพิ่งมาคิดได้เมื่อเช้าว่า เฮ้ย!! เขาอยากให้เราเลิกยุ่งหรือเปล่าที่พูดแบบนี้
เราไม่ได้เป็นคนที่ทักไลน์กวนเขาตลอดเวลา แค่ทักไปตอนกลางวัน 2 3 ประโยค
แล้วก็ทักไปตอนเย็นถามว่าถึงห้องหรือยัง ทานอะไรหรือยัง แค่นั้น
แล้วเราก็ไม่เคยโทรจิกหรือรบกวนเวลาอ่าหนังสือของเขาเลย
แต่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเราเพิ่งเพิ่มเขาเป็นเพื่อนในเฟสบุค
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งแปลว่าหลังจากที่เราเจอกันแล้วเขาโพสข้อความน่าจะหมายถึงแฟนเก่าเขา
ข้อความประมาณว่า ....ถึงจะเจอใครแต่เขาก็ไม่คิดจะเปิดใจ เพราะเขารักผู้หญิงคนนั้นมาก....
ตอนนี้เราเลยสับสนว่า เขายังรักแฟนเก่ามากเลยยังไม่สามารถคบกับเราได้หรือเปล่า?
เรากลัวว่ามันจะเจ็บถ้าเรายังคุยกันต่อไปแต่เขาเองก็ยังคิดถึงแต่คนเดิม
แล้วการที่เขามาบอกเราเรื่องตัวตนของเขาแบบนี้ มันเป็นการปฏิเสธเราแบบอ้อมๆหรือเปล่าคะ?
เราเคยเจอเรื่องแบบนี้สุดท้ายผู้ชายคนนั้นบอกเราว่าเขาไม่พร้อมที่จะคบใคร เลยกลัวไปเลย
วันเสาร์ที่ 14 นี้เรามีนัดเจอกัน เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะมาเจอเราไหม
ปล. ยืมไอดีเพื่อนมาค่ะ
สำหรับคนที่มีโลกส่วนตัวสูง.. แบบนี้เรียกปฏิเสธทางอ้อมหรือเปล่า?
เอาจริงๆเราไม่ได้คิดอะไรกับคนที่คุยกันผ่านแอพฯแบบนี้หรอก
ที่เข้าไปใช้เพราะอยากลองคุยลองฝึกภาษากับชาวต่างชาติ ซึ่งไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ฮ่าๆ
แล้วก็มีชายไทยคนนึงทักเรามา ไม่ได้คุยกันมากมายค่ะแค่ทักทายแล้วก็ถามเรื่องทั่วไป จนเขาขอไอดีไลน์เรา... เราก็ให้
เราลิ้งค์อินสตาแกรมไว้ในแอพฯนั้น เขาฟอลโล่เรามาเราก็ฟอลโล่กลับ ....เราเลยเห็นว่าเขารู้จักกับแฟนเก่าของพี่ที่เราสนิทด้วย
เลยคุยกันเรื่องคนที่เรารู้จักของทั้งคู่นี่แหละเลยทำให้มีเรื่องสนทนาเพิ่มมากขึ้น
เขาเป็นคนชอบเรียนภาษาค่ะเคยได้ทุนไปเรียนเยอรมัน.. ซึ่งเราก็ชอบ
แต่เขาเป็นคนที่เรียนรู้ไม่หยุดตอนนี้เรียนทั้งภาษาเยอรมันแล้วก็ภาษาสเปนไปด้วย
จนกระทั้งวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมาเขานัดเจอเรา เอาจริงๆเราไม่กล้าไปเจอหรอก.. เขานัดเราไปดูหนังเรื่อง "อเมริกันสไนเปอร์"
เราก็อ้างไปว่าเราติดลูกค้าคงไปดูไม่ได้ เขาเลยบอกว่างั้นไปกินข้าวเฉยๆก็ได้ ....เราปรึกษาเพื่อนว่าไปดีมั้ย
เพื่อนก็บอกให้เราไปให้เราลองเปิดใจดู แล้วเราก็ไปจริงๆค่ะนัดลูกค้าที่ห้างแถวๆลาดพร้าวแล้วเขาก็นัดเราที่นั่นด้วย
เจอกันวันนั้นเราตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยนัดเจอใครแบบนี้มาก่อน
..ตัวจริงเขาน่ารักตัวสูงมากตั้ง 182 ส่วนเราแค่ 153 รู้สึกไม่กล้าเดินด้วยเลย
การนัดเจอพูดคุยผ่านไปด้วยดีเขาดูฉลาดกวนนิดๆ ส่วนใหญ่เขาเป็นคนพูด เราเป็นคนเงียบๆชอบฟังมากกว่า
หลังจากวันนั้นก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ... โทรคุยกันซะส่วนใหญ่เพราะเขาใช้โทรศัพท์ธรรมดา แล้วก็มีไอพอด 1 เครื่องเอาไว้ใช้เล่นเน็ต
เราไม่ค่อยได้คุยไลน์กับเขาเท่าไหร่ เข้าใจว่าไอพอดจะใช้ได้ตอนมีไวไฟเท่านั้นแล้วเขาจะโทรมาช่วงดึกๆ
เพราะช่วงหัวค่ำเขาจะอ่านหนังสือและทำแบบทนสอบภาษา ลืมบอกไปค่ะเขาอายุ 25 ส่วนเราอายุ 26 ปี
เรามีโอกาสเจอเขาอีก 5 ครั้งก่อนหน้านี้เขาเป็นคนดูแลเราดีมาก เทคแคร์เรา ดูปกป้องเรา
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ไปดู "อเมริกันสไนเปอร์" ตามที่อยากดู เขาจับมือเราไว้ตลอดทั้งเรื่อง... เราชอบคนที่ดูแลเราแบบนี้แหละ
ตลอดระยะเวลา 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาที่คุยกับเขา เราชอบความคิดเขาที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขี้เล่น ขี้อ้อน
ส่วนตัวเราเองก็เป็นคนกวนๆเหมือนกันแต่ไม่ค่อยพูด... เขาบอกว่าเราดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา
จนกระทั้งเมื่อคืนนี้ เขาโทรฯมาหาเราเร็วกว่าปกติ ...เขาบอกกับเราว่าเขาไปคนยังไงซึ่งเราก็พอรู้อยู่บ้างแล้ว
เขาบอกว่าเขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูงนะ เขาสามารถอยู่คนเดียวได้โดยที่ไม่มีแฟน
เขาไม่ติดเฟสบุก ไม่ติดไลน์ (แอบเห็นไลน์ไม่ได้อ่าน 400 กว่า)
เขาชอบศึกษาหาความรู้เรื่อยๆไม่หยุดวันไหนไม่ได้อ่านเขาจะรู้สึกว่าเขาไม่ได้ใช้สมอง
และอีกมากมายที่เหมือนกับอยากให้เราบอกเขาว่า... งั้นอย่าคุยกันเลย
เขาบอกว่าระหว่างกับเราตอนนี้คือคนที่กำลังศึกษากัน เรียนรู้กัน เรายังไม่ได้คบกัน เขาไม่ได้บอกเราว่าเขารู้สึกดีกับเราไหม
เขาบอกว่าเขาไม่ได้คุยกับคนอื่นนะตอนนี้คือคุยกับเรา เขาบอกว่าเขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร
เขาบอกว่าไม่อยากให้เรามองอนาคตแค่อยากทำทุกวันนี้ให้มันดี คุยกันแบบนี้ก็มีความสุข
เราว่าเราเข้าใจตรงนี้... ได้แต่พูดอือๆ ก็รู้แล้วว่าเธอเป็นแบบนี้ เพราะอึ้งหน่อยๆ... คุยกันเกือบครึ่งชั่วโมง
เพิ่งมาคิดได้เมื่อเช้าว่า เฮ้ย!! เขาอยากให้เราเลิกยุ่งหรือเปล่าที่พูดแบบนี้
เราไม่ได้เป็นคนที่ทักไลน์กวนเขาตลอดเวลา แค่ทักไปตอนกลางวัน 2 3 ประโยค
แล้วก็ทักไปตอนเย็นถามว่าถึงห้องหรือยัง ทานอะไรหรือยัง แค่นั้น
แล้วเราก็ไม่เคยโทรจิกหรือรบกวนเวลาอ่าหนังสือของเขาเลย
แต่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเราเพิ่งเพิ่มเขาเป็นเพื่อนในเฟสบุค
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งแปลว่าหลังจากที่เราเจอกันแล้วเขาโพสข้อความน่าจะหมายถึงแฟนเก่าเขา
ข้อความประมาณว่า ....ถึงจะเจอใครแต่เขาก็ไม่คิดจะเปิดใจ เพราะเขารักผู้หญิงคนนั้นมาก....
ตอนนี้เราเลยสับสนว่า เขายังรักแฟนเก่ามากเลยยังไม่สามารถคบกับเราได้หรือเปล่า?
เรากลัวว่ามันจะเจ็บถ้าเรายังคุยกันต่อไปแต่เขาเองก็ยังคิดถึงแต่คนเดิม
แล้วการที่เขามาบอกเราเรื่องตัวตนของเขาแบบนี้ มันเป็นการปฏิเสธเราแบบอ้อมๆหรือเปล่าคะ?
เราเคยเจอเรื่องแบบนี้สุดท้ายผู้ชายคนนั้นบอกเราว่าเขาไม่พร้อมที่จะคบใคร เลยกลัวไปเลย
วันเสาร์ที่ 14 นี้เรามีนัดเจอกัน เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะมาเจอเราไหม
ปล. ยืมไอดีเพื่อนมาค่ะ